ภาพรวม
- เมื่อโยเซฟและพวกพี่น้องได้เสียชีวิตลง หลังจากช่วงระยะหนึ่ง คนอียิปต์ก็จำเรื่องของโยเซฟไม่ได้แล้ว และเริ่มข่มเหงอิสราเอล บังคับให้เป็นทาสใช้แรงงานหนัก และพยายามกำจัดทารกเพศชายของอิสราเอลให้หมดไปด้วย
- สามารถรับชมรายละเอียดคำอธิบายเพิ่มเติม ของ อพยพบทที่ 1 ที่นี่ครับ >> https://youtu.be/aXBIsF1LgiM
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อพยพ บทที่ 1 เริ่มต้นด้วยท้าวความ ถึงเชื้อสายของยาโคบ(อิสราเอล) ที่เข้ามาอยู่ในอียิปต์ ได้แก่
1.รูเบน 2.สิเมโอน 3.เลวี 4.ยูดาห์
5.อิสสาคาร์ 6.เศบูลุน 7.เบนยามิน 8.ดาน
9.นัฟทาลี 10.กาด 11.อาเชอร์ 12.โยเซฟ (ลูกของเขา คือ นัมสเสห์ และ เอฟราอิม)
ต่อมาเมื่อโยเซฟกับพี่น้อง ตายหมดแล้ว
พงศ์พันธุ์อิสราเอลมีลูกดกทวีมากขึ้น จนเต็มแผ่นดินไปหมด
ต่อมากษัตริย์อียิปต์ องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ พระองค์ไม่ทรงรู้จักโยเซฟ
(น่าจะหมายถึง มีการเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่ในอียิปต์ ใน ปี 1570 ก.คศ. )
กษัตริย์องค์นั้น เห็นว่า คนอิสราเอลมีมากเกินไป และมีกำลังยิ่งกว่าพวกอียิปต์เสียอีก
พระองค์กลัวว่า เมื่อเกิดสงครามขึ้นอิสราเอล ซึ่งไม่ใช่เชื้อสายของอียิปต์แต่อยู่ในอียิปต์
อาจจะทรยศอียิปต์ได้ และกลัวว่าอิสราเอลจะออกไปจากแผ่นดินอียิปต์
ซึ่งจะทำให้ความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจของอียิปต์ รับความเสียหายร้ายแรงได้
ดังนั้นคนอียิปต์ บีบบังคับคนอิสราเอลให้เป็นทาส และให้ทำงานหนัก
แต่ยิ่งถูกบีบบังคับ ชนชาติอิสราเอลก็ยิ่งทวีมากขึ้น
(อาจเพราะว่า ทำงานหนักทั้งวัน กลับมาบ้านเครียด จึงคลายเครียดมาหลับนอนกับภรรยา จนมีลูกมากมาย)
ชาวอียิปต์จึงทั้งเกลียด ทั้งกลัว ชนชาติอิสราเอล
จึงบังคับคนอิสราเอลให้ทำงานอย่างหนัก
คนอิสราเอลจึงขมขื่นมาก
กษัตริย์อียิปต์ยังสั่ง ชิฟราห์ และ ปูอาห์ หมอตำแยชาวฮีบรู
เวาทำคลอดให้ฆ่าทารกเพศชายเสีย และไว้ชีวิตทารกเพศหญิง
แต่นางทั้งสองยำเกรงพระเจ้า
จึงไม่ได้ทำตามคำสั่งของกษัตริย์อียิปต์
กษัตริย์อียิปต์จึงถามว่า ทำไมพวกเจ้าจึงทำอย่างนี้?
พวกนาง ตอบว่า หญิงฮีบรูแข็งแรงกว่าหญิงอียิปต์
ยังไม่ทันทำคลอด ก็คลอดแล้ว
พระเจ้าจึงทรงอวยพรนางทั้งสอง โปรดให้พวกนางมีครอบครัว
ฟาโรห์จึงมีคำสั่งใหม่ ให้ราษฎรทุกคน
ถ้าใครเห็นคนฮีบรูคนไหน คลอดลูกเป็นลูกชาย
ก็ให้เอาทารกนั้นไปทิ้งเสียในแม่น้ำไนล์ได้เลย
– เชื้อสายอิสราเอลรุ่นลูกหลาน ของยาโคบ คงคิดว่า อยู่อียิปต์ ปลอดภัย สบายใจ มีความสุขที่สุดแล้ว
เพราะคุณงามความดีและบารมีของโยเซฟ คงทำให้พวกเขาอยู่อย่างสบายตลอดไป
แต่เมื่อถึงเวลาของพระเจ้า การเปลี่ยนแปลงที่มนุษย์คิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น
เพื่อให้แผนการแห่งพระสัญญาของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริง
เราไม่อาจไว้ใจในความมั่งคั่ง ความมั่นคงที่เรามีในปัจจุบันได้เลย
เพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
แต่เราไว้ใจในพระสัญญาของพระเจ้าได้ว่า
ไม่ว่า วันเวลาหรือสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไป
พระสัญญาของพระเจ้า ยังคงอยู่และจะสำเร็จเป็นจริงเสมอ
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆอะไรในชีวิตของเรา หรือในสังคมที่เราอยู่
เราควรรู้ตัวว่า นั่น พระเจ้ากำลังจะทำอะไรบางอย่าง
เพื่อแผนการแห่งสัญญาของพระเจ้าจะเกิดขึ้น และสำเร็จเป็นจริง
– ใน อพย. 1:10 น่าสังเกตว่าที่กษัตริย์อียิปต์และคนอียิปต์กลัว
นอกจากจะกลัวคนอิสราเอลทรยศ ยามศึกสงครามแล้ว
ยังกลัว คนอิสราเอลออกไปจากแผ่นดินอีกด้วย
อาจจะเป็นเพราะคนอิสราเอลมีจำนวนมาก หลายล้านคน
ซึ่งเกี่ยวพันกับระบบเศรษฐกิจ,การก่อสร้าง และอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อโมเสส มาขอฟาโรห์ให้นำอิสราเอลออกจากอียิปต์ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อาจเรียกได้ว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ ที่ฟาโรห์จะอนุญาต
– ชิฟราห์ และ ปูอาห์ หมอตำแยชาวฮีบรู ยำเกรงพระเจ้า มากกว่า เกรงกลัวฟาโรห์
พระเจ้าจึงทรงปกป้องพวกเธอให้ปลอดภัย และยังทรงอวยพระพรให้พวกเธอได้มีครอบครัวอีกด้วย
เมื่อเราเกรงกลัวพระเจ้าจริงๆ ในโลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว
– คำสั่งของฟาโรห์คือให้คนทั้งอียิปต์ ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ช่วยกันจับทารกชายของพวกฮีบรู โยนลงแม่น้ำไนล์กันเถิด
คนอียิปต์ ร่วมกันทำสิ่งโหดร้าย ต่อบุตรชายชาวฮีบรู
ซึ่งต่อมา พวกอียิปต์เอง จึงต้องสูญเสียบุตรหัวปีกันทุกครัวเรือน
เมื่อทำผิด ดูเหมือน พระเจ้าจะทรงมีเวลาของพระองค์ ให้โอกาสเขาได้กลับใจ
หากเขายังคงไม่กลับใจ เมื่อเวลาแห่งการพิพากษามาถึง เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอาจหลีกได้พ้น
การกลับใจของเรา วันนี้ยังทัน จงกลับใจก่อนจะสายเกินไป
คำคม
“ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง แสดงว่าพระเจ้ากำลังเริ่มขั้นตอนต่อไปของแผนการของพระองค์แล้ว ”