ภาพรวม
- พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับอับราม ว่าจะอวยพรเชื้อสายของเขามากมาย แต่อย่างไรก็ดีเชื้อสายของเขาต้องตกเป็นทาสในต่างแดน 400 ปี ก่อน แล้วพระเจ้าจะทรงนำพวกเขาออกมาพร้อมสมบัติมากมาย
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
ปฐมกาล บทที่ 15 พระเจ้าตรัสกับอับรามทางนิมิตว่า
“อับรามเอ๋ย เจ้าอย่ากลัวเลย เราเป็นโล่ของเจ้า บำเหน็จของเจ้าจะมากมายนัก”
อับรามจึงทูลว่า สิ่งของที่พระองค์จะประทานแก่เขา จะมีประโยชน์อะไร เขาไม่มีลูก
ดังนั้นของทั้งหมดนั้นก็จะต้องตกเป็นของคนอื่นไปอยู่ดี
พระเจ้าตรัสกับอับรามว่า
“…บุตรชายที่เกิดจากเจ้าจะเป็นผู้รับมรดกของเจ้า”
แล้วพระองค์จึงพาอับรามออกมาข้างนอก แล้วตรัสว่า
“มองดูฟ้าสิ ถ้าเจ้าสามารถนับดาวทั้งหลายได้ ก็นับไป
เชื้อสายของเจ้าจะเป็นเช่นนั้น”
อับรามก็เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าตรัส
ความเชื่อนั้นพระองค์ทรงถือว่าเป็นความชอบธรรมแก่เขา
พระเจ้าตรัสว่า
“เราคือยาห์เวห์ผู้พาเจ้าออกจากเมืองเออร์ของชาวเคลเดีย
เพื่อจะยกดินแดนนี้ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้า”
อับรามทูลว่า
“…ข้าพระองค์จะทราบได้อย่างไรว่า จะได้ดินแดนนี้เป็นกรรมสิทธิ์?”
พระเจ้าตรัสว่า
“เอาลูกโคตัวเมียอายุสามปี แพะตัวเมียอายุสามปีและแกะตัวผู้อายุสามปี
นกเขาตัวหนึ่งกับนกพิราบตัวหนึ่งมาให้เรา”
อับรามจึงนำสัตว์ทั้งหมดเหล่านี้มาถวาย
และผ่าครึ่งวางข้างละซีกตรงกัน แต่ไม่ได้ผ่าครึ่งนก
และเฝ้าอยู่จนตะวันใกล้จะตกดิน
อับรามก็นอนหลับสนิท
เวลานั้นความกลัวและความมืดอย่างยิ่งก็มาทับถมอับราม
พระเจ้าตรัสกับอับรามว่า
…เชื้อสายของอับรามจะไปอยู่ต่างแดนถึง 400ปีและพวกเขาจะต้องรับใช้ชาวเมืองนั้น
และพวกเขาจะถูกกดขี่ข่มเหงที่นั่น
ส่วนชนชาติที่พวกเขารับใช้อยู่นั้น พระเจ้าจะพิพากษาลงโทษ
ต่อมาในชั่วอายุที่ 4 เชื้อสายของอับรามจะออกมา พร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย
เหตุที่ต้อง รอถึง 400 ปี เพราะ ความบาปชั่วของคนอาโมไรต์ยังไม่ครบถ้วน
จึงยังทรงให้โอกาสพวกคนคะนาอันกลับใจอีก 400 ปี
ส่วนอับรามจะตายอย่างสงบ ในยามชรามากแล้ว
เมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว ก็มี เตา ที่มีควันพลุ่งอยู่ และคบเพลิง
เลื่อนลอยมาระหว่างกลางซีกสัตว์เหล่านั้น
แล้วพระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับอับรามว่า
พระเจ้าทรงมอบดินแดนนี้ให้เชื้อสายของอับรามแล้ว
ตั้งแต่แม่น้ำอียิปต์ไป ถึง แม่น้ำยูเฟรติส
รวมทั้งแผ่นดินของคน 10 ชนชาติในบริเวณนั้นด้วย
– เอลีเยเซอร์ ที่กล่าวถึงใน ข้อที่ 2 น่าจะเป็นคนรับใช้ของอับราม คนเดียวกันกับคนที่อับรามส่งไปที่ปัดดานอารัมเพื่อหาภรรยามาให้อิสอัคบุตรชาย ใน บทที่ 24
– พระเจ้าไม่ได้บอกว่า เชื้อสายของอับรามจะมีจำนวนเท่ากับดวงดาว (ซึ่งนักดาราศาสตร์บางท่าน ประมาณว่า น่าจะมีอยู่มากกว่า 1,000,000,000,000,000,000,000 ดวง) แต่บอกว่า จะมากมายจนนับไม่ได้เหมือนจำนวนดวงดาวที่มากมายจนนับไม่ได้
– อับรามเชื่อในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ที่พระเจ้าได้ตรัสแก่เขา
พระเจ้าจึงทรงถือว่า เป็นความชอบธรรมของเขา(รม. 4:3; กท. 3:6; ยก. 2:23)
ที่เขาถวายเกียรติแด่พระเจ้าเช่นนั้น
การเชื่อใคร เป็นการให้เกียรติแด่ผู้นั้น
การไม่เชื่อใคร เป็นการดูถูกผู้นั้น
ขณะนี้เรากำลัง ให้เกียรติพระเจ้า หรือกำลังดูถูกพระองค์ ?
– พระเจ้าตรัสแก่อับรามว่า พระองค์เป็นผู้พาเจ้าออกจากเมืองเออร์ ทั้งที่ดูเผินๆ
อับรามออกจากเมืองเออร์ก็เพราะว่า เทราห์ผู้เป็นพ่อของอับราม เป็นผู้พาลูกๆของเขาออกจากเมืองเออร์(ปฐก. 11:31)
การกระทำของเทราห์ อยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า จึงกล่าวได้ว่าพระเจ้าเป็นผู้นำอับรามออกจากเมืองเออร์
วันนี้ อาจเพราะการกระทำของคนบางคนทำให้เรามาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เราสามารถมองได้ว่า พระเจ้าทรงนำเรามาในเหตุการณ์นี้ ดังนั้นวิธีจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างดี ก็ทำได้โดยการพึ่งพาพระเจ้า
– อับรามถามพระเจ้าว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น
พระเจ้าจึงทำพันธสัญญากับเขา
การทำพันธสัญญาในสมัยโบราณนั้น จะใช้สัตว์ผ่าเป็นสองซีก เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการตกลง
อับราม จัดเตรียมสัตว์เหล่านั้นและรอคอยการยืนยันจากพระเจ้า
พอดวงอาทิตย์ตก พระเจ้า ก็ให้มีคบเพลิงเลื่อนลอยมาระหว่างกลางซีกสัตว์เหล่านั้น
เป็นการทำพันธสัญญาอย่างสมบูรณ์
– พระเจ้าบอกอับรามไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าอิสราเอลจะต้องตกเป็นทาสในอียิปต์ 400 ปี ดังนั้นการตกเป็นทาสของอิสราเอล ไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ แต่เพราะพระองค์มีแผนการลึกซึ้งเกิดกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้
การตกเป็นทาสในอียิปต์ 400 ปี
>> ทำให้อิสราเอลกลุ่มคนเล็กๆ มีเวลา 400 ปี เพิ่มพูนจำนวนมากมายจนถึงกว่า 3 ล้านคน โดยที่ตลอด 400 ปีนั้น ไม่ต้องวิตกกังวลถึงชนชาติจะมาสู้รบกับพวกเขาเลย
>> ทำให