ภาพรวม
- พระเจ้าทรงให้ผู้นำแต่ละเผ่าของอิสราเอลนำไม้เท้ามาวางหน้าหีบพันธสัญญา เพื่อจะดูว่าไม้เท้าของใครจะงอก เพื่อจะให้รู้ว่าใครคือคนที่พระเจ้าทรงเลือกให้เป็นผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณ
สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ
https://audius.co/drker/numbers17-84363
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
กันดารวิถี บทที่ 17 หลังจากเรื่องของกบฏโคราห์ที่ต่อต้านโมเสสและอาโรนจบลงแล้ว
พระเจ้าทรงสั่ง คนอิสราเอลให้เอาไม้เท้ามาจากผู้นำเผ่าต่างๆ เผ่าละ 1 อัน
แล้วเขียนชื่อผู้นำแต่ละคนไว้บนไม้เท้าของเขา
และเขียนชื่อของอาโรนไว้บนไม้เท้าของคนเลวี
แล้วให้วางไม้เท้าเหล่านั้นไว้ในพลับพลาหน้าหีบพันธสัญญา
ถ้าไม้เท้าของใครงอก คนนั้นก็คือ คนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้
คนอิสราเอลก็ทำตาม
วันรุ่งขึ้นโมเสสเข้าไปในพลับพลา ก็พบว่า ไม้เท้าของอาโรนนั้น งอกขึ้น
ทั้งมีดอกตูมและดอกบาน และเกิดผลอัลมอนด์สุก
แล้วโมเสสก็นำไม้เท้าทั้งหมด มาให้คนอิสราเอลตรวจดู
พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ให้นำไม้เท้าของอาโรนกลับไปวางไว้ต่อหน้าหีบพันธสัญญา
เพื่อเก็บไว้เป็นสัญลักษณ์เตือนพวกกบฏ
เพื่อจะให้เขาทั้งหลายยุติการบ่นว่าพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะไม่ต้องตาย
โมเสสก็ทำตาม
คนอิสราเอลก็ตระหนักว่าพวกเขาได้ทำผิด มีโทษถึงตาย พวกเขาก็เริ่มหวาดกลัว
และร้องขอความช่วยเหลือจากโมเสส
1. คนอิสราเอลข้องใจในสิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานแก่อาโรน
อาโรนไม่ได้ทำอะไรเพื่อปกป้องสิทธินั้น แต่พระเจ้าทรงกระทำให้เอง
เพราะว่า เมื่อใครก็ตามต่อต้านสิทธิอำนาจที่เราได้รับจากพระเจ้า
เขาไม่ได้กำลังต่อต้านเรา แต่กำลังต่อต้านพระเจ้าผู้ประทานสิทธิอำนาจนั้นแก่เรา
ดังนั้นพระเจ้าจะจัดการเขาเอง
วันนี้ หากใครต่อต้านสิ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำ
เราไม่จำเป็นต้องทำอะไร
พระเจ้าจะเป็นผู้จัดการเรื่องนี้เอง
2. เหตุการณ์นี้ ดูเผินๆ เหมือนกับเพื่อช่วยอาโรนเท่านั้น
แต่ความจริงแล้วเพื่อช่วยคนอิสราเอล เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้พวกเขาทำสิ่งผิดพลาด จนนำเหตุร้ายมาสู่ตนเอง
เมื่อพระเจ้าทรงเตือนสอนเรา ผ่านเหตุการณ์ต่างๆนั้น พระองค์ทรงกระทำเพื่อผลดีต่อเราทั้งสิ้น
เพื่อเราจะไม่ถลำลึก จนสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตของตน
3. เมื่อคนอิสราเอลตระหนักว่าพวกเขาทำผิดมหันต์เสียแล้ว
พวกเขาหวาดกลัว และเปลี่ยนพฤติกรรมชั่วคราว แต่ไม่ใช่กลับใจจริงๆ
ต่อมาใน กดว.20 พวกเขาก็กลับมาบ่นต่อว่าโมเสสอีก
การเกรงกลัวการตีสอนของพระเจ้า ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันว่า
เรากลับใจจริงๆ เพราะอาจเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมชั่วคราว
และพร้อมที่จะกลับไปทางเดิม เมื่อโอกาสมาถึงอีกครั้ง
การกลับใจจริงๆ จึงไม่ใช่การเกรงการลงโทษ
แต่เป็นการเห็นพ้องต้องกันกับพระเจ้า ว่า สิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งนำไปสู่การปรารถนาอย่างยิ่งที่จะไม่ทำมันอีกแล้ว
คำคม
“ เมื่อเราทำตามคำสั่งของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงดูแลเราเอง ”