สรุป ปฐมกาล 01

ภาพรวม

  • พระเจ้าทรงสร้างทุกสิ่ง เสร็จสมบูรณ์ ใน 6 วัน และเห็นว่าดียิ่งนัก

# สรุป

@ สิ่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 1 กล่าวถึง การทรงสร้างของพระเจ้า
เริ่มจาก ทรง​เนร​มิต​สร้าง​ฟ้า​และ​แผ่น​ดิน
แผ่น​ดิน​ก็​​ว่าง​เปล่า ความ​มืด​อยู่​เหนือ​น้ำ
วันที่ 1 ทรงสร้างความ​สว่าง และ​ทรง​แยก​ความ​สว่าง​ออก​จาก​ความ​มืด
วันที่ 2 ทรงสร้างพื้นฟ้าแล้ว​ทรง​แยก​น้ำ​ที่​อยู่​ใต้​​พื้นฟ้า​ออก​จาก​น้ำ​ที่​อยู่​เหนือ​​พื้นฟ้า
วันที่ 3 ทรงให้น้ำ​ที่​อยู่​ใต้​ฟ้า​​อยู่​ใน​ที่​เดียว​กันเป็นทะเล และทรงให้แผ่นดินปรา​กฏ​ขึ้น ทรงสร้าง​พืช​บนแผ่นดิน
วันที่ 4 ทรงดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ​ดวง​ดาว​ต่างๆ
วันที่ 5 ทรงสร้างสัตว์น้ำ ​สัตว์ปีก ทรง​อวย​พร​สัตว์​เหล่า​นั้น​ ให้​มี​ลูก​ดก​ทวี​มาก​ขึ้น
วันที่ 6 ทรงสร้าง​สัตว์บก สัตว์​เลื้อย​คลาน และทรงสร้าง​มนุษย์​เป็นชายและหญิง ตาม​ฉายา​ของ​พระองค์ ให้​ปก​ครอง​สัตว์ทุกชนิด และปกครองแผ่นดินโลก ​ทรง​อวย​พร​มนุษย์ให้​มี​ลูก​ดก​ทวี​มาก​ขึ้น​จน​เต็ม​แผ่น​ดิน ทรง​ให้​ธัญ​พืช​ที่​มี​เมล็ด​ทุก​ชนิด และ​ต้น​ไม้​ผล​ทุก​ชนิด​ที่​มี​เมล็ด​ใน​ผล​ของ​มัน​ เป็น​อาหาร​ของมนุษย์
ส่วน​สิ่ง​มี​ชีวิต​ที่​มี​ลม​หาย​ใจทั้งหมด​นั้น พระเจ้าทรง​ให้​พืช​เขียว​สด​ทั้งปวง​เป็น​อาหาร

– เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลกนั้น พระองค์ทรงสร้างอย่างดีและงดงาม แล้วทรงยกทุดอย่างให้มนุษย์ ช่างเป็นความรักพระเมตตาของพระเจ้าอย่างเหลือล้นแก่มนุษย์พวกเป็นเพียงแต่ผงคลี
– “วัน” ในภาษาฮีบรูในบทนี้ แปลได้อีกอย่างว่า “ช่วงเวลา” จึงไม่ได้หมายถึง วัน 24 ชม. เพราะในตอนต้นๆนั้น ดวงอาทิตย์ยังไม่ถูกสร้างเลย
– อาหารที่พระเจ้าสร้างแก่มนุษย์ตั้งแต่แรกนั้น คือ ​ธัญ​พืช​ที่​มี​เมล็ด​ทุก​ชนิด และ​ต้น​ไม้​ผล​ทุก​ชนิด​ที่​มี​เมล็ด​ใน​ผล​ของ​มัน​ การกลับไปรับประทานอาหารเหล่านี้ให้มากยิ่งกว่าอาหารอื่นๆ ย่อมนำไปสู่สุขภาพที่แข็งแรง
– สิ่งแรกที่พระเจ้าทรงกระทำในวันแรกนั้น คือ แยกความสว่างออกจากความมืด ดูเหมือนสิ่งสุดท้ายที่พระองค์ทรงกระทำให้ยุคนี้ก็คือ แยกความมืดออกไปจากความสว่าง พิพากษามารซาตานและคนอธรรม แล้วทิ้งลงในบึงไฟนรก
– พระเจ้าทรงอวยพรสิ่งมีชีวิตที่พระองค์ทรงสร้าง ให้เกิดผลมากมาย ดูเหมือนการเกิดผลเป็นพระพรที่มาจากพระเจ้า ดังนั้นหากเราต้องการเกิดผลอย่างแท้จริง เราต้องการการอวยพระพรจากพระเจ้าอย่างยิ่ง

คำคม

“ เราสามารถเห็นความรักของพระเจ้าได้ จากทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง ”

สรุป ปฐมกาล 2

ภาพรวม

  • พระเจ้าทรงรักมนุษย์ ทรงสร้างมนุษย์พิเศษกว่าสิ่งใดๆ และประทานสิ่งที่ดีเลิศที่สุดให้แก่เขา

# สรุป

@ สิ่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 2 กล่าวถึง เมื่อพระเจ้าทรง​สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก​เสร็จแล้ว ใน 6 วัน
วัน​ที่ 7 พระ​เจ้า​ทรง​หยุด​พัก​จาก​การ​งาน​ทั้ง​สิ้น​ของ​พระ​องค์​ที่​ได้​ทรง​กระ​ทำ และ​ทรง​อวย​พร​วัน​ที่ 7 ทรง​ตั้ง​ไว้​เป็น​วัน​บริ​สุทธิ์

รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องการทรง​สร้าง มี​ดัง​นี้
สมัยนั้น​ยัง​ไม่​มี​ฝน​ตก​บน​แผ่น​ดิน แต่​มี​ละ​ออง​น้ำ​ขึ้น​มา​จาก​แผ่น​ดิน รด​พื้น​ดิน​ทั่ว​ทั้ง​หมด
พระ​เจ้า​ทรง​ปั้น​มนุษย์​ด้วย​ผง​คลี​ ระบาย​ลม​ปราณ​เข้า​ทาง​จมูก​ของ​เขา
​พระ​เจ้า​ทรง​สร้างสวน​เอเดน​ และ​ทรง​กำ​หนด​ให้​มนุษย์​​อยู่​ที่​นั่น
พระ​เจ้า​ทรง​ให้​ต้น​ไม้​ทุก​ชนิด​ ​งาม​น่า​ดู​และ​น่า​กิน​ มี​ต้น​ไม้​แห่ง​ชีวิตกับ​ต้น​ไม้​แห่ง​การ​รู้​ถึง​ความ​ดี​และ​ความ​ชั่ว​ อยู่กลางสวน
มี​แม่​น้ำ​สาย​หนึ่ง​ไหล​จาก​เอเดน​ รด​สวน​นั้น แม่น้ำนั้นแยก​เป็น แม่น้ำ 4 สาย ​คือ ​ปิโชน ​กิโฮน ​ไทกริส และ​ยูเฟร​ติส
​พระ​เจ้า​​ทรง​ให้​มนุษย์​ ​ดูแล​สวน ​ตรัส​สั่ง​มนุษย์​นั้น​ว่า
“ผลไม้​ทุก​อย่าง​ใน​สวน​นี้ เจ้า​กิน​ได้​ตาม​ใจ​ชอบ
แต่​ผล​ของ​ต้น​ไม้​แห่ง​การ​รู้​ถึง​ความ​ดี​และ​ความ​ชั่ว​นั้น ห้าม​เจ้า​กิน
เพราะ​ใน​วัน​ใด​ที่​เจ้า​กิน เจ้า​จะ​ต้อง​ตาย​แน่”

พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า
“การ​ที่​ชาย​ผู้​นี้​จะ​อยู่​แต่​ลำพัง​นั้น​ไม่​ดี เรา​จะ​สร้าง​คู่​อุป​ถัมภ์​ที่​เหมาะ​สม​กับ​เขา​ขึ้น”
พระเจ้า​ทรง​นำสัตว์ต่างๆ​มา​ยัง​ชาย​นั้น เพื่อ​ดู​ว่า ให้เขาเลือกเป็นคู่อุปถัมภ์
แต่​ชาย​นั้น​ยัง​ไม่​พบ​คู่​อุป​ถัมภ์​ที่​เหมาะ​สม​กับ​เขา
แล้ว​​พระ​เจ้า​จึง​ทรง​ทำ​ให้​ชาย​นั้น​หลับ​สนิท ​ทรง​ชัก​กระ​ดูก​ซี่โครง​ซี่​หนึ่ง​ของ​เขา​ออก​มา ทรง​สร้าง​ให้​เป็น​หญิง แล้ว​ทรง​นำ​มา​ให้​ชาย​นั้น
ชาย​นั้น​จึง​เลือกหญิงนั้นเป็นคู่อุปถัมภ์ โดยกล่าวว่า
“นี่​แหละ กระ​ดูก​จาก​กระ​ดูก​ของ​เรา เนื้อ​จาก​เนื้อ​ของ​เรา
จะ​เรียก​คน​นี้​ว่า​หญิง เพราะ​คน​นี้​ออก​มา​จาก​ชาย”
ผู้​ชาย​และ​ภรรยา​ของ​เขา​เปลือย​กาย​อยู่​ทั้ง​สอง​คน​และ​ไม่​อาย​กัน

– วันที่ 7 เป็นวันที่พระเจ้าอวยพระพรเป็นพิเศษ ไม่ใช่ ทำงานเกิดผลเป็นพิเศษ แต่ได้พักผ่อนจากการงาน การพักผ่อนจึงเรียกได้ว่า เป็นพระพรจากพระเจ้า
– ยังไม่มีฝนตกสู่แผ่นดินเลย จนกระทั่งสมัยโนอาห์ คนสมัยนั้นจึงไม่เชื่อโนอาห์ว่า จะมีน้ำท่วมโลกได้
– มนุษย์มีชีวิต ไม่ใช่เมื่อพระเจ้าปั้นเสร็จ แต่เมื่อลมปราณของพระเจ้าเข้าสู่มนุษย์ วันนี้มนุษย์ผู้ตายในบาปจะกลายเป็นผู้มีชีวิตอีกครั้ง เมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาในตัวเขา หลังจากที่เข้าต้อนรับเชื่อพระเยซูคริสต์
– ต้นไม้ที่มีผลทุกต้นล้วนน่ากิน ไม่ใช่แค่ต้นไม้แห่งชีวิตเท่านั้น ดังนั้นไม่ใช่อาดัมไม่มีทางเลือก แต่เขาจงใจเลือกทางผิด
– ขอบคุณพระเจ้าที่ อาดัม ไม่เลือก ฮิปโปโปเตมัส เป็นคู่อุปถัมภ์
– สามีภรรยา เป็นเนื้อเดียวกัน จึงผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง และไม่อายต่อกัน

คำคม

“ พระเจ้าทรงรักเรา ประทานสิ่งงดงามให้แก่เรา อย่าทำมันพัง ”

สรุป ปฐมกาล 3

ภาพรวม

  • มนุษย์เลือกที่จะเชื่อว่า พระเจ้าพูดโกหก มารพูดจริง เลือกเชื่อว่า พระเจ้าเห็นแก่ตัว พระองค์ขี้อิจฉา และด้วยความโลภของพวกเขา พวกเขาจึงเลือกไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระองค์

