ภาพรวม
- โมเสสได้ถูกธิดาฟาโรห์รับเป็นลูก เมื่อเติบใหญ่คิดจะช่วยคนอิสราเอลจนฆ่าคนอียิปต์คนหนึ่งตาย จึงต้องหลบหนีไปอยู่ที่มีเดียนและมีครอบครัวที่นั่น
- สามารถรับชมรายละเอียดคำอธิบายเพิ่มเติม ของ อพยพบทที่ 2 ที่นี่ครับ >>
https://www.youtube.com/watch?v=aXBIsF1LgiM&t=1293s
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อพยพ บทที่ 2:1 ในช่วงเวลที่อิสราเอลตกเป็นทาสในอียิปต์ กษัตริย์แห่งอียิปต์สั่งให้ นำทารกชายชาวฮีบรูทุกคนไปโยนทิ้งในแม่น้ำไนล์
สามีภรรยาเผ่าเลวีคู่หนึ่ง ได้คลอดบุตรชาย แต๋ก็ซ่อนไว้ ไม่เอาไปโยนทิ้งแม่น้ำไนล์
จนกระทั่ง 3 เดือน ผ่านไป ชาวบ้านเริ่มผิดสังเกต จึงซ่อนต่อไปไม่ได้แล้ว
ผู้เป็นแม่จึงจำเป็นต้องนำลูกชายไปทิ้งแม่น้ำไนล์จริงๆ
แต่แทนที่จะโยนลงไปเลย
นางกลับเอาตะกร้ามา ยาด้วยยางมะตอยและชัน เพื่อให้กันน้ำ
แล้ววางทารกนั้นลงในตะกร้า
แล้วนำไปไว้ที่พงหญ้าริมแม่น้ำไนล์
แล้วให้พี่สาวของเด็กนั้นยืนอยู่ห่างๆ
ปรากฏว่า ธิดาของฟาโรห์ มาพบเข้าก็ทรงสงสาร
พี่สาวเด็กนั้นจึงมาทูลถามว่า “จะให้ไปหาแม่นมมาเลี้ยงทารกนี้ให้ไหม?”
ธิดาของฟาโรห์ก็เห็นชอบ
พี่สาวเด็กนั้นจึงไปตามแม่มา แล้วธิดาของฟาโรห์จึงจ้างนาง ให้รับทารกนั้นไปเลี้ยง
เมื่อทารกเติบโตขึ้น นางก็พามาถวายธิดาของฟาโรห์
พระนางให้ชื่อเด็กว่า โมเสส (ฉุดขึ้นมา)
เมื่อโมเสสโตขึ้น ขณะกำลังไปหาพวกพี่น้องขาวฮีบรู
ก็คนอียิปต์คนหนึ่งกำลังตีคนฮีบรู
โมเสสจึงฆ่าคนอียิปต์นั้น แล้วซ่อนศพไว้ในทรายเสีย
ในวันรุ่งขึ้น โมเสสเห็นคนฮีบรูสองคนต่อสู้กันอยู่ เข้าไปห้าม
เขาจึงพูดว่า “ใครตั้งเจ้าให้เป็นเจ้านายและเป็นตุลาการปกครองเรา? เจ้าตั้งใจจะฆ่าตัวข้าเหมือนที่ได้ฆ่าคนอียิปต์คนนั้นหรือ?”
