ภาพรวม
- พระเจ้าทรงให้ฝูงตั๊กแตนมาทำลายพืชทั้งหมดในอียิปต์ และให้เกิดความมืดอย่างยิ่ง ถึงกระนั้นฟาโรห์ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไป
- สามารถรับชมรายละเอียดคำอธิบายเพิ่มเติม ของ อพยพบทที่ 10 ที่นี่ครับ >>
https://www.youtube.com/watch?v=Bdq91iF3Wsw&t=1286s
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อพยพ บทที่ 10 หลังจากภัยพิบัติ 7 อย่าง ผ่านพ้นไป ฟาโรห์ก็ยังไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไป
พระเจ้าจึงให้โมเสสและอาโรน ไปบอกฟาโรห์ ว่า
ถ้ายังจะขัดขืนไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้า โดยไม่ยอมปล่อยประชากรของพระเจ้าไปนานสักเท่าไร?
พรุ่งนี้พระเจ้าจะให้ตั๊กแตนปาทังก้าเข้ามาในอียิปต์ มากมายจนมองไม่เห็นพื้นดิน
พวกข้าราชการกราบทูลฟาโรห์ว่า
ขอทรงปล่อยคนอิสราเอลเถิด ไม่งั้นอียิปต์จะพินาศหมดแน่
ฟาโรห์จึงเรียกโมเสสและอาโรนมาเข้าเฝ้าอีก
ฟาโรห์เริ่มใจอ่อน จึงถามว่า
ถ้าจะไป จะมีใครไปบ้าง?
โมเสสตอบว่า
ทั้งคนหนุ่ม ทั้งผู้อาวุโส ทั้งเด็กๆ และฝูงแพะแกะ ฝูงโค
ได้ยินดังนั้น ฟาโรห์จึงไม่ยอมให้ไป
แล้วไล่โมเสสและอาโรนออกจากวังไป
พระเจ้าจึงสั่งโมเสส ให้เหยียดมือออกเหนือแผ่นดินอียิปต์
เมื่อโมเสสทำตาม
ก็มีลมตะวันออกพัดมา ตลอดวันและตลอดคืน หอบฝูงตั๊กแตนมามากมายมหาศาล
ปกคลุมทั่วพื้นแผ่นดินจนมืดไปหมด
พวกมันกินพืชผัก ผลไม้ และต้นไม้ ทุกอย่างในแผ่นดิน
ฟาโรห์ทรงรีบให้คนไปตามตัวโมเสสและอาโรนเข้าเฝ้าทันที
แล้วกล่าวขอโทษ ต่อพระเจ้าและต่อโมเสสกับอาโรน
แล้วขอให้โมเสสช่วยวิงวอนพระเจ้า ให้ฝูงตั๊กแตนไปเสีย
โมเสสก็วิงวอนต่อพระเจ้า
แล้วกระแสลมก็เปลี่ยนทิศ พัดฝูงตั๊กแตนไปตกในทะเลแดงจนไม่เหลือเลยสักตัวเดียว ทั่วเขตแดนอียิปต์
แต่ฟาโรห์ก็เปลี่ยนใจไม่ยอมปล่อยคนอิสราเอลไปอีก
พระเจ้าจึงสั่งโมเสส ให้ชูมือขึ้นสู่ท้องฟ้า เพื่อให้มีความมืดทั่วแผ่นดินอียิปต์ เป็นความมืดจนสัมผัสได้
โมเสสก็ทำตาม
แล้วความมืดทึบ ก็เกิดขึ้นทั่วแผ่นดินอียิปต์ 3 วัน
พวกเขามองกันไม่เห็น ไม่มีใครลุกไปจากที่อยู่ของตน 3 วัน
แต่มีแสงสว่างอยู่ในที่อาศัยของคนอิสราเอลทั้งหมด
ฟาโรห์จึงบอกโมเสส ว่า
ให้ไปนมัสการพระเจ้าได้ รวมทั้งเด็กๆด้วย แต่ฝูงแกะและฝูงโคไม่ต้องเอาไป
แต่โมเสสตอบว่า
ต้องไปทั้งหมด ขาดไม่ได้สักตัวเดียว
ดังนั้นฟาโรห์จึงไม่ยอม ไม่อนุญาตให้คนอิสราเอลออกไป
