ภาพรวม
- โมเสสและอาโรน มาบอกให้ฟาโรห์ปล่อยคนอิสราเอลไป และเขาทั้งสองได้ทำการอัศจรรย์ต่อหน้าฟาโรห์และพวกข้าราขการ ทำให้ไม้เท้ากลายเป็นงู ทำให้แม่น้ำไนล์กลายเป็นเลือด ถึงกระนั้นฟาโรห์ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไปอยู่ดี
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อพยพ บทที่ 7 พระเจ้าสั่งให้โมเสสไปแจ้งแก่ฟาโรห์อีกครั้ง ให้เขาปล่อยคนอิสราเอลไป
แล้วพระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า พระองค์จะตั้งโมเสส ให้เป็นดังพระเจ้าต่อฟาโรห์ และให้อาโรน เป็นดังผู้เผยพระวจนะของโมเสส
โดยพระเจ้าให้โมเสสบอกข้อความให้อาโรนฟัง
แล้วให้อาโรนเป็นคนบอกแก่ฟาโรห์
พระเจ้าบอกกับโมเสสว่า
พระองค์จะทำให้ใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง
เพื่อพระองค์จะทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ให้ทวีมากขึ้น ในแผ่นดินอียิปต์
ฟาโรห์จะไม่ฟังโมเสสและอาโรน
แล้วพระเจ้าเองจะจัดการกับอียิปต์
และจะพาประชากรของพระองค์ออกจากอียิปต์
ด้วยการพิพากษาอันใหญ่หลวง
โมเสสและอาโรนก็ทำตามที่พระเจ้าสั่ง
เวลานั้นโมเสสมีอายุ 80 ปี และอาโรน 83 ปี
พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า
ต่อหน้าฟาโรห์ ให้โมเสสสั่งอาโรน โยนไม้เท้าของอาโรนลงพื้น แล้วไม้เท้าจะกลายเป็นงู
โมเสสและอาโรนก็ทำตาม และเป็นจริงตามนั้น
ปรากฏว่าพวกนักวิทยาคมของอียิปต์ จึงทำได้เหมือนกัน
แต่ไม้เท้าของอาโรนกลืนไม้เท้าของพวกเขาเสียสิ้น
ฟาโรห์ก็ยังใจแข็งกระด้างไม่ยอมฟังเขาทั้งสอง
พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
ให้โมเสสไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ในเวลาเช้า โดยให้ยืนคอยเขาอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ
แล้วบอกกับฟาโรห์ ว่า เพราะฟาโรห์ไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า
ไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไปนมัสการพระองค์
ดังนั้นพระเจ้าจะทำให้แม่น้ำไนล์กลายเป็นเลือด
แล้วให้โมเสสเอาไม้เท้าของอาโรนฟาดลงไปที่แม่น้ำไนล์
แล้วให้โมเสส บอกอาโรนว่า ให้ถือไม้เท้านั้น และเหยียดมือออกเหนือน้ำแห่งอียิปต์
โมเสสกับอาโรนก็ทำตามที่พระเจ้าสั่ง
แล้วน้ำในแม่น้ำไนล์ก็กลายเป็นเลือด ต่อหน้าต่อตาฟาโรห์และพวกข้าราชการ
ปลาในแม่น้ำไนล์ก็ตาย แม่น้ำไนล์ก็เหม็น
และคนอียิปต์ก็ดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์นั้นไม่ได้
มีเลือดทั่วแผ่นดินอียิปต์
แต่พวกใช้เวทมนตร์คาถาก็ทำได้เหมือนกัน
แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
พระทัยของฟาโรห์ยังกระด้าง ไม่ฟังโมเสสและอาโรน อยู่ดี