โมเสสก็กลัว เพราะรู้ว่า เรื่องเขาฆ่าคนอียิปต์เพื่อช่วยคนฮีบรู คงรู้กันทั่วแล้ว
ต่อมาเมื่อฟาโรห์ทรงทราบเรื่องก็หาช่องทางฆ่าโมเสสเสีย
แต่โมเสสหนีรอดไปได้
จึงหนีไปยังในแผ่นดินมีเดียน
ที่นั่นเขาได้พบกับ ศิโปราห์ บุตรสาวของเรอูเอล(หรือ เยโธร) ปุโรหิตของคนมีเดียน
และเขาได้ช่วยนางไว้
และต่อมาโมเสสก็ได้แต่งงานกับนาง
แล้วได้บุตรชาย ชื่อ เกอร์โชม (คนต่างด้าวที่นั่น)
หลายปีต่อมา กษัตริย์อียิปต์ก็สิ้นพระชนม์
คนอิสราเอลทุกข์ระทมเพราะการเป็นทาส
จึงร้องคร่ำครวญ ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
พระเจ้าทรงระลึกถึงพันธสัญญาที่พระองค์ได้ทรงทำไว้กับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ
พระเจ้าทอดพระเนตรพวกเขา ทรงทราบถึงสภาพความเป็นไปของพวกเขา
1. ดูเหมือนแม่ของโมเสสทำอย่างมีปัญญา แต่แผนของเธอไม่มีทางเกิดผลดีได้เลย ถ้าพระเจ้าไม่ได้ทรงทำให้ธิดาฟาโรห์มาพบพอดี
พระเจ้าทรงประทานสติปัญญาแก่เราแล้ว เวลาแก้ไขปัญหาจึงสมควรทำโดยใช้ปัญญา
แต่ขณะเดียวกันก็รู้ตัวว่า ถ้าปราศจากการช่วยเหลือของพระเจ้า แผนการนั้นไม่อาจเกิดผลสำเร็จอย่างดีเลิศได้อย่างแน่นอน
สภษ. 16:1 แผนงานความคิดเป็นของมนุษย์ แต่คำตอบของลิ้นมาจากพระยาห์เวห์
2. ใน ฮบ. 11:23 อธิบายเพิ่มเติมว่า การที่บิดามารดาจึงซ่อนโมเสสไว้ถึง 3 เดือน เพราะพวกเขามีความเชื่อ จึงไม่ได้กลัวคำสั่งของกษัตริย์
พวกเขาคงเชื่อว่า “เด็กคนนี้จะรอดชีวิตได้” จึงซ่อนไว้ และเมื่อซ่อนต่อไม่ได้แล้ว
พวกเขาก็เริ่มทำขั้นต่อไปของความเชื่อว่า “เด็กนี้จะรอดชีวิตได้”
โดยการนำเด็กนี้ไปใส่ในตะกร้า วางไว้ริมน้ำ แล้วให้ลูกสาวดูว่า พระเจ้าจะนำให้เกิดอะไรขึ้นต่อไป
เมื่อเรามีความเชื่อ ให้เราทำตามสิ่งที่เราเชื่อนั้น จนสุดทาง
แล้วจากนั้นก็ก้าวต่อไปตามความเชื่อนั้น ในทางเท่าที่มีอยู่ ณ เวลานั้นๆ
3. เมื่อพระเจ้าทรงจัดฉากให้โมเสส นอกจากแม่ไม่ต้องฆ่าลูกแล้ว ยังได้เงินจากธิดาฟาโรห์ เป็นค่าเลี้ยงดูลูกของตนเองอีกด้วย
เมื่อพระเจ้าเปิดประตู เราจะพบทางออกที่ดีเลิศเกินกว่าที่เราจะคาดคิดได้
จงพึ่งพาพระเจ้า แล้วรอคอยการช่วยกู้ซึ่งเกินคาดคิดที่มาจากพระองค์
4. โมเสสเมื่อายุ 40 ปี เก่งกล้าสามารถในทุกด้าน เขาคิดว่าเขาจะสามารถช่วยกู้คนอิสราเอลจากการข่มเหงของอียิปต์ด้วยกำลังความสามารถของเขาเอง
แต่เขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถ นำคนอิสราเอลได้แม้แต่คนเดียว
แต่ต้องหนีตาย ไปอยู่ในมีเดียน
โมเสสเก่งในสายตาของตนเอง มากเกินไป จนเขาไม่พร้อมที่จะให้พระเจ้าใช้เขา
อีก 40 ปี ต่อมา เมื่อเขาอายุ 80ปี และลืมทั้งหมดที่เคยร่ำเรียนมา
เมื่อนั้นพระเจ้าเห็นว่า โมเสสพร้อมแล้ว ที่จะให้พระเจ้าได้
ความถ่อมใจ สำคัญยิ่งกว่า ความสามารถ
5. เมื่อคนอิสราเอลร้องทุกข์ต่อพระเจ้า พระองค์ทรงสดับฟังเขา พระองค์ทรงทราบดีว่าพวกเขากำลังเจออะไร พวกเขากำลังรู้สึกอย่างไร และพระองค์ส่งผู้ช่วยมาช่วยพวกเขา
วันนี้ เมื่อเราร้องทุกข์ต่อพระเจ้าอย่างจริงใจ พระองค์ทรงเข้าใจเรา แม้คนอื่นจะไม่เข้าใจ
และพระองค์จะเสด็จมาช่วยเราเป็นแน่
คำคม
“ คนที่คิดว่าตนเองเก่ง เขายังไม่พร้อมที่จะให้พระเจ้าใช้ ”