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 3 มารใช้งู​มา​ถาม​เอวา​ ด้วยคำถามใส่ร้ายพระเจ้าว่า
“จริง​หรือ? ที่​พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า ‘ห้าม​พวก​เจ้า​กิน​ผล​จาก​ต้นไม้​ทุก​ต้น​ใน​สวน​นี้’ ”
เอวา​จึง​ตอบ​งู​ว่า
“​กิน​ได้ ยกเว้น​แต่​ผล​ของ​ต้น​ไม้​ที่​อยู่​กลาง​สวน​นั้น .. ”
งู​จึง​พูดใส่ร้ายพระเจ้า ต่อ​หญิง​นั้น​ว่า
“พวก​เจ้า​จะ​ไม่​ตาย​แน่ (หาว่าพระเจ้าโกหก)
เพราะ​พระ​เจ้า…ไม่อยากให้จะ​เป็น​เหมือน​อย่าง​พระ​เจ้า (หาว่าพระเจ้าอิจฉา)…”
เอวาเชื่องู จึง​เก็บ​ผล​ไม้​นั้น​มา​กิน แล้ว​ส่ง​ให้​อาดัม​ที่​อยู่​กับ​เธอ​กิน​ด้วย เขา​ก็​กิน
ตา​ของ​เขา​ทั้ง​สอง​คน​ก็​สว่าง​ขึ้น จึง​รู้​ว่า​พวก​เขา​เปลือย​กาย​อยู่
เวลา​เย็น​วัน​นั้น เขา​ทั้ง​สอง​ได้​ยิน​เสียง​​พระ​เจ้า​เสด็จ​ดำเนิน​อยู่​ใน​สวน
พวกเขาจึง​ซ่อน​ตัว​อยู่​ ให้​พ้น​จาก​พระ​พักตร์​​พระ​เจ้า
​พระ​เจ้า​ทรงตรัส​เรียกอาดัม
“เจ้า​อยู่​ที่​ไหน?”
อาดัม​ทูล​ว่า
“ข้า​พระ​องค์​ได้ยิน​พระ​สุร​เสียง​…​ก็​กลัว เพราะ​​เปลือย​กายอยู่ จึง​ได้​ซ่อน​ตัว​เสีย”
พระ​องค์​จึง​ตรัส​ว่า
“…เจ้า​กิน​ผล​จาก​ต้น​ไม้​ที่​เรา​สั่ง​ไม่​ให้​กิน​นั้น​แล้ว​หรือ?”
ชาย​นั้น​ทูล​ว่า
“หญิง​ที่​พระ​องค์​ประ​ทาน​ให้​ เธอ​ส่ง​ผล​นั้น​ให้​ข้า​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​จึง​รับ​ประ​ทาน”
​พระ​เจ้า​ตรัส​ถาม​หญิง​นั้น​ว่า “นี่​เจ้า​ทำ​อะไร​ลง​ไป?” หญิง​นั้น​ทูล​ว่า “งู​ล่อลวง​ข้า​พระ​องค์ ข้า​พระ​องค์​จึง​รับ​ประ​ทาน”
พระ​เจ้า​จึง​ตรัส​กับ​งู​ว่า
“เจ้า​จะ​ต้อง​ถูก​สาป​แช่ง​มาก​กว่า​สัตว์​ป่าทั้ง​ปวง จะ​ต้อง​เลื้อย​ไป​ด้วย​ท้อง จะ​ต้อง​กิน​ผง​คลี​ดิน​ตลอด​ชีวิต​
เรา​จะ​ให้​เจ้า​กับ​หญิง​นี้​เป็น​ศัตรู​กัน ทั้ง​พงศ์​พันธุ์​ของ​เจ้า และ​พงศ์​พันธุ์​ของ​นาง​ด้วย
เขา​จะ​ทำ​ให้​หัว​ของ​เจ้า​แหลก และ​เจ้า​จะ​ทำ​ให้​ส้น​เท้า​ของ​เขา​ฟก​ช้ำ
พระ​องค์​ตรัส​แก่​หญิง​นั้น​ว่า
“เมื่อเจ้า​มี​ครรภ์ เจ้า​จะ​คลอด​บุตร​ด้วย​ความ​เจ็บ​ปวด …”
พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​ชาย​นั้น​ว่า
“…แผ่น​ดิน​จึง​ต้อง​ถูก​สาป​เพราะ​เจ้า เจ้า​จะ​ต้อง​หา​กิน​บน​แผ่น​ดิน​ด้วย​ความ​ทุกข์​ลำ​บาก​ตลอด​ชีวิต
พืช​ที่​มี​หนาม​จะ​งอก​ขึ้น​บน​ดิน​ และ​เจ้า​จะ​กิน​พืช​ตาม​ท้อง​ทุ่ง
เจ้า​จะ​ต้อง​หา​กิน​ด้วย​เหงื่อ​อาบ​หน้า จน​เจ้า​กลับ​ไป​เป็น​ดิน …”
​พระ​เจ้า​ทรง​ทำ​เสื้อ​ด้วย​หนัง​สัตว์​ให้​อาดัม​และ​เอวา​สวม​ปก​ปิด​กาย
แล้ว​พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า “ดู​สิ มนุษย์​กลาย​เป็น​เหมือน​ผู้​หนึ่ง​ใน​พวก​เรา​แล้ว โดย​ที่​รู้​ความ​ดี​และ​ความ​ชั่ว
บัด​นี้ อย่า​ปล่อย​ให้​เขา​ยื่น​มือ​ไป​หยิบ​ผล​จาก​ต้น​ไม้​แห่ง​ชีวิต​มา​กิน​ด้วย แล้ว​มี​อายุ​ยืน​ชั่ว​นิรันดร์”
พระ​เจ้า​จึง​ทรง​ไล่​เขา​ออก​ไป​จาก​สวน​เอเดน ให้​เพาะ​ปลูก​บน​ดิน​ซึ่ง​ใช้​สร้าง​เขา​ขึ้น​มา
ทรง​ตั้ง​เหล่า​เครูบ​ และ​ตั้ง​ดาบ​เพลิง​อัน​หนึ่ง​ที่​หมุน​ได้​ไว้​เฝ้า​ทาง​ที่​จะ​ไป​สู่​ต้น​ไม้​แห่ง​ชีวิต​นั้น

– มารใส่ร้ายพระเจ้าว่า พระองค์โกหก พระองค์เห็นแก่ตัว พระองค์ขี้อิจฉา แล้ว มนุษย์ก็เลือกเชื่อว่า มารพูดจริง พระเจ้าพูดโกหก แล้วเพราะความโลภอยากเป็นเหมือนพระเจ้า พวกเขาจึงกินผลไม้นั้น
– หากเอวา ปฏิเสธไม่คุยกับมาร ผู้ใส่ร้ายพระเจ้า ตั้งแต่ประโยคแรก มนุษย์คงไม่ล้มลงในบาป เราควรเรียนรู้ที่จะปฏิเสธบาปให้เร็วที่สุด ในทันที
– เมื่อเอวากินผลไม้แล้ว “จึงส่ง​ให้​อาดัม​ที่​อยู่​กับ​เธอ​กิน​ด้วย” แสดงว่า อาดัมอยู่กับเอวาตอนกินผลไม้ด้วย แต่ไม่ห้าม เป็นไปได้ว่าตนเองก็อยากลองเหมือนกัน แค่เอวาตัดสินใจเร็วกว่า
– หลังจากมนุษย์ล้มลงในบาป พอพวกเขาได้ยินเสียงพระเจ้า แทนที่จะดีใจ แต่หวาดกลัวแทน มนุษย์ผู้มีบาปเมื่อต้องเข้าใกล้พระเจ้าจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาจึงซ่อนตัวเสีย
ซึ่งอาการเช่นนี้ เกิดขึ้นในลูกหลานของอาดัมทุกคน สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาอยากทำคือ เข้าใกล้พระเจ้า
สะท้อนออกมาเป็น สิ่งที่มนุษย์ไม่อยากทำที่สุด คือ อธิษฐาน
บัดนี้ โดยทางพระเยซูคริสต์ เราจึงพ้นบาปแล้ว จึงสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าได้โดยปราศจากความกลัว
อย่างไรก็ดี เรายังอยู่ในเนื้อหนัง เนื้อหนังในเราซึ่งเกลียดการเข้าเฝ้าพระเจ้า จึงพยายามทุกวิถีทางที่จะขัดขวางเรา ไม่ให้เราเข้าเฝ้าพระเจ้า
– เมื่ออาดัมล้มลงในบาป แทนที่จะสารภาพ กลับไปโทษพระเจ้า ว่าเพราะพระองค์นี่แหละ ประทานหญิงนี้มาให้ ก็เลยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
– ส่วนเอวา เมื่อล้มลงในบาป แทนที่จะสารภาพ แค่กลับไปโทษงู
– นี่เป็นคำพยากรณ์เกี่ยวกับความรอด คือ พงศ์พันธุ์ของหญิง(พระเยซู) จะทำให้หัวงูแหลก และ พงศ์พันธุ์ของมาร (ยน. 8:44 พวก​ท่าน​มา​จาก​พ่อ​ของ​ท่าน​คือ​มาร …) จะทำให้ส้นเท้าของพระเยซู ฟกซ้ำ(มีรอยตะปู)
– พระ​เจ้า​ทรง​ทำ​เสื้อ​ด้วย​หนัง​สัตว์​ให้พวกเขา ทั้งที่พวกเขาทำตัวเองให้อายเอง แค่ถึงกระนั้นพระเจ้าเองเป็นผู้ปกปิดความอายให้แก่พวกเขา
– เหตุที่พระเจ้า ไล่มนุษย์ออกจากสวนเอเดน เพราะพระองค์ทรงรักเขา
ในสวนมีต้นไม้แห่งชีวิต ถ้ากินแล้วจะไม่ตาย ถ้ามนุษย์ไม่ตาย ก็ไม่สามารถพ้นบาปได้ พวกเขาจะแยกขาดจากพระเจ้านิรันดร์กาล ไม่มีทางกลับคืนดีกับพระองค์ได้เลย แต่จะรับโทษในนรกชั่วนิรันดร์
เมื่อมนุษย์ตายได้ พระเยซูจึงสามารถมาเป็นตัวแทนตายแทนพวกเขาได้ พวกเขาจึงสามารถกลับคืนดีกับพระเจ้าได้โดยทางพระเยซูคริสต์

คำคม

“ แม้มนุษย์ล้มลงในบาป แต่ความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขาก็ไม่เคยล้มเลิกไป ”

สรุป ปฐมกาล 4

ภาพรวม

  • เมื่อมนุษย์ออกจากสวนเอเดนก็เริ่มเพิ่มพูนทวีจำนวนมากขึ้น และความชั่วร้ายของมนุษย์ก็ยิ่งทวีมากยิ่งขึ้นด้วย

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 4:1 กล่าวถึงเรื่องของมนุษย์เมื่อถูกขับออกไปนอกสวนเอเดน ว่า
เมื่ออาดัม​มี​เพศ​สัม​พันธ์​กับ​เอ​วา นาง​ก็​​ให้​กำเนิด​บุตร​ชื่อ​คาอิน และอาเบล
คาอิน นำ​พืช​ผล​จาก​ผืน​ดิน​มา​เป็น​ของ​ถวาย​พระเจ้า
ส่วน​อาเบล​ ​นำ​แกะ​หัว​ปี​จาก​ฝูง​และ​ไขมัน​ของ​แกะ​มา​ถวาย
พระ​เจ้าพอ​พระ​ทัย​อาเบล​และ​ของ​ถวาย​ของ​เขา
แต่​คาอิน​กับ​ของ​ถวาย​ของ​เขา​นั้น พระ​องค์​ไม่​พอ​พระ​ทัย

คาอิน​ก็​โกรธ​ยิ่ง​นัก ก้ม​หน้า​ลง
พระ​เจ้า​ตรัส​ถาม​คาอิน​ว่า “ทำไม​เจ้า​โกรธ?
ถ้า​เจ้า​ทำ​ดี เจ้า​ก็​จะ​เป็น​ที่​ยอม​รับ​ไม่​ใช่​หรือ?
ถ้า​เจ้า​ทำ​ไม่​ดี บาป​ก็​หมอบ​อยู่​ที่​ประตู อยาก​ตะครุบ​เจ้า เจ้า​จะ​ต้อง​เอา​ชนะ​บาป​นั้น”

วันหนึ่ง​คา​อิน​ชวนอาเบล​ไป​ที่​ทุ่ง​นา​ แล้วก็ฉวยโอกาสฆ่า​อาเบล​ที่นั่น
พระเจ้าตรัส​ถาม​คา​อิน​ว่า
“อาเบล​น้อง​ชาย​ของ​เจ้า​อยู่​ที่​ไหน?”
คา​อิน​ตอบว่า
“ข้า​พระ​องค์​ไม่​ทราบ ข้า​พระ​องค์​เป็น​ผู้​ดู​แล​น้อง​หรือ?”
พระ​องค์​ตรัส​ว่า
“เจ้า​ทำ​อะไร​ลง​ไป? เสียง​ของ​โลหิต​น้อง​ของ​เจ้า​ร้อง​ดัง​ขึ้น​มา​จาก​ดิน​ถึงเรา
บัด​นี้ เจ้า​จึง​ถูก​สาป​จาก​ดิน​ เมื่อ​เจ้า​เพาะ​ปลูก​บน​ดิน​จะ​ไม่​เกิด​ผล​มาก เจ้า​จะ​ต้อง​หลบ​หนี​และ​พเน​จร​ไป​ใน​โลก”

พระเจ้า​ทรง​ทำ​เครื่อง​หมาย​ไว้​ที่​ตัว​คา​อิน เพื่อ​ว่า​ทุก​คน​ที่​พบ​เขา​จะ​ได้​ไม่​ฆ่า​เขา
คา​อิน​ออก​ไป​พ้น​พระ​พักตร์​พระ​เจ้าไป​อยู่​แผ่น​ดิน​โนด
คา​อิน​มี​​ภรรยา​ที่นั่น มี​บุตร​ชาย​ชื่อ​เอโนค
เอโนค​มี​โหลน​ชื่อ​ลา​เมค

ลูกหลานของลา​เมคได้​พัฒนา​ความ​สามารถ​ต่างๆ ออก​มา เช่น ​เลี้ยง​สัตว์ (ข้อ 20) ​ดีด​พิณ​เขา​คู่​และ​เป่า​ปี่ (ข้อ 21) ทำ​เครื่อง​มือ​ทอง​สัมฤทธิ์​และ​เครื่อง​มือ​เหล็ก (ข้อ 22)

ลา​เมค​มีภรรยา 2 คน (เป็นครั้งแรกที่บันทึกชายที่มีภรรยามากกว่า 1 คน)
ลาเมคคุยอวดให้ภรรยาทั้งสอง ฟังว่า เขาได้ฆ่าชายคนหนึ่ง และเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง เพราะชายคนนั้นทำให้เขาเจ็บ(เช่น อาจจะเผลอวิ่งชนเขา) และ เพราะเด็กคนนั้นทำร้ายเขา (อาจเพราะไปฆ่าพ่อของเด็กหนุ่มนั้น ก็เป็นได้)
ลาเมค คุยอวดว่า
“ถ้า​หาก​ทำ​ร้าย​คาอิน ต้อง​รับ​โทษ​คืน​เจ็ด​เท่า​แล้ว
เมื่อ​ทำ​ร้าย​ลาเมค​ก็​ต้อง​รับ​โทษ​เจ็ด​สิบ​เจ็ด​เท่า”

อาดัม​มี​บุตร​ชายอีก เรียก​ชื่อ​ว่า เสท
แล้ว​เสท​ก็​มี​บุตร​คน​หนึ่ง เรียก​ชื่อ​ว่า เอโนช ตั้ง​แต่​นั้น​มา​มนุษย์​เริ่ม​ออก​พระ​นาม​พระ​เจ้า