ฟาโรห์เสด็จกลับวัง ไม่ได้เอาใจใส่ในเหตุการณ์ครั้งนี้
ซึ่งก็เป็นจริงดังที่พระยาห์เวห์ตรัสไว้
คนอียิปต์ทั้งหมด ก็หาทางแก้ปัญหาโดยการขุดหลุมตามริมแม่น้ำไนล์หาน้ำดื่ม
เพราะพวกเขาดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์ไม่ได้
1. พระเจ้าทรงตั้งโมเสส ให้เป็นดังพระเจ้าต่อฟาโรห์ คือ โมเสสจะทำการอัศจรรย์ในฐานะตัวแทนของพระเจ้า
ช่างเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ ที่มนุษย์คนหนึ่งได้เป็นตัวแทนของพระเจ้าทำกิจการของพระองค์
วันนี้ เราก็ได้รับเกียรติเดียวกับโมเสสนี้
พระเจ้าทรงใช้เราเป็นตัวแทนของพระเจ้า สำแดงความรักของพระองค์ ฤทธานุภาพของพระองค์ ผ่านข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ทรงมอบให้แก่เราประกาศนั้น
เพราะโดยข่าวประเสริฐนี้ ความรักและฤทธานุภาพของพระเจ้าได้สำแดงออก มาเป็นการช่วยกู้และเปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ สำหรับทุกคนที่เชื่อวางใจในข่าวประเสริฐนั้น
จงทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้ โดยถือเป็นชีวิตจิตใจ
2. หากสังเกตดูดีๆ เราจะเห็นว่า คนที่พูดกับฟาโรห์และคนที่เป็นเจ้าของไม้เท้าที่ทำการอัศจรรย์ได้นั้น คือ อาโรน
แต่พระเจ้า ทรงให้โมเสสเป้นคนบอกให้อาโรนทำ
เมื่อพระเจ้าเลือกใคร ให้มีสิทธิอำนาจ คนนั้นแหละเป็นคนที่มีสิทธิอำนาจที่แท้จริง
จริงอยู่ อาโรนอาจพูดเก่งกว่าโมเสส และไม้เท้าของเขาก็ดูเหมือนมีฤทธิ์มากกว่าในบทนี้
แต่ถ้าโมเสสไม่สั่ง ต่อให้อาโรนจะทำทั้งหมดนี้กล่าวในบทนี้ การอัศจรรย์ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
ไม่สำคัญว่า เราเก่งกาจ มากกว่าผู้นำของเราสักเพียงใด
ถ้าพระเจ้าทรงเจิมตั้งเขาเป้นผู้นำฝ่ายวิญญาณ
เราก็สมควรที่จะเชื่อฟังและสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่
ตราบเท่าที่เขากำลังทำตามน้พระทัยของพระเจ้า
3. โมเสสและอาโรน ตอนนั้น สองคนอายุรวมกันก็ 163 ปี แล้ว
สองผู้เฒ่า ผู้ที่พระเจ้าทรงใช้ ก็มีกำลังมากยิ่งกว่าเหล่ากองทัพอันเกรียงไกรของฟาโรห์เสียอีก
คนที่คิดไปเองว่า ตนอายุมากไป หรือน้อยไป พระเจ้าคงใช้ไม่ได้
กำลังคิดผิด และกำลังดูแคลนพระเจ้า
พระเจ้าทรงฤทธิ์สามารถใช้ คนเฒ่าอายุ 80 ปี ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เพื่อพระเจ้าอย่างไร
พระเจ้าก็ทรงสามารถใช้เราได้เช่นกัน
เพียงแต่เราจะยอมให้พระเจ้าใช้ โดยการเริ่มต้นเชื่อฟัง คำสั่งในพระคำของพระเจ้า
เท่าที่เรารู้วันนี้ แล้วลงมือทำเท่าที่เราจะทำได้
4. พระเจ้าบอกโมเสสว่า พระองค์จะทำให้ใจฟาโรห์แข็งกระด้าง
เพื่อพระองค์จะทำหมายสำคัญให้มากยิ่งขึ้น ในแผ่นดินอียิปต์
ถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่า ในภัยพิบัติ 5 อย่างแรกนั้น
พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า พระเจ้าทำให้ใจฟาโรห์แข็งกระด้าง
ซึ่งหมายความว่า ฟาโรห์ใจแข็งกระด้างเอง
และในเมื่อเขาไม่ยอมกลับใจเสียที
ตั้งแต่ภับพิบัติที่ 6 เป็นต้นไป พระคัมภีร์ใช้คำว่า
“พระเจ้าทรงให้พระทัยของฟาโรห์แข็งกระด้าง” (อพย. 9:12)
นั่นคือ พระเจ้าให้โอกาส มนุษย์ที่จะกลับใจ
แต่ในเมื่อยังไงๆก็จะไม่กลับใจ
บางครั้งพระเจ้าทรงให้เขาเดินไปในทางนั้นให้สุดๆไปเลย
เพื่อให้แผนการของพระเจ้าสำเร็จ
วันนี้ เรายังมีโอกาสกลับใจ
แต่หากเรายังไม่ยอมกลับใจ
เมื่อหมดโอกาสกลับใจแล้ว
วันนั้นจะเป็นวันที่เราจะเสียใจอย่างที่สุด
5. นักวิทยาคมของอียิปต์ ใน 2ทธ. 3:8 ได้กล่าวถึงชื่อของเขาว่า ชื่อ “ยันเนสกับยัมเบรส์”
พวกเขาต่อต้านโมเสส เพื่อไม่ให้ฟาโรห์และพวกข้าราชการ เชื่อโมเสส
ถึงแม้ว่าพวกคนเหล่านั้นจะได้เห็นการอัศจรรย์ของพระเจ้าแล้วก็ตาม
วันนี้ มีคนแห่งโลกนี้ และ เหตุผลจอมปลอมแห่งโลกนี้มากมาย
พยายามบิดเบือนความจริง
พยายามทำให้ผู้เชื่อหลงไปจากความจริง
ทั้งที่ผู้เชื่อเหล่านั้น เคยพบการอัศจรรย์
เมื่อพวกเขา เชื่อฟังทำตามพระคำของพระเจ้ามาแล้วก็ตาม
แต่บัดนี้ นักวิทยาคมแห่งยุคนี้ ทำให้พวกเขาลืมหรือไม่สนใจ
ที่จะเชื่อและทำตามพระคำของพระเจ้าอีกต่อไป
อย่าให้เราติดกับดักให้โลกนี้
ที่พยายามหลอกลวงเรา ชักนำออกจากความจริงในพระคำของพระเจ้า
ที่พยายามดึงเราออกจากการเชื่อฟัง ทำตามพระคำ และใช้พระคำในการตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิต
ให้เราคงยังยึดมั่นในความจริงต่อไป เชื่อและทำตามพระคำของพระองค์ตลอดไป
6. ภัยพิบัติอย่างแรกได้เกิดขึ้น แต่ฟาโรห์และชาวอียิปต์ ก็ไม่ได้สนใจเสียงเตือนจากพระเจ้า
เพราะพวกเขายังหาทางออกอื่นได้ เช่นขุดหลุมตามริมน้ำเพื่อหาน้ำ
น่าเสียดาย หากพวกเขารับรู้และเกรงกลัวสัญญาณจากพระเจ้าตั้งแต่ภัยพิบัติแรกนี้
หายนะอีก 9 อย่าง คงไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในอียิปต์
และบุตรหัวปีของเขาทุกคน คงจะไม่ต้องตาย
วันนี้ เมื่อพระเจ้าเตือนเราให้กลับใจใหม่ ด้วยสัญญาณบางอย่าง
อย่าให้เราใจแข็งกระด้าง ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ
แทนที่จะกลับใจ ร้องไห้เสียใจ เข้ามาหาพระเจ้า
แต่กลับหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ด้วยกำลังและสติปัญญาของตน
โดยไม่สนใจใยดีต่อสัญญาณเตือนจากพระเจ้านั้นเลย
ขออย่าให้เราเป็นเช่นนั้นเลย
จงรับรู้สัญญาณเตือนจากพระเจ้า
แล้วรีบกลับใจโดยไว
คำคม
“ ใจที่แข็งกระด้าง กำลังดึงไม้เรียวมาหาตน ”