ภาพรวม
- อิสอัคพาครอบครัวหนีกันดารอาหารมาอยู่ในเมืองของฟิลิสเตีย พระเจ้าทรงอวยพรเขามากมายจนเป็นที่อิจฉาของผู้คน จนกษัตริย์ฟิลิสเตียต้องขอให้เขาย้ายออก
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
ปฐมกาล บทที่ 26 หลังจากที่อิสอัคได้ลูกแฝดตอนอายุ 60 ปี ต่อมาเกิดการกันดารอาหารในดินแดนที่เขาอยู่
อิสอัคจึงคิดจะอพยพไปที่อื่น
พระเจ้าจึงมาบอกว่า อย่าไปอียิปต์เลย อาศัยในแผ่นดินคะนาอันต่อไป แล้วพระเจ้าจะอยู่กับเขาและอวยพรเขาพระองค์จะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้นดังดาวบนฟ้า และประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้รับพรก็เพราะเชื้อสายของเขา
อิสอัคจึงไปอาศัยอยู่ในเก-ราร์ ซึ่งเป็นของชาวฟีลิสเตีย
เขาบอกชาวเมืองนั้น ว่า เรเบคาห์เป็นน้องสาวของเขา เพราะท่านกลัวชาวเมืองจะฆ่าเขาเพื่อแย่งเรเบคาห์
ต่อมาวันหนึ่ง อาบีเมเลค กษัตริย์ชาวฟีลิสเตีย (น่าจะเป็นคนละอาบีเมเลค ใน ปฐก.20 สมัยของอับราฮัม เพราะเวลาผ่านมา 100 ปีแล้ว ) ทรงมองลงมา เห็นอิสอัคกำลังทำตัวใกล้ชิดสนิทสนทกับเรเบคาห์แบบสามีภรรยา
อาบีเมเลคจึงเรียกอิสอัค มาถาม จนรู้ความจริง
อาบีเมเลคจึงตำหนิอิสอัคว่า ไม่ควรทำเช่นนี้ เพราะหากมีใครไปเอาเรเบคาห์มาเป็นภรรยา ความผิดมาสู่พวกเขา
อาบีเมเลคจึงทรงบัญชาประชาชน ว่า
“ใครแตะต้องชายคนนี้และภรรยาของเขา จะต้องตายแน่”
อิสอัคหว่านพืชในดินแดนนั้น ในปีเดียวกันก็เก็บผลได้ 100 เท่า
เพราะพระเจ้าทรงอวยพรเขา
อิสอัคก็ร่ำรวยและมั่งมีขึ้นเรื่อยๆ มีฝูงแกะ ฝูงโคและมีบริวารมากมาย
ชาวฟีลิสเตียก็อิจฉาท่าน จนรังแกอิสอัคโดยการเอาดินถมบ่อน้ำทุกบ่อ ซึ่งเป็นของอิสอัค ที่คนใช้ของอับราฮัมเคยขุดไว้
เพื่อป้องกันการทะเลาะ อาบีเมเลคจึงขอให้อิสอัคไปเสีย
อิสอัคจึงไปตั้งค่ายอยู่ที่ลำห้วยเก-ราร์ แล้วก็ขุดบ่อน้ำ ของอับราฮัมที่ชาวฟีลิสเตียเคยถมไว้
ปรากฏว่า คนเลี้ยงสัตว์ของเก-ราร์ก็มาบอกว่า “น้ำนั้นเป็นของเรา”
อิสอัคจึงไปขุดบ่อน้ำอีกบ่อหนึ่ง
แต่พวกเขาก็ตามมาทะเลาะกัน เรื่องบ่อนั้นด้วย
อิสอัคจึงย้ายจากที่นั่น ไปขุดอีกบ่อหนึ่ง บริเวณที่กว้าง
คราวนี้พวกเขาก็ไม่ตามมาทะเลาะอีก
หลังจากนั้น อิสอัคก็ออกจากที่นั่นไปยังทางเหนือ ห่างออกไป ราว 30 กม.