– เพศสัมพันธ์ เป็นสิ่งงดงาม สวยงาม เป็นพระพรจากพระเจ้า ในภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า “รู้จัก” การมีเพศสัมพันธ์พระเจ้าประทานแก่มนุษย์เพื่อสามีภรรยาจะรู้จักกันมากขึ้น ลึกซึ้งขึ้น แต่ปัจจุบันบาปมันบิดเบือน เรื่อง sex มาทำให้เป็นเรื่องชั่วร้ายและโสโครก และผู้คนจำนวนมากก็หลงไปตามกับดักของมัน
– พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า ทำไมพระเจ้าพอพระทัยอาเบลและไม่พอใจคาอิน แต่ถ้าสังเกตจากบริบทของพระคัมภีร์ทั้งเล่ม พอจะคาดได้ว่า น่าจะเป็นเพราะอาเบลนำสิ่งดีที่สุดมาถวายแด่พระเจ้า แต่ คาอินไม่ทำเช่นนั้น หรือไม่พยายามที่จะทำเช่นนั้น
– เมื่อคาอินเปิดประตูใจของเขาให้แก่บาปแห่งการอิจฉา บาปก็พัฒนาเป้นความโกรธ พัฒนาต่อเป็นการไม่อยากมองหน้าพระเจ้า และพัฒนาต่อเป็นการฆ่าน้องชายร่วมสายโลหิต
พระเจ้าเตือนเรื่องนี้แก่เขาแล้ว แต่เขาไม่ฟัง
วันนี้ หากบาปแอบย่องเข้ามาในใจของเรา เรารู้ตัวเมื่อใด จงรีบไล่มันไปในทันที อย่ายอมญาติดีกับมัน มันประสงค์ร้าย หวังจะทำลายชีวิตของเราทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
– เมื่อพระเจ้าทรงถามคาอินว่าอาเลบอยู่ที่ไหน เขาตอบว่า “ข้า​พระ​องค์​เป็น​ผู้​ดู​แล​น้อง​หรือ?”
เขาไม่รู้ตัวว่า ในฐานะพี่ เขาสมควรดูแลและปกป้องน้อง
แต่บัดนี้เขากลับเป็นผู้ทำลายชีวิตของน้อง
หากคริสเตียนรู้ตัวจริงๆว่า หน้าที่ของเขาคือ ดูแลและปกป้องพี่น้อง พวกเขาคงจะไม่ผิดพลาดเหมือนอย่างคาอินที่ทำลายน้อง
– เมื่อพระเจ้าลงโทษคาอิน ก็สำแดงพระเมตตาต่อเขาด้วยในการปกป้องเขา พระเจ้าของเราเป็นเช่นนี้เสมอ ยุติธรรมและเต็มด้วยพระเมตตา
– เมื่อคาอินถูกขับไล่ออกไป “คาอินได้ออกไปจากพระพักตร์ของพระเจ้า” แสดงว่า ก่อนหน้านี้ เขาอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้า และแสดงว่าอาดัม เอวา แม้ถูกขับออกจากสวนเอเดน พระเจ้าก็ยังจับจ้อง ดูพวกเขาด้วยความรัก ไม่ห่างหาย เพียงแต่บาปขวางกั้นไม่ให้เขามีความสัมพันธ์กับพระองค์ได้
– “เสียง​ของ​โลหิต​น้อง​ของ​เจ้า​ร้อง​ดัง​ขึ้น​มา​จาก​ดิน” ชี้ให้เห็นว่า พระเจ้าทรงทราบทุกสิ่ง แม้วันนี้ อาเบลร้องทุกข์ไม่ได้เพราะตายแล้ว ถึงกระนั้นโลหิตของเขาก็ยังร้อง และพระเจ้าก็ได้ยินอยู่ดี นั่นคือ ไม่มีสิ่งใดที่จะปิดบังซ่อนไว้จากพระเจ้าได้
วันนี้ แม้คนไม่เห็น แต่พระเจ้าก็ทรงทราบอยู่ดี
– เมื่อเวลาผ่านไป ความชั่วร้ายของมนุษย์ก็ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนคาอินฆ่าอาเบล คาอินบอกว่า “โทษของข้าพระองค์หนักเหลือที่ข้าพระองค์จะแบกรับได้”(ปฐก. 4:13)
หลายชั่วอายุคนต่อมา ลาเมค ผู้เป็นโหลนของลูกชายคาอิน
เมื่อเขาฆ่าคน เพราะสาเหตุเพียงเล็กน้อย เขาไม่รู้สึกผิด แต่รู้สึกว่า เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ
– คนที่จะฆ่าคาอิน มาจากไหน?
ก็คือ ลูกหลาน เหลน โหลน ของอาดัม เอวา นั่นแหละ เพราะว่า พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า อาดัมมีลูกแค่ 3 คน และใน ปฐก. 1:28 บอกชัดเจนพระเจ้าอวยพรให้อาดัมมีลูกดก
และไม่ได้บอกเหตุการณ์ คาอินฆ่าอาเบล เกิดขึ้นไม่นานหลังอาดัมเอวาออกจากสวนเอเดน เป็นไปได้ที่ เวลาผ่านมาหลายร้อยปีแล้ว

คำคม

“ เวลาผ่านไป มนุษย์ชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น
แต่ความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ไม่เคยลดลงเลย ”

สรุป ปฐมกาล 5

ภาพรวม

  • พระคัมภีร์บันทึกสำดับพงศ์พันธุ์ของอาดัม จนถึงโนอาห์ในบทนี้ เพื่อชี้ให้เห็นถึงแผนการช่วยกู้ของพระเจ้าผ่านชีวิตของโนอาห์

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 5 กล่าวถึงลำ​ดับ​พงศ์​พันธุ์​ของ​อา​ดัม ดังนี้

– จากแผนภาพทำให้เราเห็นว่า ตั้งแต่เอโนช(หลานของอาดัม) จนถึง ลาเมค ทุกคน(ยกเว้น เอโนค) ได้พบกับทั้ง อาดัมและโนอาห์ ในช่วงเวลานั้นมนุษย์ไม่ได้กระจัดกระจายไปมากนัก จึงค่อนข้างมั่นใจได้ว่า พวกเขาได้พบกับ ทั้งอาดัมและโนอาห์
ดังนั้นการรู้จักกับพระเจ้า ถ่ายทอดจากอาดัมมาถึงโนอาห์ เรียกได้ว่า แค่ 2 ชั่วอายุคน ข้อมูลต่างๆจึงน่าจะยังครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้ โนอาห์ เกิดความเชื่ออย่างมากได้
– เอโนค​ดำเนิน​กับ​พระ​เจ้า บนโลกนี้ ถึง 300 ปี ​แล้วพระ​เจ้าจึง​ทรง​รับ​เขา​ไป ทั้งที่ยังมีชีวิต ดังนั้นการที่เราดำเนินกับพระเจ้าด้วยความเชื่อสัก 80-90 ปี ถือว่า ยังน้อยไปด้วยซ้ำ
– เพราะเอโนครักพระเจ้า ดำเนินกับพระเจ้า เมธูเสลาห์ลูกของเขาจึงได้รับพระพร เมธูเสลาห์เป็นชายที่อายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

คำคม

“ แม้อาดัมจะผิดพลาด แต่พระเจ้าก็ทรงเตรียมโนอาห์เพื่อให้เริ่มต้นใหม่
แม้มนุษย์จะผิดพลาด แต่แผนการของพระเจ้า จะไม่มีวันล้มเหลว ”

สรุป ปฐมกาล 6

ภาพรวม

  • ยิ่งเวลาผ่านไปมนุษย์ก็ยิ่งชั่วร้ายมากขึ้นทุกที และความชั่วร้ายนั้น กำลังเรียกให้การพิพากษาของพระเจ้ามาถึงพวกเขาโดยเร็ววัน

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 6 กล่าวว่าเมื่อ​มนุษย์​​ทวี​มาก​ขึ้น​ ​ความ​ชั่ว​ร้าย​ของ​มนุษย์​ก็มี​มาก​บน​แผ่น​ดิน และ​เห็น​ว่า​เค้า​ความ​คิด​ใน​ใจ​ทั้ง​หมด​ของ​พวกเขา​ล้วน​เป็น​เรื่อง​ชั่ว​ร้าย​ตลอด​เวลา
คน​ทั้ง​โลก​เสื่อม​ทราม​ไป​เฉพาะ​พระ​พักตร์​ของ​พระ​เจ้า และ​แผ่น​ดิน​ก็​เต็ม​ด้วย​ความ​โหด​ร้าย
​มนุษย์​ทั้ง​หมด​ประ​พฤติ​ตน​เสื่อม​ทราม​บน​แผ่น​ดิน
พระเจ้าทรง​เสีย​พระ​ทัย​ที่​ทรง​สร้าง​มนุษย์​ไว้​บน​แผ่น​ดิน​และ​โทมนัส​ยิ่ง​นัก
พระเจ้าจึงตรัส​ว่า
“เรา​จะ​กวาด​ล้าง​มนุษย์​ที่​เรา​ได้​สร้าง​มา​นี้​ไป​เสีย​จาก​แผ่น​ดิน
ทั้ง​มนุษย์​และ​สัตว์​ใช้​งาน กับ​สัตว์​เลื้อย​คลาน​และ​นก​ใน​อากาศ​ด้วย
เพราะ​ว่า​เรา​เสีย​ใจ​ที่​ได้​สร้าง​พวก​เขา”

แต่​โนอาห์​เป็น​ที่​โปรด​ปราน​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​เจ้า
โนอาห์​เป็น​คน​ชอบ​ธรรม​ดี​พร้อม​ใน​สมัย​ของ​เขา เขา​ดำเนิน​กับ​พระ​เจ้าเสมอ
โนอาห์​มี​บุตร​ 3 ​คน ชื่อ​เชม(ต้นตระกูลคนผิวเหลือง) ฮาม(ต้นตระกูลคนผิวดำ) และ​ยาเฟท(ต้นตระกูลคนผิวขาว)

พระ​เจ้า​ตรัส​แก่​โนอาห์​ว่า
“เรา​จะ​ให้​มนุษย์​และ​สัตว์​ทั้ง​ปวง​สิ้น​สุด​ต่อ​หน้า​เรา
ด้วย​เหตุ​ว่า แผ่น​ดิน​โลก​เต็ม​ด้วย​ความ​โหด​ร้าย​เพราะ​การ​กระทำ​ของ​มนุษย์
ดูเถิด เรา​จะ​ทำ​ลาย​พวก​เขา​พร้อม​กับ​แผ่น​ดิน​โลก…”

พระเจ้าทรงสั่งให้โนอาห์สร้างเรือด้วยไม้​สน​โกเฟอร์
ยาว 133 ม. กว้าง 22 ม. สูง 13 ม.
เพราะ​พระเจ้าจะ​ทำ​ให้​น้ำ​ท่วม​แผ่น​ดิน เพื่อ​ทำลาย​มนุษย์​และ​สัตว์​ใต้​ฟ้า​ ให้​ตาย​สิ้น
และทรงสั่งให้โนอาห์ และภรรยา บรรดา​บุตร​ชาย บุตรสะใภ้ เข้าไปในเรือ
และนำสัตว์ต่างๆ อย่าง​ละ​คู่​เข้า​ไป​ไว้​ใน​เรือด้วย รวมทั้งอาหารสำหรับ ครอบครัวของเขาและของสัตว์ต่างๆ
โนอาห์​ก็​ทำ​อย่าง​นั้น​ทุก​ประการ

– ปฐก. 6:2 บุตร​ชาย​ของ​พระ​เจ้า หมายถึง หลานเหลนโหลนของอาดัม เชื้อสายของเสท ซึ่งยังดำเนินกับพระเจ้า ​
บุตร​หญิง​ของ​มนุษย์​ หมายถึง หลานเหลนโหลนของอาดัม เชื้อสายของลูกอาดัมคนอื่น ซึ่งละทิ้งพระเจ้า
ดังนั้น เมื่อเชื้อสายของเสท ไปแต่งงานกับ เชื้อสายของลูกอาดัมคนอื่น จึงพากันละทิ้งพระเจ้าไปตามๆกัน
– ปฐก. 6:3 บอกว่า ​วัน​เวลา​ของ​มนุษย์ ​คือ 120 ปี หลังจากน้ำท่วมโลกเป็นต้นมา มนุษย์มีอายุสั้นลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงสมัยโมเสสเป็นต้นไป มนุษย์เกือบทั้งหมดมีอายุไม่เกิน 120 ปี (เป็นไปได้ว่า เป็นเพราะ อาหารและสภาวะอากาศเปลี่ยแปลงไปอย่างสิ้นเชิง)
– ปฐก. 6:6 พระ​เจ้าเสีย​พระ​ทัย​ที่​ทรง​สร้าง​มนุษย์​ไว้​บน​แผ่น​ดิน​ ไม่ได้หมายความว่า พระเจ้าไม่รู้มาก่อนว่ามนุษย์จะชั่วได้ขนาดนี้ เพราะพระองค์ทรงสัพพัญญูทรงราบตอนจบตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นพระเจ้าทรงทราบแล้วว่ามนุษย์จะชั่วขนาดนี้ แต่ในข้อนี้หมายถึง พระเจ้าเสียใจในการกระทำชั่วร้ายของมนุษย์ที่กระทำต่อกันบนแผ่นดิน
– เมื่อพระเจ้าจะทรงช่วยโนอาห์ให้พ้นการถูกทำลายล้างนั้น พระองค์ทรงบอกการสร้างเรือแก่โนอาห์อย่างละเอียด การเจาะช่องต่างๆที่จำเป็น รวมทั้งบอกสิ่งที่ต้องนำขึ้นไป
เป็นที่น่าสังเกตว่าพระเจ้าไม่ได้บอกเขาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แค่เตรียมตัวไว้ให้ดีที่สุดก็พอแล้ว แล้วพระเจ้าจะบอกเองทีละขั้นทีละตอน
ในการผ่านวิกฤตของชีวิต เราเชื่อฟังทำตามพระเจ้า ทีละขั้นทีละตอน นั่นก็เพียงพอแล้ว เหตุการณ์มันจะเกิดเมื่อไหร่ เกิดอย่างไร ถ้าจำเป็นที่เราต้องรู้พระเจ้าจะบอกแก่เราเอง

คำคม

“ เมื่อน้ำกำลังจะท่วมโลก ก็ยังมีเรือโนอาห์
ในยามพระพิโรธของพระเจ้า ก็ยังพบพระเมตตาของพระองค์ ”

สรุป ปฐมกาล 7

ภาพรวม

  • พระเจ้าทรงสั่งให้โนอาห์นำครอบครัว กับสัตว์ทั้งปวงเข้าไปในเรือที่พระเจ้าสั่งให้เขาสร้าง หลังจากนั้นพระเจ้าก็ให้น้ำท่วมโลก ทำลายมนุษย์และสัตว์อื่นทั้งสิ้นเสีย

