ภาพรวม
- โมเสสและอาโรนเข้าเฝ้าฟาโรห์เพื่อจะขอให้ฟาโรห์หล่อยคนอิสราเอลไปนมัสการพระเจ้าในถิ่นทุรกันดาร สักชั่วระยะหนึ่ง แต่ฟาโรห์ไม่ยอม และหาว่าคนอิสราเอลขี้เกียจ หาเรื่องอู้งาน จึงให้พวกเขาทำงานหนักยิ่งขึ้นไปอีก
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อพยพ บทที่ 5 เมื่อโมเสสและอาโรนกลับมาที่อียิปต์แล้ว
พวกเขาก็ไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ ทูลว่า
พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล สั่งให้ปล่อยประชากรของพระองค์ไป
เพื่อฉลองเทศกาลเลี้ยงในถิ่นทุรกันดาร
ฟาโรห์ตรัสว่า ไม่รู้จักพระยาห์เวห์ และจะไม่ปล่อยคนอิสราเอลไปเด็ดขาด
เขาทั้งสองจึงทูลว่า ขอไปในถิ่นทุรกันดารเป็นระยะทางแค่ 3 วัน
เพราะถ้าไม่ไป พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกอิสราเอล
ฟาโรห์ก็ยังคงไม่ยอม แต่กลับให้นายทาสและนายงานของคนอิสราเอล
ไม่ต้องให้ฟางเพื่อทำอิฐแก่คนอิสราเอล ให้คนอิสราเอลไปหาเอง
แต่จำนวนอิฐต้องทำให้ได้เท่าเดิม
ต่อมาเมื่อทำอิฐได้ไม่ครบตามจำนวน นายงานของคนอิสราเอล
เขาจึงมาร้องทูลฟาโรห์ ว่าพวกเขาไม่ได้รับฟางในการทำอิฐ
ฟาโรห์จึงตอบเขาว่า พวกเจ้าขี้เกียจ จึงมาร้อง ขอถวายสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์
ดังนั้นจึงไม่ให้ฟาง แต่จำนวนอิฐต้องได้เท่าเดิม
นายงานคนอิสราเอล ก็เห็นว่าพวกตนตกที่นั่งลำบากแล้ว
เมื่อออกมาจากเข้าเฝ้าฟาโรห์
พวกเขาพบโมเสสกับอาโรนยืนคอยอยู่
จึงตำหนิว่า เขาทั้งสองมาทำให้คนอิสราเอลเป็นที่เกลียดชังในสายตาของฟาโรห์ และข้าราชการของพระองค์ เหมือนหนึ่งเอาดาบใส่มือพวกเขาให้ฆ่าคนอิสราเอลเสีย
โมเสสจึงกลับไปทูลพระเจ้าว่า
ทำไมพระองค์ทรงนำความเลวร้ายมาสู่คนอิสราเอลเช่นนี้?
ทำไมพระองค์จึงทรงใช้เขามา?
เขายิ่งทูลฟาโรห์ ฟาโรห์ก็ยิ่งทำการเลวร้ายแก่คนอิสราเอล
และโมเสสก็ไม่ได้ทรงช่วยอะไรคนอิสราเอลเลย
1. ตอนเริ่มต้น โมเสสและอาโรน ขอพาคนอิสราเอลไปนมัสการพระเจ้า เพียงไม่กี่วัน โดยให้เหตุผลว่าไม่งั้นพระเจ้าจะลงโทษพวกอิสราเอล
ฟังดูก็เป็นประโยคที่ อ่อนน้อมถ่อมตนและสมเหตุสมผลดี
แต่ไม่ตรงกับที่พระเจ้าบอกให้โมเสสพูด ใน อพยพ 4:23 ที่พระเจ้าสั่งให้บอกว่า “จงปล่อยบุตรของเราให้ไปนมัสการเรา ถ้าเจ้าไม่ยอม เราจะประหารบุตรหัวปีของเจ้าเสีย ”
ซึ่งดูดุดันไปหน่อย โมเสสและอาโรนจึงเลือกไม่ใช้ประโยคนี้
แต่ดูเหมือนว่า ประโยคที่โมเสสและอาโรนอุตส่าห์เรียบเรียงขึ้นมา จะไม่ได้ผล
หน่ำซ้ำ ทำให้เกิดปัญหาตามมาต่อทั้งพวกเขาและต่อคนอิสราเอลอีกด้วย
วิธีการของพระเจ้า อาจจะดูขัดแย้งกับหลักการและเหตุผลของเรา
แต่ถ้าเราเชื่อฟังและเชื่อใจพระคำของพระเจ้า ก็เกิดผลดีเป็นแน่
หากเราไม่เชื่อใจ แล้วหันมาทำตามวิธีการแห่งสติปัญญาของเรา
มักสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหานั้นๆ
2. เมื่อผลของการเจรจากับฟาโรห์ ออกมาได้เป็นดังที่คาดไว้
โมเสสเริ่มหวั่นไหว เริ่มท้อใจ
เริ่มมีคำถามมากมายต่อพระเจ้า
เพราะเขาหารู้ไม่ทั้งหมดยังอยู่ในแผนการของพระเจ้า
หากเรารู้ตัวว่า ทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับเรา อยู่ในแผนการอันดีเลิศของพระเจ้า
เราก็จะไม่ตีโพยตีพายมากมาย เมื่อมีเหตุการร์ที่ไม่ได้คาดฝันเกิดขึ้นกับเรา
วันนี้ เราเชื่อหรือไม่ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรานั้น พระเจ้าทรงควบคุมอยู่?
คำคม
“ แม้ไม่เป็นไปตามแผนของเรา แต่ก็ยังอยู่ในแผนการของพระเจ้า ”