พระเจ้าทรงปรากฏแก่เขา ตรัสว่า “…อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้าและจะอวยพรเจ้า และทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น…”
เขาจึงสร้างแท่นบูชาที่นั่น และนมัสการที่นั่น
แล้วขุดบ่อน้ำบ่อหนึ่งที่นั่นด้วย
ต่อมาอาบีเมเลคและทีม ได้ไปหาอิสอัค
พวกเขาบอกว่า พวกเขาเห็นชัดเจนแล้วว่า พระเจ้าทรงอยู่กับท่าน
พวกเขาจึงต้องการทำสันถวไมตรีกับอิสอัค ที่จะไม่ทำร้ายกันตลอดไป
อิสอัคก็ตอบตกลง และตอบรับพวกเขาอย่างดี
ในวันนั้น คนใช้ของอิสอัคมาบอกข่าวดีแก่เขา ว่า “เราพบน้ำแล้ว”
อิสอัคจึงจี้งชื่อบ่อนั้นว่า “ชิบาห์” แปลว่า สาบาน (ออกเสียงคล้าย “เชบา”)
เมืองนั้นจึงมีชื่อว่า “เบเออร์เชบา” ในเวลาต่อมา
เมื่อเอซาวมีอายุ 40 ปี เขาได้ภรรยาคนฮิตไทต์ 2 คน คือ ยูดิธ และ บาเสมัท
ซึ่งพวกนางทำให้ชีวิตอิสอัคและนางเรเบคาห์ ขมขื่น
– เกิดกันดารอาหารขึ้นในดินแดน ที่พระเจ้าบอกว่าจะอวยพร
ดูเหมือนสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่พระเจ้าบอกจะไม่ใกล้เคียงกันเลย
แต่อิสอัคยังคงเชื่อฟังพระเจ้า อยู่ในดินแดนนั้นต่อไป
ซึ่งในเวลาต่อมาอีกไม่นาน เขาก็ได้กลายเป็นชายที่สุดมั่งคั่งในดินแดนนั้น
วันนี้ เราอาจจะยังไม่เห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้
มองดูสถานการณ์รอบข้างก็ไม่ใกล้เคียงเลย
จงยึดมั่นในความเชื่อต่อไป ในเวลาอีกไม่นานเกินรอ
เราจะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาอย่างเต็มขนาดอย่างแน่นอน
– น่าสังเกตว่า อิสอัค ทำพลาด เหมือนอับราฮัมบิดาของเขา เขาหวาดกลัว จนไม่กล้าพูดความจริง ทั้งที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขา
การกระทำของเรา ไม่ได้มีผลแค่ต่อเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อลูกหลานของเราด้วย
ที่จะมีแนวโน้มทำผิดพลาดเหมือกับเรา
ดังนั้น จงระมัดระวังในการดำเนินชีวิต
และ ถ้าพลาดไปแล้ว จงนำมันมาเป็นบทเรียน สอนลูกหลานของเรา
เพื่อพวกเขาจะไม่ผิดพลาดเช่นเดียวกับเรา
– คนฟลิสเตียอิจฉาและรังแกอิสอัค จนเขาต้องย้ายหนีถึง 4 ครั้ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ใช้บ่อสุดท้ายนั้นอยู่ดี แต่ย้ายไปอยู่ที่ชินาห์
แต่ผลสรุปสุดท้ายของเรื่องนี้ ก็คือยิ่งอิสอัคโดนแกล้ง แบบพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย
กลับยิ่งมั่งคั่ง จนเป็นที่เกรงกลัว ถึงขนาดกษัตริย์ของฟิลิสเตียต้องพาพวกมาทำสันถวไมตรีด้วย
เมื่อเราถูกเอาเปรียบ จงยำเกรงพระเจ้าต่อไป แล้วรอดูว่าพระเจ้าจะทรงอวยพระพรเรามากมายเพียงใดผ่านเหตุการณ์ในครั้งนั้น
– อิสอัค แม้ยังไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง แต่เพราะพระเจ้าอวยพรเขา ในปีเดียวเขาก็เก็บผลได้ 100 เท่า
ไม่สำคัญเลยว่า เรามีอะไร หรือยังไม่มีอะไร ขอเพียงแต่พระเจ้าจะอวยพรเรา เราก็จะได้รับพระพรมากล้นเป็นแน่
– ภรรยาทั้งสองของเอซาว นอกจากไม่สร้างความชื่นใจให้อิสอัคและเรเบคาห์แล้ว ยังสร้างความขมขื่นใจให้อีกด้วย
เลือกคู่ครองผิด ไม่ใช่แค่ตนเองจะทนทุกข์ แต่คนรอบช้างก็จะได้รับผลกระทบไปด้วย
คำคม
“ ถ้าพระเจ้าจะอวยพร แม้เป็นคนเร่ร่อน ก็ยังมั่งมีได้ ”