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 7 กล่าวถึง พระเจ้าสั่งให้ โนอาห์ นำครอบครัวของเขา กับสัตว์​ทุก​ชนิด​​เป็นคู่ๆ​ เข้าในเรือ โดยเป็นสัตว์ไม่มีมลทิน​อย่าง​ละ 7 ​คู่ และสัตว์มีมลทินอย่างละคู่ โดยที่พระเจ้าให้สัตว์พวกนั้นมาหาโนอาห์เอง เป็นคู่ๆ
โนอาห์ก็เชื่อฟังทำตามทุกประการ

หลังจากนั้น 7 ​วัน น้ำ​ก็​ท่วม​แผ่น​ดิน
น้ำ​พุ​ใต้​บาดาล​ที่​ลึก​มาก​ทั้ง​หมด​ก็​พลุ่ง​ขึ้น​มา และ​ฝน​ตก​อย่างหนัก40 วัน 40 คืน

เมื่อน้ำพุเริ่มพลุ่ง ฝนเริ่มตก โนอาห์กับครอบครัวและสัตว์ทั้งหลายก็เข้าไปในเรือ แล้ว​พระ​เจ้าทรง​ปิดประตู​ให้ พวกเขา​อยู่​ข้าง​ในเรือ

น้ำ​ท่วมทวี​แรง​มาก​ยิ่ง​ขึ้น​บน​แผ่น​ดิน ท่วม​ภูเขา​สูง​ทั้ง​หลาย​ที่​อยู่​ใต้​ฟ้า​ทุก​แห่ง​มิด​หมด ​ขึ้น​ไป​ 7 ​เมตร​ครึ่ง​
สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​ปวง​ที่​เคลื่อน​ไหว​บน​แผ่น​ดินและ​มนุษย์​ทั้ง​ปวง​ก็​ตาย​สิ้น

น้ำ​ท่วม​แผ่น​ดิน​อยู่​ถึง 150 วัน

– การสร้างเรือ แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็เป็นเรื่องที่โนอาห์สามารถทำได้
แต่ การนำสัตว์ทุกชนิดอย่างละคู่เข้ามาในเรือ เป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับโนอาห์
พระเจ้าจึงให้โนอาห์สร้างเรือ
ส่วนเรื่องการนำสัตว์มาเป็นคู่ พระองค์ทรงกระทำให้แก่เขาเอง
เมื่อพระเจ้าสั่งให้เราทำ เรามั่นใจได้เลยว่า เราสามารถทำให้สำเร็จได้
ถึงแม้จะมีเรื่องที่เกินกำลังที่เราจะทำได้ พระเจ้าก็จะทรงช่วยทำให้มันเกิดขึ้นได้อยู่ดี
– พระเจ้าให้โนอาห์เอาสัตว์สะอาดไป 7 คู่ แต่สัตว์มลทินแค่ 1 คู่
ถ้าเอาสัตว์สะอาดไปเพียงคู่เดียว เมื่อลงมาจากเรือ ตอนโนอาห์ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า สัตว์นั้นคงสูญพันธุ์ไปแล้ว
พระเจ้าทรงละเอียด รอบคอบ และปรารถนาให้เรามีสัมพันธ์กับพระองค์ จึงเตรียมการสำหรับการถวายเครื่องบูชาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
– ในวันนั้นมนุษย์ทุกเชื้อสายตายหมด เหลือเชื้อสายของโนอาห์บรรพบุรุษของพวกเราเท่านั้น พูดอีกนับหนึ่งก็คือ พระเจ้าทรงช่วยเราทุกคนให้พ้นภัยพิบัติในครั้งนั้น

คำคม

“ เมื่อการพิพากษาของพระเจ้ามาถึง ไม่มีผู้ใดอาจรอดได้
นอกจากผู้ที่พระเจ้าทรงเมตตาแก่เขา ”

สรุป ปฐมกาล 8

ภาพรวม

  • พระเจ้าทรงระลึกถึงโนอาห์และครอบครัว กับสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในเรือ ได้ทรงจัดเตรียมอาหารไว้ให้แก่พวกเขา แล้วให้พวกเขาออกจากเรือ

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 8 เมื่อพระ​เจ้า​ทรง​ทำลายโลกด้วยน้ำท่วม พระองค์ไม่ทรงลืม ​โนอาห์​กับ​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​หมด ที่​อยู่​กับ​โนอาห์​ใน​เรือ
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จึง​ทรง​ทำ​ให้​ลม​พัด​ผ่าน​มา​เหนือ​แผ่น​ดิน(น่าจะเป็นลมร้อนมาก ทำให้น้ำระเหย อย่างรวดเร็ว) น้ำ​ก็​ลด​ลง
น้ำพุ​ของ​น้ำ​บาดาล​และ​ช่อง​ฟ้า​ทั้ง​หลาย​ก็​ปิด ฝน​จาก​ฟ้า​ก็​หยุด
น้ำ​จึง​ลด​ลงเรื่อยๆ

พอถึง วัน​ที่ 17 ​​เดือน​ 7 (5 เดือน หลังจากน้ำเริ่มท่วมโลก ปฐก. 7:11 …ใน​เดือน​ที่​ 2 วัน​ที่ 17)
เรือ​ก็​ค้าง​อยู่​บน​เทือก​เขา​อา​รา​รัต
พอถึง​​วัน​ที่ 1 ​เดือน​ที่ 10 (อยู่​ใน​เรือ​ 224 วัน) ก็​เห็น​บรรดา​ยอด​ภูเขา ​
จากนั้นอีก 40 วัน​ (อยู่​ใน​เรือ​ 264 วัน)โนอาห์​ก็​เปิด​หน้าต่าง​ที่​ทำ​ไว้​ใน​เรือ ปล่อย​กา​ไป​ตัว​หนึ่ง กา​ก็​บิน​ไป​และ​บิน​กลับ​มา
โนอาห์​ก็​ปล่อย​นก​พิราบ​ตัว​หนึ่ง แต่​​บิน​กลับ​มา​หา​โนอาห์​เพราะ​น้ำ​ยัง​ท่วม​แผ่น​ดิน​อยู่

โนอาห์​เฝ้า​คอย​อยู่​อีก 7 ​วัน (อยู่​ใน​เรือ​ 271 วัน) จึง​ปล่อย​นก​พิราบ​ไป​จาก​เรือ​อีก
​นก​พิราบ​ก็​กลับ​มา​หา​โนอาห์ และ​คาบ​ใบ​มะกอก​เขียว​สด​มา​ด้วย
โนอาห์​จึง​รู้​ว่า​น้ำ​ลด​จาก​แผ่น​ดิน​แล้ว

โนอาห์​เฝ้า​คอย​อยู่​อีก​ 7 วัน​ (อยู่​ใน​เรือ​ 278 วัน)จึง​ปล่อย​นก​พิราบ​ไป
นก​นั้น​ไม่​กลับ​มา​หา​โนอาห์​อีก​เลย

เมื่อ​ถึง​วัน​ที่ 1 ​ของ​เดือน​ที่ 1 ปี​ที่​ 601 น้ำ​ก็​แห้ง​จาก​แผ่น​ดิน
โนอาห์​เปิด​หลัง​คา​ของ​เรือ​และ​มอง​เห็น​ว่า​พื้น​ดิน​แห้ง
เมื่อ​ถึง​วัน​ที่​ 27 เดือน​ที่ 2 ​แผ่น​ดิน​ก็​แห้ง​แล้ว โนอาห์​อยู่​ใน​เรือ ​ทั้ง​หมด 1 ปี 11 วัน

พระ​เจ้า​ตรัส​แก่​โนอาห์​ว่า
“เจ้า​จง​ออก​ไป​จาก​เรือ ทั้ง​ภรรยา​ของเจ้า บุตร​ชาย​ของเจ้า​และ​บุตร​สะใภ้​ของ​เจ้า​ด้วย
จง​พา​สัตว์​ทุก​ชนิด​ที่​อยู่​กับเจ้า ที่​มี​เลือด​เนื้อ คือ​นก สัตว์​ใช้​งาน และ​สัตว์​เลื้อย​คลาน​ทั้ง​หมด​ที่​คลาน​บน​ดิน​ให้​ออก​ไป เพื่อ​จะ​ได้​แพร่​พันธุ์​ทวี​ขึ้น​มาก​มาย​บน​แผ่น​ดิน”

โนอาห์​ก็​ออก​ไป​พร้อม​กับ​บุตร ภรรยา และ​บุตร​สะใภ้ และสัตว์​ทั้งหมด
โนอาห์​สร้าง​แท่น​บูชา​แด่​พระ​เจ้า ​และ​เลือก​เอา​สัตว์​ใช้​งาน​ที่​สะอาด และ​นก​ที่​สะอาด​มา​เผา​บูชา​ถวาย​ที่​แท่น​นั้น

พระ​เจ้าทรง​ดำริ​ใน​พระ​ทัย​ว่า
“เรา​จะ​ไม่​สาป​แผ่น​ดิน​อีก​ต่อ​ไป แม้​ว่า​มนุษย์​ไม่​ดี เพราะ​เค้า​ความ​คิด​ใน​ใจ​ของ​มนุษย์​ล้วน​แต่​ร้าย​มา​ตั้ง​แต่​เด็ก
เรา​จะ​ไม่​ทำลาย​สิ่ง​มี​ชีวิต​ทั้ง​ปวง​อีก ดัง​ที่​เรา​ได้​ทำ​แล้ว​นั้น
ตราบ​ที่​โลก​ยัง​มี​อยู่ จะ​มี​ฤดู​หว่าน​กับ​ฤดู​เกี่ยว มี​เย็น​กับ​ร้อน มี​ฤดู​ร้อน​กับ​ฤดู​หนาว มี​วัน​และ​คืน​ตลอดไป”

– ท่ามกลางวิกฤตการณ์ พระเจ้าไม่เคยลืมเรา น้ำที่ท่วมนั้นไม่อาจทำร้ายเราได้
หากวันนี้ เรายังต้องอยู่ในเรือต่อไปอีกสักหน่อยหนึ่ง ก็เพราะว่าพระเจ้ามีเวลาของพระองค์ ที่เป็นเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการช่วยกู้เรา
– เมื่อการช่วยกู้ของพระเจ้ามาถึง น้ำเริ่มลด แต่ดูเหมือนโนอาห์ยังต้องรอคอยเวลาต่อไปอีก เพราะพระองค์กำลังจัดเตรียมบางอย่าง
ตั้งแต่ วันที่นกพิราบคาบใบมะกอกเขียวสดกลับมา จนถึงวันที่พระเจ้าบอกกับโนอาห์ว่า ออกจากเรือได้ กินเวลานานถึง 105 วัน เพราะพระเจ้ามีแผนการของพระองค์
เมื่อคนและสัตว์ออกจากเรือ สัตว์ทั้งหมดคงจะกระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง พระเจ้าให้โนอาหืรอต่อไป 105 วัน เพื่อให้พืช ผัก ผลไม้ ต่างๆ งอกงามขึ้นมาพร้อมให้ทั้งคนและสัตว์ทั้งหลาย มีอาหารมากมายอย่างเพียงพอ
วันนี้ หากเรายังต้องอยู่ในเรือต่อไปอีกสักหน่อยหนึ่ง พึงรู้เถิดว่า พระเจ้ากำลังเตรียมโต๊ะจีนให้เราอยู่ กรุณารอสักครู่
– เมื่อโนอาห์ออกจากเรือ เขาไม่ลืมว่า ใครเป็นผู้ช่วยเขาและครอบครัวให้รอด ไม่ใช่ความเก่งของเขา เพราะมีมนุษย์เก่งกว่าเขามากมาย ซึ่งก็เอาตัวไม่รอด พวกเขารอดได้โดยพระคุณของพระเจ้า เนื่องจากเขาสำนึกพระคุณของพระเจ้า เราจึงถวายเครื่องบูชาขอบคุณพระเจ้า
วันนี้ เรารู้ตัวไหมว่า เรามีวันนี้ได้เพราะพระเจ้า จงถวายสรรเสริญแด่พระเจ้าเถิด
– ถึงแม้​ว่า​มนุษย์​จะมีความ​คิด​ใน​ใจ​ชั่วร้ายตั้งแต่​มา​ตั้ง​แต่​เด็ก พระเจ้าจะไม่​สาป​แผ่น​ดิน​อีก​ต่อ​ไป ตราบ​ที่​โลก​ยัง​มี​อยู่ เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยมนุษย์โดยส่งพระเยซูมาช่วยพวกเขาพ้นคำแช่งสาป
แต่วันเวลาจะมาถึง เมื่อโลกนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไป มนุษย์ทุกคนจะต้องไปยืนอยู่ต่อจำเพาะพระพักตร์ของพระเจ้า
และใครที่ปฏิเสธความช่วยเหลือที่พระเจ้าประทานให้ทางพระเยซู เปรียบเหมือนผู้ปฏิเสธไม่ยอมเข้าไปในเรือของโนอาห์ จะถูกทำลาย
แต่คราวนั้นจะไม่ถูกทำลายด้วยน้ำท่วมอีก แต่จะถูกทำลายด้วยไฟนรกชั่วนิจนิรันดร์

คำคม

“ เวลาของพระเจ้า เป็น เวลาที่ทุกอย่างออกมาดีที่สุดสำหรับเราเสมอ ”

สรุป ปฐมกาล 9

ภาพรวม

  • พระเจ้าทรงอวยพรโนอาห์และเชื้อสายของเขา และทรงสัญญาว่าน้ำจะไม่ท่วมทั้งโลกอีกเลย

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 9 ​เมื่อโนอาห์ออกจากเรือ หลังจากน้ำท่วมโลกผ่านไปแล้ว พระ​เจ้า​ทรง​อวย​พระ​พร​โน​อาห์​และ​บุตร​ทั้ง​หลาย​ของ​เขา ​ว่า
– ให้พวกเขา​มี​ลูก​ดก​ทวี​มาก​ขึ้น​จน​เต็ม​แผ่นดิน
– ให้บรรดา​สัตว์​ทั้งสิ้น​กลัว​พวก​เขา
– ให้พวกเขามีอำนาจเหนือ​สัตว์​ทั้ง​ปวง​
– ให้ทุก​สิ่ง​ที่​มี​ชีวิต​เคลื่อนไหวและต้น​ผัก​เขียว​สด​เป็น​อาหาร​ของ​พวกเขา
แต่พระเจ้าทรงห้ามพวกเขา ไม่ให้​กิน​เนื้อ​พร้อม​กับเลือด​ของ​สัตว์