ฟาโรห์สั่งโมเสส ว่า
ให้ไปให้พ้น อย่ามาให้เราเห็นหน้าอีกเลย ไม่งั้นโมเสสจะต้องตายแน่
โมเสสจึงตอบว่า
ใช่แล้ว เขาจะไม่มาให้ฟาโรห์เห็นหน้าอีกเลย
1. จากบุคลิกลักษณะของฟาโรห์องค์นี้ ทำให้เรารู้จักลักษณะของคนที่ใจแข็งกระด้าง ว่า เป็นดังนี้
– ไม่สนใจคำแนะนำของผู้อื่น(พวกข้าราชการ)
– เย่อหยิ่งยโส ต่อมนุษย์ หรือแม้แต่ต่อพระเจ้า (ขัดขืนไม่ยอมอ่อนน้อมต่อพระเจ้า)
– ไม่สนใจหลักการ จะทำตามใจตนเองซะอย่าง ใครจะทำไม? (กษัตริย์ควรรักษาคำพูด แต่ฟาโรห์กลับไม่มีสัจจะ)
– ได้เห็น ได้รับรู้ คำเตือนแล้ว ก็ยังไม่ยอมกลับใจจากทางที่ผิด
วันนี้ เราควรสำรวจตนเองดูว่า มีลักษณะของความแข็งกระด้างในจิตใจทำนองนี้ อญุ่ในจิตใจของเราบ้างหรือไม่?
2. มืดจนสัมผัสได้ ในข้อ 21 หมายถึง มืดจนรู้สึกได้ นั่นคือ มืดสนิทจริงๆ จนมองอะไรไม่เห็นเลย ต้องนั่งๆ นอนๆ อยู่กับที่ เป็นเวลา 3 วัน ชาวอียิปต์จึงต้องรู้สึกสลดหดหู่ในเวลาเช่นนี้
3. ในการเจรจาต่อรองของฟาโรห์ต่อโมเสส เจรจามาถึงขั้น ยอมให้คนอิสราเอลไปได้ทั้งหมด รวมทั้งเด็กๆด้วย ขอเพียงแค่อย่าเอาฝูงสัตว์ไปด้วย
ซึ่งโมเสส ก็ไม่ยอม
ดังนั้น ฟาโรห์ จึงไม่ยอมเหมือนกัน
น่าเสียดายที่ ฟาโรห์เสียดายฝูงสัตว์ จนกระทั่งนำความตายมาสู่บุตรชายมากมายของชาวอียิปต์ รวมทั้งบุตรของตนด้วย
ว่าไปแล้ว ไม่คุ้มเลย ที่เอาชีวิตลูกชายของตนไปแลกกับฝูงสัตว์เหล่านั้น
การไม่ยอมจำนนต่อพระเจ้า หรือ การหวงบางสิ่งไว้จากพระเจ้า
จะนำปัญหาใหญ้โตมากยิ่งกว่าที่คิดมาสู่ชีวิต
4. ในบทนี้ โมเสสต้องเผชิญหน้ากับการทดลองหลายครั้ง
เมื่อฟาโรห์ยื่นข้อเสนอให้คนอิสราเอลไปได้ แต่ต้องละบางคนหรือบางอย่างไว้
เพียงแค่ โมเสสยอมอ่อนข้อบ้าง บางอย่าง เขาก็จะสามารถนำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์สำเร็จแล้ว
แต่โมเสสสอบผ่านการทดลองนี้ไปได้อย่างสง่างาม
เขาไม่ยอมอ่อนข้อต่อฟาโรห์ แม้แต่นิดเดียว
เขาทำตามคำสั่งของพระเจ้า 100%
ในทุกวันนี้ เราก็ต้องเผชิญการทดลองทำนองเดียวกับโมเสสอยู่เสมอ
เมื่อ การอ่อนข้อให้กับวิถีแห่งโลกนี้ หรือให้กับบาป นิดๆหน่อย ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้งดงาม
เราจะเลือกตัดสินใจอย่างไร?
ยอมอ่อนข้อ อลุ่มอล่วยบ้าง เล็กๆน้อยๆ
หรือ จะทำตามอย่างโมเสส ไม่ยอมอ่อนข้อหรือประนีประนอม สิ่งที่ขัดกับคำสั่งของพระเจ้าเลย แม้เพียงเล็กน้อย
คำคม
“ การไม่ยอมถ่อมใจลงต่อพระเจ้า เป็นการจงใจทำร้ายตนเอง ”