แม้​พระเจ้า​ทรง​อนุญาต​ให้​มนุษย์​ฆ่า​สัตว์​ ​เพื่อ​ใช้​เป็น​อาหารได้
แต่​สัตว์​ไม่มี​สิทธิ์​ฆ่า​มนุษย์ และ​มนุษย์​ก็​ไม่​มี​สิทธิ์​ฆ่า​มนุษย์​ด้วย​กัน
มิ​ฉะ​นั้น​จะ​ต้อง​ถูก​ลงโทษ​ถึง​ตาย (ข้อ 5)

พระ​เจ้า​ได้ตั้งพันธสัญญา กับโน​อาห์​และ​บุตร​ทั้งสาม และ​กับ​พงศ์​พันธุ์​ของพวกเขา ​และ​กับ​บรรดา​สัตว์​ต่างๆ ​ว่า​
​จะ​ไม่​ทำลาย​บรรดา​มนุษย์​และ​สัตว์​โดย​ให้​น้ำ​ท่วม​อีก ​น้ำ​จะ​ไม่​ท่วม​ทำลาย​​โลก​อีก​เลย​
และทรงตั้งเครื่องหมาย​แห่ง​พันธสัญญานั้น โดย​ตั้ง​รุ้ง​ของ​พระองค์​ไว้​ที่​เมฆ

วันหนึ่งโนอาห์​ดื่ม​เหล้า​องุ่นจน​เมา แล้ว​ก็​นอน​เปลือย​กาย​อยู่​ที่​เต็นท์​
ฮาม​ลูกคนที่ 2 มาเห็นเข้า จึง​บอก​พี่​น้อง​ทั้ง​สอง​ที่​อยู่​ภายนอก​
เชม​กับ​ยาเฟท​ก็​เอา​ผ้า​พาด​บ่า​แล้ว​เดิน​หัน​หลัง​เข้า​ไป​ เอาผ้าไปปิด​กาย​ของพ่อ​ที่​เปลือย​อยู่
เมื่อ​โน​อาห์​สร่าง​เมา​แล้ว
จึง​​แช่งฮาม ว่า ลูกหลานของเขาจะต้อง​เป็น​ทาส​ต่ำต้อยที่สุดของ​พี่​น้อง
และ อวยพรเชมกับยาเฟท และ​ให้​ท​วี​ยิ่งขึ้น และ​ให้​ลูกหลานของฮาม​เป็น​ทาส​ของ​ลูกหลานของเชฟและยาเฟท

​หลัง​น้ำ​ท่วม​โน​อาห์​มี​ชีวิต​ต่อไป​อีก​ 350 ​ปี​
รวม​อายุ​โน​อาห์​ได้​ 950 ปี

– พระเจ้าทรงอวยพรโนอาห์และเชื้อสาย(ซึ่งหมายถึงเราทุกคน) ให้มีลูก มีอำนาจครอบครอง และมีอาหาร
ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงมีความสุข เมื่อได้มีsex เมื่อได้ครอบครอง เมื่อได้กินอาหาร
ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสวยงาม และเป็นพระพร
แต่มารซาตานก็รู้สิ่งนี้ มันจึงบิดเบือนสิ่งเหล่า ให้ใช้ไปในทางที่ผิด ในทางที่เกินพอดี
จะสิ่งเหล่านี้แทนที่จะนำพระพรและนำความสุขมาสู่มนุษย์
กลับนำคำแช่งสาปและความทุกข์ระทมใจมาสู่มนุษย์แทน
– ตามปกติสัญญาจะมีการกำหนดเงื่อนไขของทั้งสองฝ่าย แต่พระสัญญาที่พระเจ้าทรงกระทำแก่มนุษย์และสรรพสัตว์นั้น พระเจ้าเป็นผู้ริเริ่มและไม่มีเงื่อนไขสำหรับมนุษย์ปละสัตว์
นั่นคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ตาม พระสัญญานี้ยังคงจะเป็นจริงตลอดกาล
นั่นคือ น้ำไม่มีวันท่วมทั้งโลกนี้เลย ตลอดไป
– ทำไมโนอาห์ต้องแช่งฮามด้วย?
ก็เพราะว่า เห็นความผิดพลาดแทนที่จะช่วยแก้ไข กลับนำไปโฆษณาต่อ
วันนี้ เมื่อเราเห็นความผิดของผู้อื่น โดยเฉพาะผู้นำของเรา เราทำอย่างไร?
นำไปนินทาหรือวิจารณ์ต่อ เหมือนฮาม หรือช่วยเขาปรับปรุงแก้ไขโดยไม่ให้เขาอับอายขายหน้า เหมือนเชมกับยาเฟท?
– พระเจ้าอวยพรแก่เชื้อสายของโนอาห์ แต่ก็ไม่ใช่เชื้อสายทุกคนได้รับพระพร มีบางคนรับคำแช่งสาปตามการกระทำของเขา
– ข้อน่าสังเกต คือ ตอนอิสราเอล(เชื้อสายเชม)เข้ายึดครองคะนาอัน(เชื้อสายฮาม) คนคะนาอันตกเป็นทาสของอิสราเอล
และ ตอนยุคค้าทาสคนยุโรปและคนอเมริกัน(เชื้อสายยาเฟท) ได้ออกจับคนแอฟริกัน(เชื้อสายของฮาม) มากมายไปเป็นทาส

คำคม

“ พระเจ้าประทานพระพรแก่เรา แต่โดยการกระทำของเราก็อาจจะขวางกั้นพระพรนั้นได้ ”

สรุป ปฐมกาล 10

ภาพรวม

  • พระคัมภีร์บันทึกเชื้อสายของเชม ฮาม ยาเฟท เพื่อแสดงให้เห็นว่า จากโนอาห์คนเดียว บรรดาประชาชาติได้ถือกำเนิดขึ้น

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 10 กล่าวถึงพงศ์​พันธุ์​ของบุตร​ทั้ง 3 ​ของ​โน​อาห์ คือ เชม ฮาม และ​ยาเฟท

บุตร​ของ​ยาเฟ​ท
1. ​โก​เมอร์
>>> มีบุตร ชื่อ อัชเค​นัส รี​ฟาท และ​โท​การ​มาห์​
2. มา​โกก
3. มาดัย
4. ยา​วาน
>>> มีบุตร ชื่อ เอลีชาห์ ทาร​ชิช คิ​ทธิม และ​โด​ดา​นิม​
5. ทู​บัล
6. เมเชค
7. ทิ​ราส​
พงศ์​พันธุ์​เหล่า​นี้​ อยู่​ตาม​ฝั่ง​ทะเล​แผ่​ไพศาล​ออกไป​ใน​แผ่นดิน​ของ​เขา

บุตร​ของ​ฮาม
​1. คูช
>>> มีบุตร ชื่อ
>>> 1.1 ​เส-บา
>>> 1.2 ฮา​วิ​ลาห์
>>> 1.3 สับ​ทาห์
>>> 1.4 รา​อา​มาห์
>>>>> มีบุตร ชื่อ เช​บา​และ​เด​ดาน​
>>> 1.5 ​สับ​เท​คา
>>> 1.6 นิ​มโรด ซึ่งนักรบยิ่งใหญ่​บน​แผ่นดิน​ เป็น​พรานเก่งกล้า​ต่อ​พระ​พักตร์​พระ​เจ้า
อาณาจักร​ของ​นิ​มโรด​นั้น คือ​เมือง​บาบิโลน ​เมือง​เอ​เรก เมือง​อัค​คัด เมือง​นี​นะเวห์ ​เมือง​เรโหโบท​อีร์ ​เมือง​คา​ลาห์​
และ​เมือง​เร​เสน​ซึ่ง​เป็น​เมือง​ใหญ่​
2. อียิปต์
>>> มีบุตร ชื่อ ลูดิม อา​นา​มิม เลหะ​บิม นัฟ​ทูฮิม​ ปัท​รุ​สิม คัสลู​ฮิม (ต้น​ตระกูล​คน​ฟีลิสเตีย) และ​คัฟ​โท​
3. พูต
4. คานาอัน​
>>> มีบุตร ชื่อ ​ไซ​ดอน​ ​เฮท​ ​เย​บุส ​อา​โม​ไรต์ เกอร์​กา​ชี​ ฮี​ไวต์ อารคี ​สินี​ ​อาร​วัด เศ​เมอร์ และ​ฮามัธ
ภายหลัง​ตระกูล​ของ​คน​คานาอัน​ก็​แยก​ย้าย​กัน​ไป​ จาก​เมือง​ไซ​ดอน จนถึง​เมือง​กา​ซา และ​ไป​ทาง​เมือง​โสโดม โกโม​ราห์ อัด​มาห์ และเศ​โบยิม​จนถึง​เมือง​ลาชา​


บุตรของ​เชม
1. ​เอ​ลาม
2. อัส​ชูร
3. อารปัค​ชาด
>>> มีบุตร ชื่อ
>>> 3.1 เช​ลาห์
>>>>>> 3.1.1 เอ​เบอร์​
>>>>>>>>> 3.1.1.1 เพ​เลก
>>>>>>>>> 3.1.1.2 โยก​ทาน​
>>>>>>>>>>>>>>> มีบุตร ชื่อ อัล​โม​ดัด เชเลฟ ฮา​ซาร​มา​เวท เย​ราห์​ ฮา​โดรัม อุ​ซาล ดิ​คลาห์​ โอ​บาล อา​บี​มา​เอล เช​บา​ โอฟีร์ ฮา​วิ​ลาห์ และ​โยบับ
4. ลูด
5. ​อารัม​
>>> มีบุตร ชื่อ อูส ฮูล เก​เธอร์ และมัช​
เชื้อสายของเชม ที่บันทึกไว้มี 26 คน พวก​เขา​อาศัย​อยู่​เริ่ม​จาก​เมือง​เม​ชา​ไป​ทาง​เส​ฟาร์​ถึง​ถิ่น​เทือกเขา​ทาง​ทิศ​ตะวันออก​

​จาก​คน​เหล่า​นี้​ประชาชาติ​ทั้ง​หลาย​ใน​โลก​ก็​แผ่​ไพศาล​ออกไป​ภายหลัง​น้ำ​ท่วม​

– มนุษย์ทุกคนในทุกวันนี้ ล้วนมาจากสายเลือดเดียวกัน เราเป็นญาติกันทั้งสิ้น พระเจ้าจึงประสงค์ให้เรารักห่วงใย ช่วยเหลือกันและกัน
– เชื้อสายของยาเฟท , ฮาม และเชม ที่บันทึกไว้มี 14 คน , 30 คน และ 26 คน ตามลำดับ รวมทั้งสิ้น 70 คน พอดี
– พระคัมภีร์บันทึก เชื้อสายของเชม ไว้สุดท้าย ทั้งที่เป็นพี่คนโต เพราะอิสราเอลเป็นเชื้อสายของเชม ตามลักษณะวรรณกรรมในสมัยนั้น เขาจะเอาเรื่องที่อยากเน้นที่สุดไว้สุดท้าย

คำคม

“ มนุษย์ทั้งโลกมาจากเชื้อสายเดียวกัน เราสมควรรักกัน ”

สรุป ปฐมกาล 11

ภาพรวม

  • มนุษย์จงใจขัดแย้งกับพระเจ้า ไม่ต้องการกระจายไปทั่วโลก พระเจ้าจึงทรงทำให้เขากระจัดกระจายไป

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 11 กล่าวถึง เชื้อสายของโนอาห์​ทั่ว​โลก​พูด​ภาษา​เดียว​กัน ​พา​กัน​อพยพ​ไป​ทิศ​ตะวันออก ​ตั้งหลักแหล่งร่วมกันที่​ทุ่ง​ราบ​ใน​แดน​เมือง​ชิ​นาร์
แล้วก็​พูด​กัน​ว่า “มา​เถิด เรา​จง​สร้าง​เมือง​ขึ้น​และ​ก่อ​หอ​ให้​ยอด​เทียม​ฟ้า ให้​เรา​ทำ​ชื่อเสียง​ไว้ มิฉะนั้น​เรา​จะต้อง​กระจัด​กระจาย​ไป​ทั่ว​พื้น​แผ่นดิน”
พระ​เจ้า​ทอด​พระ​เนตร​เมือง​ และ​หอ​ที่​มนุษย์​ก่อสร้าง​ขึ้น​นั้น​
ทรงเห็นว่า นี่​เป็น​เพียง​เบื้องต้น​ของ​อยากทำสิ่งต่างๆเพื่อตนเอง ไม่เชื่อฟังพระเจ้า ไม่ยอมถวายเกียรติแด่พระเจ้า
พระเจ้าจึงทรงทำ​ให้​ภาษา​ของ​เขา​วุ่นวาย​ ​พูด​กันไม่เข้าใจ​
พวกเขา​จึงเลิก​สร้าง​เมือง​นั้น​ และกระจัด​กระจาย​จาก​ที่​นั่น​ไป​ทั่ว​พื้น​แผ่นดิน
พวกเขาจึง​เรียก​เมือง​นั้น​ ว่า ​บา​เบล (แปลว่า วุ่นวาย)

​เชื้อ​สาย​ของ​เชม มีดังนี้
เชม ​มี​อายุ​มีอายุ 600 ​ปี​
> ​มี​บุตร​ชื่อ​ อารปัค​ชาด​ มีอาย 438 ปี
>> ​มี​บุตร ชื่อ เช​ลาห์​ มีอายุ 433 ปี
>>> ​มี​บุตร​ ชื่อ ​เอ​เบอร์​ มีอายุ 464 ปี
>>>> ​มี​บุตร ​ชื่อ เป​เลก​​ มีอายุ 239 ปี
>>>>> ​มี​บุตร​ ชื่อ เร​อู​​​ มีอายุ 239 ปี
>>>>>> ​มี​บุตร ​ชื่อ ​เส​รุก​ มีอายุ 230 ปี
>>>>>>> ​มี​บุตร ​ชื่อ​ นา​โฮร์​​ มีอายุ 148 ปี
>>>>>>>> ​มี​บุตร​ ชื่อ ​เท​ราห์​ มีอายุ 205 ปี
>>>>>>>>> ​มี​บุตร ชื่อ​ อับราม นา​โฮร์ และ​ฮาราน​
ลูกทั้ง 3 ของ เทราห์ เกิดที่เมืองเออร์
– ฮา​ราน​ มีลูกได้แก่ โลท​ , มิล​คาห์ และ​อิส​คาห์​
– อับราม​ ได้แต่งงานกับ​ซาราย ซึ่ง​เป็น​หมัน
– นา​โฮร์​ ได้แต่งงานกับ ​มิล​คาห์ (​บุตรี​ของ​ฮาราน)

ต่อมาฮารานก็เสียชีวิตลง
เท​ราห์​ จึงพา​อับราม​ กับ​โลท​หลานชาย และ​นาง​ซาราย​ ออก​จาก​เมือง​เออร์​ของ​ชาว​เคล​เดีย
จะ​เข้า​ไป​ใน​แผ่นดิน​คานาอัน
แต่​เมื่อ​เขา​ทั้ง​หลาย​มาถึง​เมือง​ฮาราน​แล้ว​ก็​อาศัย​อยู่​ที่​นั่น​
และเท​ราห์​ก็​สิ้นชีวิต​ใน​เมือง​ฮาราน​

– มนุษย์ทำสิ่งผิดเรื่องหอบาเบล คือ
1. พวกเขาใช้ความสามารถที่พระเจ้าประทานให้ แทนที่จะทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า กลับทำเพื่อเกียรติของตนเอง
2. พวกเขาอยากสร้างหอสูงเทียมฟ้า ซึ่งสะท้อนว่าพวกเขาอยากเป็นเหมือนพระเจ้า แบบเดียวกับที่อาดัมทำ
3. พวกเขาจงใจขัดแย้งกับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้พวกเขามีลูกดกเต็มแผ่นดิน แต่พวกเขา ไม่อยากไปไหนอยากอยู่ที่เดียวกัน
– ไม่ว่ามนุษย์จะคิดแผนการอะไรก็ตาม ในที่สุดแล้ว แผนที่สอดคล้องกับแผนของพระเจ้าเท่านั้นที่จะคงอยู่ได้
– เมื่อสังเกตจากอายุของมนุษย์ พบว่า ส่วนใหญ่จะสั้นลงเรื่อยๆ หลังจากน้ำท่วมโลก อาจเป็นเพราะอาหารหรือภูมิอากาศ เปลี่ยนแปลงไป
– ปฐก. 11:31 เทราห์พาครอบครัว ​ออก​จาก​เมือง​เออร์ เพื่อ​เข้า​ไป​ใน​แผ่น​ดิน​คา​นา​อัน แต่​มา​ถึงแค่​ฮาราน​
ดูเผินๆ ดูเหมือนการที่อับราฮัมออกจากเมืองเออร์ แล้วต่อมาเดินทางไปคะนาอัน น่าจะเป็นเพราะเป็นความฝันของพ่อตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ถ้าจะให้เลือกสักที่ที่อับราฮัม อยากจะไป คงเป็นคะนาอัน เป็นแน่
แต่ใน นหม. 9:7 กล่าวว่า “พระ​องค์​คือ​พระ​ยาห์เวห์ พระ​เจ้า​ผู้​ทรง​เลือก​อับราม และ​ทรง​นำ​ท่าน​ออก​มา​จาก​เมือง​เออร์​แห่ง​ประ​เทศ​เคล​เดีย และ​ทรง​ประทาน​นาม​ท่าน​ว่า​อับราฮัม”
เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อพระเจ้าเรียกให้เราทำอะไรนั้น มักมีการเตรียมตัวเตรียมใจของเราไว้แล้วล่วงหน้า
คนอื่นมอง อาจจะพูดได้ว่า คิดไปเองหรือเปล่า? อยากทำเองแล้วตู่ว่า พระเจ้าบอกให้ทำหรือเปล่า?
แต่สำหรับคนเหล่านั้น ที่พระเจ้าทรงเรียกให้เขาทำอะไรก็ตาม เขาจะรู้ลึกๆอยู่ในใจว่า ใช่แล้ว พระเจ้าทรงเรียกให้ฉันทำสิ่งนี้

คำคม

“ ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ตาม แต่น้ำพระทัยอันดีของพระเจ้าสำหรับเราจะสำเร็จอย่างแน่นอน ”

สรุป ปฐมกาล 12

ภาพรวม

  • พระเจ้าทรงเรียกให้อับรามออกจากเมืองฮารานไปยังดินแดนคะนาอัน แต่เมื่อไปถึงเขาพบกับการกันดารอาหาร จึงย้ายไปอียิปต์และที่นั่นเขาได้รับสมบัติกลับมามากมาย

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 12 ​พระ​เจ้า​เรียกให้อับราม​ ​ออก​จาก​เมือง​ จาก​ญาติ​พี่​น้อง ไป​ยัง​ดินแดน​ที่​พระเจ้า​จะ​บอก​ให้​เขา​รู้
พระองค์ทรงสัญญาว่า
– ​จะ​ให้​เขา​เป็น​ชน​ชาติ​ใหญ่
– ​จะ​อวย​พร​แก่​เขา
– จะ​ให้​เขา​มี​ชื่อเสียง​ใหญ่โต​เลื่อง​ลือ​ไป
– จะให้เขา​ช่วย​ให้​ผู้อื่น​ได้รับ​พร​
– จะ​อำนวย​พร​แก่​คน​ที่​อวย​พร​เขา
– จะ​สาป​คน​ที่​แช่ง​เขา
– จะให้ บรรดา​เผ่าพันธุ์​ทั่ว​โลก​จะ​ได้​พร​เพราะ​เขา

​อับราม​ก็เชื่อฟังพระ​เจ้า ตอนนั้นอับราม อายุ​ 75 ​ปี​
เขา​พา​นาง​ซาราย​ ​กับ​โลท​ ​และ​ทรัพย์​สมบัติ​ที่​ได้​สะสม​ไว้ และคนใช้ของเขา ออกจากเมือง​ฮาราน ​เดินทาง​ไป​ยัง​แผ่นดิน​คานาอัน

เมื่อ​ไป​ถึง​ ​ต้น​ก่อ​หลวง ณ โมเรห์ ที่​เมือง​เช​เคม ในแคว้น​คานาอัน​แล้ว​
​พระ​เจ้า​ทรง​​ปรากฏ​แก่​เขา ตรัส​ว่า
“ดินแดน​นี้​เรา​จะ​ยก​ให้​พงศ์​พันธุ์​ของ​เจ้า”
อับรามจึง​สร้าง​แท่น​ถวาย​บูชา​แก่​พระ​เจ้า​ ที่นั่น

อับรามเดินทางต่อ มาถึง​ภูเขา​ระหว่างเมือง​เบธเอล ​และ​เมือง​อัย​
เขาจึงได้​สร้าง​แท่น​บูชา​พระ​เจ้า​ที่​นั่น และ​นมัสการ​ออก​พระ​นาม​พระ​เจ้า​
แล้ว​อับราม​ก็​เดินทาง​ต่อไป ยังเน​เกบ (ตอนใต้ของปาเลสไตน์)
แล้วก็เกิด​กันดาร​อาหาร​ที่​แคว้น​คานาอัน
เขา​จึง​ย้ายไป​​อยู่​ที่​ประเทศ​อียิปต์

เมื่อ​ใกล้​จะ​เข้า​อียิปต์ อับราม​ก็บอก​ซาราย ​ว่า ให้บอกคนอื่นว่า เป็นน้องสาวของอับราม เพราะเขากลัวว่า ถ้าบอกว่าเป็นสามี ชาวอียิปต์จะฆ่าเขาเพื่อชิงตัวนางซารายไป
นางซารายก็ทำตาม
มีคนไปทูล​ฟาโรห์ ถึงความงามของนาง
​ฟาโรห์จึงใช้คนรับนางและอับรามเข้าวัง แล้วให้ของขวัญแก่ อับราม​มากมาย
แต่​พระ​เจ้า​ทรง​ทำ​ให้​เกิด​ภัย​พิบัติ​ร้ายแรง​ต่างๆ แก่​ฟาโรห์ และ​ราชวงศ์​ของ​ท่าน
ฟาโรห์​จึงรีบคืนนางซารายให้แก่อับราม และสั่งให้​พวก​คน​ใช้​เอา​ใจ​ใส่​อับราม
พวก​คน​ใช้​จึง​นำ​อับราม​เดินทาง​กลับไป พร้อม​กับ​นางซารายและ​ทรัพย์​สมบัติมากมาย

– เมื่อพระเจ้าทรงสั่งให้อับรามออกจากเมืองฮาราน ไปยังคะนาอัน
หากอับรามมองในมุมมอง ตามที่ตามองเห็น มันเป็นสิ่งที่ยาก ลำบาก ต้องเสียสละมากมาย
หากอับรามมองในมุมมอง ตามความเชื่อ มันช่างเป็นสิ่งที่วิเศษ แสนดี น่าตื่นเต้น น่าดีใจ น่าชื่นชมยินดีอย่างที่สุด ที่จะได้รับพระพรมากมายถึงเพียงนั้น
วันนี้ เมื่อพระเจ้าทรงสั่งให้เราทำบางอย่าง เรามองการเชื่อฟังทำตามคำสั่งนั้น ด้วยสายตาแบบใด?
– อับรามเมื่อเดินทางมาถึงคะนาอันแล้ว ยังไม่ทันพบการอวยพรที่พระเจ้าตรัสไว้เลย ถึงกระนั้น เขาก็ได้สร้างแท่นบูชา ถวายขอบคุณพระเจ้า ถึงสองแห่ง
เพราะเขาเชื่อว่าจะได้รับแน่ ทั้งที่ยังไม่ได้รับ เขาก็ขอบคุณพระเจ้าแล้ว
วันนี้ แม้เรายังไม่ได้รับตามที่ทรงสัญญา แต่หากเรารับเอาด้วยความเชื่อ เราจะเริ่มขอบคุณพระเจ้าอย่างจริงใจสำหรับสิ่งที่กำลังจะมานั้น
– นางซาราย อายุ 65 ปี ยังสวยปิ้งอยู่เลย
– เมื่ออับรามมาถึงคะนาอัน แทนที่จะพบกับพระพรเหมือนที่พระเจ้าบอก แต่เขากลับพบกับกันดารอาหาร จนต้องหลบไปอยู่อียิปต์ หน่ำซ้ำพอไปถึงอียิปต์ยังถูกแย่งภรรยาอีกต่างหาก
มองในสายตาแบบมนุษย์ ดูเหมือนพระเจ้าไม่รักษาสัญญา
แต่ความจริงแล้วพระเจ้า กำลังรักษาสัญญา ซารายปลอดภัยและอับรามกลับได้รับทรัพย์สมบัติมากมายจากฟาโรห์
นั่นคือ มาอียิปต์เพื่อขนสมบัติกลับบ้าน ก็เท่านั้นเอง
หากเรากำลังประสบเหตุการณ์ที่ดูไม่เหมือนที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้เลย ขอให้ยังคงยึดมั่นความเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้าไว้มั่น
เหตุที่มีกันดารอาหารเพื่อให้อับรามได้รับสมบัติมากมายฉันใด
ปัญหาที่เกิดกับเราวันนี้ ก็เพื่อให้เราผู้เชื่อวางใจในพระเยซู ได้รับพระพรยิ่งใหญ่ตามที่พระองค์ทรงสัญญาฉันนั้น

คำคม

“ การเชื่อฟังพระเจ้า อย่างวางใจ แม้ดูเหมือนจะขาดทุน แต่ในที่สุดจะกำไร”

สรุป ปฐมกาล 13

ภาพรวม

  • เมื่ออับรามกลับมาจากอียิปต์ โลทก็แยกตัวออกไป และพระเจ้าทรงสัญญาที่จะอวยพระพรแก่อับรามและเชื้อสายของเขาในดินแดนคะนาอันนั้น

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 13 หลังจากฟาโรห์ได้ให้ทรัพย์สมบัติมากมายแก่อับราม อับรามก็​ออก​จาก​อียิปต์​ไป​เนเกบ
ด้วย​ฝูง​ปศุ​สัตว์ เงิน​และ​ทอง​คำ มากมาย
จากนั้น​ก็เดินทางต่อจน​มา​ถึง​เบธ​เอล ​ที่​ก่อนหน้านี้เขาได้​สร้าง​แท่น​บูชา​ไว้ ​อับ​ราม​จึงนมัส​การพระเจ้าอีกที่นั่น

ฝ่าย​โลทหลานชายของ​อับราม​ ที่มาพร้อมกันนั้น ก็มี​ฝูง​แพะ แกะ และ​ฝูง​โค​กับ​เต็นท์​ด้วย
ปรากฏว่า ที่​ดิน​ที่​นั่น​ไม่​กว้าง​ขวาง​พอ​ให้​พวก​เขา​อยู่​ด้วย​กัน​ได้

อับราม​จึง​พูด​กับ​โลท​ว่า
“ขอ​อย่า​ให้​เรา​และ​คน​เลี้ยง​สัตว์​ของ​เรา​ทะเลาะ​กัน​เลย เพราะ​เรา​เป็น​ญาติ​สนิท
ขอ​ให้​เจ้า​แยก​ไป​จาก​เรา​เถิด
ถ้า​เจ้า​ไป​ทาง​ซ้าย​เรา​ก็​จะ​ไป​ทาง​ขวา”

โลท​เห็นว่า​ลุ่ม​ของ​แม่​น้ำ​จอร์​แดน​ ​มี​น้ำ​บริ​บูรณ์​อยู่​ทุก​แห่ง
โลท​จึง​เลือก​ที่​ลุ่ม​ของ​แม่​น้ำ​จอร์​แดน
โลท​ออก​เดิน​ทาง​ไป​ทิศ​ตะวัน​ออก
​อาศัย​อยู่​ท่าม​กลาง​เมืองต่างๆ ใน​ที่​ราบ และ​ย้าย​เต็นท์​ไป​ตั้ง​ถึง​เมือง​โสโดม
ซึ่งเป็นเมืองซึ่งเต็มไปด้วยความชั่วร้าย และทำ​ผิด​บาป​ต่อ​พระเจ้า​มาก
ส่วนอับราม​อาศัย​อยู่​ใน​แผ่น​ดิน​คา​นา​อัน

เมื่อ​โลท​จาก​อับ​ราม​ไป​แล้ว
พระเจ้าตรัส​กับ​อับ​ราม​ว่า
“จง​เงย​หน้า​ดู​สถาน​ที่​ตั้ง​แต่​เจ้า​อยู่​นี้​ไป​ทาง​ทิศ​เหนือ ทิศ​ใต้ ทิศ​ตะวัน​ออก และ​ทิศ​ตะวัน​ตก
เพราะ​ดิน​แดน​ทั้ง​หมด​ที่​เจ้า​แล​เห็น​นี้ เรา​จะ​ยก​ให้​เจ้า​และ​เชื้อ​สาย​ของ​เจ้า​ตลอด​นิรันดร์
เรา​จะ​ทำ​ให้​เชื้อ​สาย​ของ​เจ้า​มาก​เหมือน​ผง​คลี​ดิน…
จง​ลุก​ขึ้น​เดิน​ให้​ทั่ว​ดิน​แดน​นี้… เพราะ​ว่า​เรา​จะ​ยก​ดิน​แดน​นี้​ให้​เจ้า”

อับราม​จึง​ย้าย​เต็นท์​มา​อาศัย​อยู่​ที่​หมู่​ต้น​โอ๊ก​ของ​มัมเร ซึ่ง​อยู่​ที่​เฮ​โบรน
แล้ว​สร้าง​แท่น​บูชา​ถวาย​พระ​ยาห์​เวห์เจ้า​ที่นั่น

– เมื่อมาถึงคะนาอันใหม่ๆ อับรามยังไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น เขาก็สรรเสริญพระเจ้า เมื่อออกจากอียิปต์ได้ทรัพย์สมบัติมามากมายแล้ว เขาก็ไม่ลืมพระเจ้า ยังคงสรรเสริญพระองค์
– เมื่อต้องแยกจากโลท อับรามมีน้ำใจให้โลทเลือกก่อน ถึงกระนั้นดินแดนที่เป็นฝั่งของอับราม ก็ยังเป็นดินแดนคะนาอันอยู่ดี ตามแผนการที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้แต่แรก
ไม่ว่ามนุษย์จะทำอะไรอย่างไร แผนการของพระเจ้าก็จะสำเร็จอยู่ดี แต่มนุษย์ที่เลือกทำจะได้รับผลจากการเลือกของตน
เช่นเดียวกับโลท ทั้งที่ รู้ว่าเมืองโสโดมเป็นเมืองชั่วร้ายและทำผิดต่อพระเจ้ามากมาย แต่ก็ยังเลือกไปอยู่ที่นั่นอยู่ดี เพราะดูเหมือนช่างอุดมสมบูรณ์
การเลือกสิ่งที่ใครๆมองก็ดูว่าดี แต่ขัดกับน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่เคยนำสิ่งดีมาสู่ผู้เลือกเลย
– เมื่อพระเจ้าทรงสัญญากับอับรามถึงดินแดนที่จะยกให้แก่เชื้อสายของเขา สิ่งที่พระเจ้าทรงให้อับรามทำ คือ “เจ้า​จง​เงย​หน้า​แลดู​สถานที่ ตั้งแต่​เจ้า​อยู่​นี้​ไป​ทาง​ทิศ​เหนือ ทิศ​ใต้ ทิศ​ตะวันออก ทิศ​ตะวันตก​…จง​ลุก​ขึ้น​เดิน​ให้​ทั่ว​ดิน​แดน​นี้ให้​ทั่ว​ทั้ง​ด้าน​ยาว​ด้าน​กว้าง​เถิด…”
ก็เพื่อให้อับรามได้เห็นว่า พระพรที่พระเจ้าจะอวยพรแก่เขาและเชื้อสายของเขานั้นมากมายกว้างใหญ่ไพศาลสักเพียงใด เมื่ออับรามได้เห็น สายตาแห่งความเชื่อของเขาคงจะทำให้เขาตื่นเต้นและชื่นชมยินดีอย่างยิ่งสำหรับพระพรเหลือล้นที่พระเจ้าจะทรงประทานแก่เขาและเชื้อสายของเขา
วันนี้ ให้เราลองไตร่ตรอง สำรวจ ค้นดู ว่า พระพรของพระเจ้าที่ทรงสัญญาไว้ ที่จะประทานให้แก่เราในสวรรคสถานนั้น มากมายเหลือล้น และวิเศษสักเพียงใด
สิ่งเหล่านี้คงทำให้ ชีวิตของเราในวันนี้ เต็มไปด้วยความชื่นชมยินดี และช่วยเราให้ดำเนินชีวิตในโลกนี้อย่างมีปัญญา

คำคม

“ การอวยพระพรนั้นจะยิ่งใหญ่เกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้เสมอ ”

สรุป ปฐมกาล 14

ภาพรวม

  • โลทและครอบครัวถูกจับตัวไป ในสงครามระหว่างกษัตริย์ 9 องค์ อับรามตามไปช่วยกลับมาได้อย่างปลอดภัย และถวาย 1 ใน 10 ของสิ่งที่ริบมาได้ แก่กษัตริย์เมลคีเซเดด

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 14 กษัตริย์เมือง​เอลลา​สาร์และอีก 3 กษัตริย์ซึ่งปกครองด้านตะวันออกของคะนาอัน ได้ยกกองทัพมาสู้รับกับ ​กษัตริย์​เมือง​โสโดมและอีก 4 กษัตริย์ซึ่งปกครองบริเวณทะเลตาย ทางตอนใต้ของคะนาอัน
เกิดการปะทะกัน ณ ที่​ราบ​สิ​ดดิม (คือ​ทะเล​เกลือ)​

กษัตริย์​เมือง​โสโดมและพันธมิตรทั้ง 4 ของเขาพ่ายแพ้
จึง​ยอม​ขึ้น​แก่​กษัตริย์เมืองเอลลาคาร์ 12 ​ปี
แต่​ใน​ปี​ที่​ 13 ​ก็​กบฏ​

​ใน​ปี​ที่ 14 กษัตริย์เมือง​เอลลา​สาร์และพันธมิตรของเขา
​จึง​ยก​มา​ และรบ​ชนะเมืองต่างๆเรื่อยมา ได้แก่ เมือง​อัช​ทา​โรท​คาร​นาอิม , เมือง​ฮาม , ​เมือง​ชาเวห์-คี​ริ​ยาธาอิม​ ,
ชาว​​ภูเขา​เส​อีร์ , เมือง​เอล​ปา​ราน​, ​เมือง​เอน​มิสปัท (คือ​คาเดช) , ​เมือง​ของ​คน​อามาเลข​และ​ เมืองของ​คน​อาโมไรต์​

แล้ว​กษัตริย์​เมือง​โสโดม และพันธมิตรทั้ง 4​
ก็​ยกกองทัพออกไป​ใน​ที่​ราบ​สิ​ดดิม​ ปะทะ​กับ กษัตริย์​เมือง​เอ​ลามและพันธมิตรทั้ง 3

กษัตริย์​ 4 ​องค์​ต่อสู้​กับ 5 ​องค์​
กษัตริย์​เมือง​โสโดม และพันธมิตรทั้ง 4​ พ่ายแพ้ และหนีไป
ข้าศึก​ได้บุกเข้ามาใน​เมือง​โสโดม​และ​เมือง​โกโมราห์​ แล้วเก็บ​ข้าว​ของ​และ​เสบียง​อาหาร​ไป​สิ้น
และได้จับคนในเมืองไปเป็นเชลย
​โลทและครอบครัวก็ถูกจับไปด้วย

มี​คน​หนึ่ง​หนี​มา​ ​บอก​ให้​อับราม ที่​หมู่​ต้น​ก่อ​หลวง​ของมัมเร
ซึ่งในเวลานั้น อับรามมีสัมพันธ์อันดีกับ คน​อา​โม​ไรต์ พี่​น้อง​ของ​เอช​โคล์​และ​อา​เนอร์ ในบริเวณนั้น

อับรามจึง​นำ​พล​ชำนาญ​ศึก​ที่​เกิด​ใน​บ้าน​ของ​ตน​ 318 คน​ไล่​ตาม​ไป
ซึ่งน่าจะมีเพื่อนของอับรามบางคน คือ อา​เนอร์ เอช​โคล์ และมัมเร ติดตามไปด้วย (ปฐก. 14:24)
อับรามไล่ตามมา​ทัน ​ที่​เมือง​ดาน หรือเมือง​“ลาอิช” (วนฉ. 18:29) อยู่​ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​ทะเล​สาบ​กาลิลี

อับราม​จึง​แยก​พล​ของ​ตน​ออกเป็น​กองๆ
แล้วก็​เข้า​ตี​พวก​ข้าศึก ใน​กลางคืน จนพวกเขาพ่ายแพ้
หนีไป​ถึง​เมือง​โฮ​บาห์​เหนือ​เมือง​ดามัสกัส​

แล้ว​ท่าน​นำ​ข้าว​ของ​และเชลย กลับคืน​มาได้ทั้ง​หมด
รวมทั้งโลทและครอบครัว​ด้วย​

เมื่อ​อับราม​กลับ​จาก​การ​รบ
กษัตริย์​เมือง​โสโดม​ก็​ออกมา​รับ​อับราม ณ ที่​ราบ​ชาเวห์ (คือ​ที่​ราบ​ของ​กษัตริย์)​

เมลคี​เซ​เดค​ ผู้​เป็น​ทั้ง​กษัตริย์​เมือง​ซาเลม และ​ปุโรหิต​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​สูงสุด ​
ได้​นำ​ขนม​ปัง​กับ​เหล้า​องุ่น​มา​ให้​อับราม
แล้ว​อวย​พร​เขา ว่า
“ขอ​พระ​เจ้า​ผู้​สูงสุด​ผู้​ทรง​สร้าง​ฟ้า​สวรรค์​และ​แผ่นดิน
จง​โปรด​ให้​อับราม​ได้รับ​พระ​พร​เถิด
สาธุการ​แด่​พระ​เจ้า​ผู้​สูงสุด ผู้​ทรง​มอบ​ศัตรู​ทั้ง​หลาย​ไว้​ใน​เงื้อม​มือ​ของ​ท่าน”
​อับราม​ก็​ยก​ 1 ใน​ 10 ​จาก​ข้าว​ของ​นั้น​ ถวาย​แก่​กษัตริย์​เมลคี​เซ​เคด

ฝ่าย​กษัตริย์​เมือง​โสโดม​ ตรัส​แก่​อับราม​ว่า
“ขอ​คืน​คน​ให้แก่​เรา แต่​ข้าว​ของ​นั้น​ท่าน​จง​เอา​ไป​เถิด”

แต่อับราม​ ไม่ยอมรับสิ่ง​ใดๆ ไว้เลย นอกจากเสบียง​อาหาร​ที่​คน​ของ​อับราม​ได้​รับประทานไป​เท่านั้น เพื่อ​มิ​ให้​กษัตริย์โสโดมพูด​ได้​ว่า
‘เรา​ได้​บำรุง​อับราม​ให้​มั่ง​มี’

​และอับราม บอกกษัตริย์โสโดม ให้มอบส่วนที่​คน​ที่​มา​กับ​อับราม คือ​อา​เนอร์ เอช​โคล์ และมัมเร ​ในส่วนที่พวกเขาสมควรได้รับเถิด

– เมื่อมนุษย์ทวีมากขึ้น ความชั่วร้ายของมนุษย์ก็ทวีออกมา เห็นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ มาถึงสมัยของอับรามนี้ ทวีมากขึ้นจนมีการสู้รบเพื่อแย่งชิงทรัพย์สิน ผู้หญิง และจับคนไปเป็นเชลย
– เมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ ตกเป็นเมืองขึ้นอยู่ 12 ปี ความยากลำบากที่เกิดขึ้นนี้ เป็นพระเมตตาจากพระเจ้า ที่ให้โอกาสพวกเขาสำนึกบาปและกลับใจใหม่ แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สำนึกเลย
วันนี้ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา อาจจะเป็นเสียงเตือนจากพระเจ้าให้เรากลับใจเสียใหม่ ก็เป็นได้
– กองทัพของ 4 กษัตริย์ที่ยกมาสู้กับกษัตริย์โสโดมนั้น ยิ่งใหญ่มาก เพราะนอกจากจะชนะกองทัพใหญ่ของกษัตริย์ 5 องค์แล้ว ก่อนหน้านี้ยังรบชนะเมืองต่างๆมามากมายแล้ว อย่างน้อย 8 เมือง
แต่เพราะพระเจ้าสถิตกับอับราม ด้วยกำลังคนเพียง 318 คน ก็สามารถปราบกองทัพอันเกรียงไกรนี้ลงได้อย่างสิ้นเชิง
– อับรามมีคนใช้ที่เกิดในบ้านของเขา ที่โตเป็นหนุ่มแล้ว ถึง 318 คน ชี้ให้เห็นว่า อับรามช่างมั่งคั่งจริงๆ คงจะมีฝูงสัตว์มากมาย จนมากเพียงพอเลี้ยงคนใช้ เหล่านี้และครอบครัวของพวกเขา ได้
เหตุที่ทำให้อับรามมั่งคั่งเช่นนี้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี ไม่น่าจะเพราะเขาค้าขายเก่งหรือเลี้ยงสัตว์เก่ง แต่น่าจะเป็นเพราะพระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงอวยพระพรแก่อับราม ผู้มีความเชื่อและเชื่อฟังพระเจ้า
เมื่อพระเจ้าบอกว่าจะอวยพร พระพรนั้นมากมายเหลือคณานับจริงๆ
– คนใช้ในบ้านอับราม มีคนชำนาญศึกอยู่เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่า อับรามเตรียมพร้อมอยู่เสมอ คงจะให้คนใช้ของเขา ฝึกฝนการต่อสู้อยู่เป็นประจำ
การที่พระเจ้าอวยพร ไม่ได้หมายความว่า จากนี้ไป เราไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องใช้สติปัญญา
แต่ตรงกันข้าม เพราะพระเจ้าอวยพรเรา เราสมควรใช้สติปัญญาอย่างสุดความสามารถที่จะบริหารจัดการ ปกป้องดูแล สิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่เรานั้น
– อับรามน้อมรับคำอวยพร จาก กษัตริย์เมลคีเซเดดผู้ชอบธรม แต่ไม่ยอมรับแม้แต่ด้ายเส้นเดียว จากกษัตริย์โสโดมผู้ชั่วร้าย
ที่เป็นเช่นนี้ เพราะอับรามรักพระเจ้าและยำเกรงพระเจ้า
เขาอยากให้คนทั้งหลายกล่าวว่า การที่อับรามจำเริญขึ้นนี้ เพราะพระพรจากพระเจ้า
เขาไม่อยากให้ใครเลยกล่าวว่า การที่อับรามรวยขึ้นนี้ เพราะการส่งเสริมจากคนชั่วร้าย
เขาปรารถนาให้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขานั้น ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าเท่านั้น
– แม้อับรามไม่ได้รับของจากกษัตริย์เมืองโสโดม แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมคนที่มากับเขา เขาสนับสนุนให้กษัตริย์โสโดมมอบสิ่งที่เพื่อนๆของเขา สมควรจะได้รับแก่พวกเขา
เมื่อเราดำเนินชีวิตในฝ่ายวิญญาณ ก็ไม่ควรละเลยหรือไม่สนใจผู้อื่น ที่ไม่ได้มีมุมมองฝ่ายวิญญาณแบบเดียวกับเราด้วย
– การที่อับรามไม่รับของใดๆจากกษัตริย์เมืองโสโดม
ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่ได้รับอะไรเลย จากการรบครั้งนี้
เพราะเขาได้ถวาย 1 ใน 10 ของสิ่งที่เขาได้รับมาแก่เมลคีเซเดด แสดงว่าเขาได้ของมามากมายด้วย คือของที่ไม่ใช่ของของกษัตริย์โสโดมหรือพันธมิตร แต่เป็นของที่พวกของกษัตริย์เมืองเอลลา​สาร์ ปล้นมา ตลอดการกรีธาทัพในครั้งนี้
การรบกันของกษัตริย์ทั้ง 9 องค์ สร้างความเสียหายมากมาย ซึ่งอาจเกิดจากหลายเหตุผลก็จริง
แต่หนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น ก็คือ เพื่อที่พระเจ้าจะอวยพระพรอับรามให้มั่งคั่งมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ความวุ่นวายต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในสังคม พระเจ้ากำลังเปิดประตูพระพรให้แก่ผู้ที่ยำเกรงพระองค์
– เมลคี​เซ​เดค​ ผู้เป็นกษัตริย์​เมือง​แห่งสันติสุข(ซาเลม) และ​ปุโรหิต​ของ​พระ​เจ้า​ผู้​สูงสุด ​ได้ถูกนำไปเปรียบกับพระเยซู ใน ฮบ.7 เขาได้​นำ​ขนม​ปัง​กับ​เหล้า​องุ่น​มา​ให้​อับราม เหมือนพระเยซูมอบขนมปังและน้ำองุ่นแก่เหล่าสาวก ในพิธีมหาสนิท อีกด้วย
เรื่องของ เมลคีเซเดด รับชมเพิ่มเติมได้จากที่นี่นะครับ
https://www.youtube.com/watch?v=rXJh9q2o-PM&list=PLaCGMfK5N21j6__4FLDHlOljBVrUScFu8&index=12&t=0s

คำคม

“ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผู้ที่พระเจ้าจะอวยพระพร ก็ยังจะได้รับพระพรอยู่ดี ”

สรุป ปฐมกาล 15

ภาพรวม

  • พระเจ้าทรงทำพันธสัญญากับอับราม ว่าจะอวยพรเชื้อสายของเขามากมาย แต่อย่างไรก็ดีเชื้อสายของเขาต้องตกเป็นทาสในต่างแดน 400 ปี ก่อน แล้วพระเจ้าจะทรงนำพวกเขาออกมาพร้อมสมบัติมากมาย

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

ปฐมกาล บทที่ 15 พระเจ้าตรัสกับ​อับ​ราม​ทาง​นิมิต​ว่า
“อับ​ราม​เอ๋ย เจ้า​อย่า​กลัว​เลย เรา​เป็น​โล่​ของ​เจ้า บำเหน็จ​ของ​เจ้า​จะ​มาก​มาย​นัก”
อับ​ราม​จึงทูล​ว่า สิ่งของที่พระองค์จะประทานแก่เขา จะมีประโยชน์อะไร เขาไม่มีลูก
ดังนั้นของทั้งหมดนั้นก็จะต้องตกเป็นของคนอื่นไปอยู่ดี
พระเจ้าตรัสกับ​อับ​ราม​ว่า
“…​บุตร​ชาย​ที่​เกิด​จาก​เจ้า​จะ​เป็น​ผู้​รับ​มรดก​ของ​เจ้า”
แล้วพระ​องค์​จึง​พา​อับ​ราม​ออก​มา​ข้าง​นอก​ แล้ว​ตรัส​ว่า
“มอง​ดู​ฟ้า​สิ ถ้า​เจ้า​สามารถ​นับ​ดาว​ทั้ง​หลาย​ได้ ก็​นับ​ไป
เชื้อ​สาย​ของ​เจ้า​จะ​เป็น​เช่น​นั้น”

อับ​ราม​ก็​เชื่อ​ในสิ่งที่พระเจ้าตรัส
ความ​เชื่อ​นั้น​พระ​องค์​ทรง​ถือ​ว่า​เป็น​ความ​ชอบ​ธรรม​แก่​เขา

พระเจ้าตรัส​ว่า
“เรา​คือ​ยาห์​เวห์​ผู้​พา​เจ้า​ออก​จาก​เมือง​เออร์​ของ​ชาว​เคล​เดีย
เพื่อ​จะ​ยก​ดิน​แดน​นี้​ให้​เป็น​กรรม​สิทธิ์​ของ​เจ้า”

อับ​ราม​ทูล​ว่า
“…ข้า​พระ​องค์​จะ​ทราบ​ได้​อย่าง​ไร​ว่า จะ​ได้​ดิน​แดน​นี้​เป็น​กรรม​สิทธิ์?”

พระเจ้าตรัสว่า
“เอา​ลูก​โค​ตัว​เมีย​อายุ​สาม​ปี แพะ​ตัว​เมีย​อายุ​สาม​ปี​และ​แกะ​ตัว​ผู้​อายุ​สาม​ปี
นก​เขา​ตัว​หนึ่ง​กับ​นก​พิราบ​ตัว​หนึ่ง​มา​ให้​เรา”

อับ​ราม​จึง​นำ​สัตว์​ทั้ง​หมด​เหล่า​นี้​มา​ถวาย
และ​ผ่า​ครึ่ง​วาง​ข้าง​ละ​ซีก​ตรง​กัน แต่​ไม่​ได้​ผ่า​ครึ่ง​นก
และเฝ้าอยู่จนตะวัน​ใกล้​จะ​ตกดิน
อับ​ราม​ก็​นอน​หลับ​สนิท
เวลา​นั้น​ความ​กลัว​และ​ความ​มืด​อย่าง​ยิ่ง​ก็​มา​ทับ​ถม​อับ​ราม

พระ​เจ้าตรัสกับอับราม​ว่า
…​เชื้อ​สาย​ของ​อับราม​จะไปอยู่ต่างแดน​ถึง ​400​ปีและพวกเขาจะ​ต้อง​รับ​ใช้​ชาว​เมือง​นั้น
และพวกเขา​จะ​ถูกกด​ขี่ข่มเหงที่นั่น
ส่วน​ชน​ชาติ​ที่​พวกเขา​รับ​ใช้​อยู่​นั้น พระเจ้าจะ​พิพาก​ษา​ลง​โทษ
ต่อ​มาในชั่วอายุที่ 4 ​เชื้อ​สาย​ของ​อับราม​จะ​ออก​มา พร้อม​กับ​ทรัพย์​สมบัติ​มาก​มาย
เหตุที่ต้อง รอถึง 400 ปี เพราะ ความ​บาป​ชั่ว​ของ​คน​อา​โม​ไรต์​ยัง​ไม่​ครบ​ถ้วน
จึงยังทรงให้โอกาสพวกคนคะนาอันกลับใจอีก 400 ปี
ส่วนอับรามจะตายอย่าง​สงบ ในยาม​ชรา​มาก​แล้ว

เมื่อ​ดวง​อาทิตย์​ตก​แล้ว ​ก็​มี​ เตา ที่มีควัน​พลุ่ง​อยู่ และ​คบ​เพลิง​
เลื่อน​ลอย​มา​ระหว่าง​กลาง​ซีก​สัตว์​เหล่า​นั้น

แล้วพระเจ้าทรง​ทำ​พันธ​สัญ​ญา​กับ​อับ​ราม​ว่า
พระเจ้าทรง​มอบ​ดิน​แดน​นี้​ให้​เชื้อ​สาย​ของ​อับรามแล้ว​
ตั้ง​แต่​แม่​น้ำ​อียิปต์​ไป​ ถึง​ ​แม่​น้ำ​ยูเฟร​ติส
รวมทั้ง​แผ่น​ดิน​ของคน 10 ชนชาติในบริเวณนั้นด้วย

– เอลี​เยเซอร์ ที่กล่าวถึงใน ข้อที่ 2 ​น่าจะ​เป็นคนรับใช้ของอับราม ​คน​เดียว​กันกับ​คนที่​อับ​ราม​ส่ง​ไป​ที่​ปัด​ดาน​อารัม​เพื่อ​หา​ภรรยา​มา​ให้​อิสอัค​บุตร​ชาย ใน บท​ที่ 24
– พระเจ้าไม่ได้บอกว่า เชื้อสายของอับรามจะมีจำนวนเท่ากับดวงดาว (ซึ่งนักดาราศาสตร์บางท่าน ประมาณว่า น่าจะมีอยู่มากกว่า 1,000,000,000,000,000,000,000 ดวง) แต่บอกว่า จะมากมายจนนับไม่ได้เหมือนจำนวนดวงดาวที่มากมายจนนับไม่ได้
– อับรามเชื่อในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ที่พระเจ้าได้ตรัสแก่เขา
พระเจ้าจึงทรงถือว่า เป็นความชอบธรรมของเขา(รม. 4:3; กท. 3:6; ยก. 2:23)
ที่เขาถวายเกียรติแด่พระเจ้าเช่นนั้น
การเชื่อใคร เป็นการให้เกียรติแด่ผู้นั้น
การไม่เชื่อใคร เป็นการดูถูกผู้นั้น
ขณะนี้เรากำลัง ให้เกียรติพระเจ้า หรือกำลังดูถูกพระองค์ ?
– พระเจ้า​ตรัส​แก่​อับ​ราม​ว่า พระองค์เป็นผู้​พา​เจ้า​ออก​จาก​เมือง​เออร์ ทั้งที่ดูเผินๆ
อับรามออกจากเมืองเออร์ก็เพราะว่า เทราห์ผู้เป็นพ่อของอับราม เป็นผู้พาลูกๆของเขาออกจากเมืองเออร์(ปฐก. 11:31)
การกระทำของเทราห์ อยู่ภายใต้การควบคุมของพระเจ้า จึงกล่าวได้ว่าพระเจ้าเป็นผู้นำอับรามออกจากเมืองเออร์
วันนี้ อาจเพราะการกระทำของคนบางคนทำให้เรามาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เราสามารถมองได้ว่า พระเจ้าทรงนำเรามาในเหตุการณ์นี้ ดังนั้นวิธีจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างดี ก็ทำได้โดยการพึ่งพาพระเจ้า
– อับรามถามพระเจ้าว่า จะรู้ได้อย่างไรว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น
พระเจ้าจึงทำ​พันธ​สัญญา​กับ​เขา
การ​ทำ​พันธ​สัญญา​ใน​สมัย​โบราณ​นั้น ​จะ​ใช้​สัตว์​ผ่า​เป็น​สอง​ซีก ​เพื่อ​เป็น​สัญลักษณ์​ของ​การ​ตก​ลง
อับ​ราม​ ​จัด​เตรียม​สัตว์​เหล่า​นั้นและ​รอ​คอย​การ​ยืน​ยัน​จาก​พระ​เจ้า
พอ​ดวงอาทิตย์ตก พระเจ้า ก็​ให้​มี​คบ​เพลิง​เลื่อน​ลอย​มา​ระหว่าง​กลาง​ซีก​สัตว์​เหล่า​นั้น
เป็นการทำพันธสัญญาอย่างสมบูรณ์
– พระเจ้าบอกอับรามไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าอิสราเอลจะต้องตกเป็นทาสในอียิปต์ 400 ปี ดังนั้นการตกเป็นทาสของอิสราเอล ไม่ใช่เพราะพระเจ้าไม่สามารถช่วยพวกเขาได้ แต่เพราะพระองค์มีแผนการลึกซึ้งเกิดกว่าที่มนุษย์จะเข้าใจได้
การตกเป็นทาสในอียิปต์ 400 ปี
>> ทำให้อิสราเอลกลุ่มคนเล็กๆ มีเวลา 400 ปี เพิ่มพูนจำนวนมากมายจนถึงกว่า 3 ล้านคน โดยที่ตลอด 400 ปีนั้น ไม่ต้องวิตกกังวลถึงชนชาติจะมาสู้รบกับพวกเขาเลย
>> ทำให