ภาพรวม
- พระเจ้าทรงนำคนอิสราเอลมาถึงภูเขาซีนาย แล้วทรงเรียกโมเสสและอาโรน ขึ้นไปเฝ้าพระองค์บนภูเขาต่อหน้าต่อตาประชาชน
สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ
https://audius.co/drker/exodus19-71657
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อพยพ บทที่ 19 เมื่ออิสราเอลออกจากแผ่นดินอียิปต์ ได้ผ่าน “ถิ่นทุรกันดารชูร์” (อพย.15:22) แล้วผ่าน “ถิ่นทุรกันดารสิน” (อพย.16:1) แล้วในเดือนที่ 3 ก็มาถึง “ถิ่นทุรกันดารซีนาย”
คนอิสราเอลตั้งค่ายอยู่ที่หน้าภูเขาซีนาย
แล้วโมเสสก็ขึ้นไปบนภูเขา เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้า
พระเจ้าสั่งให้โมเสส บอกคนอิสราเอล ว่า
พวกเขาได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าทำกับคนอียิปต์แล้ว
พระเจ้าได้ยกชูพวกเขาขึ้น ดุจดังด้วยปีกนกอินทรี
เพื่อนำพวกเขามาถึงพระเจ้า
ดังนั้น ถ้าพวกเขาฟังเสียงของพระเจ้าจริงๆ และรักษาพันธสัญญาของพระองค์ไว้
พวกเขาจะเป็นของล้ำค่าของพระองค์
พวกเขาจะเป็นอาณาจักรปุโรหิต และเป็นชนชาติบริสุทธิ์สำหรับพระองค์
โมเสสจึงประกาศข้อความนี้ต่อคนอิสราเอล
แล้วประชาชนทั้งสิ้น ก็ตอบพร้อมกันว่า พวกเขาจะทำตาม
โมเสสจึงนำถ้อยคำของประชาชน กลับไปกราบทูลพระเจ้า
พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า
พระองค์จะมาหาโมเสสในเมฆหนาทึบ
เพื่อให้ประชาชนได้ยินขณะที่พระเจ้าพูดกับโมเสส
ประชาชนจะได้เชื่อถือโมเสสเสมอ
พระเจ้าสั่งโมเสส ให้บอกกับประชาชน ว่า
ให้ชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ใน 2 วัน และซักเสื้อผ้าให้สะอาด
และเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
เพราะในวันที่ 3 พระเจ้าจะเสด็จลงมาบนภูเขาซีนาย ต่อหน้าประชาชนทั้งปวง
อย่าขึ้นไปบนภูเขาหรือถูกต้องเชิงเขานั้น
ใครถูกต้องภูเขาต้องมีโทษถึงตาย
ถ้าพบใครทำผิดในเรื่องนี้ ห้ามเอามือถูกต้องคนนั้น
แต่ให้เอาหินขว้างหรือยิงด้วยลูกศร
จะเป็นสัตว์ก็ดีหรือเป็นมนุษย์ก็ดี ห้ามไว้ชีวิต
ห้ามขึ้นภูเขาจนกว่าจะมีเสียงแตรเป่ายาว
โมเสสลงจากภูเขา แล้วสั่งประชาชนตามที่พระเจ้าสั่งนั้น
ต่อมา รุ่งเช้าวันที่ 3 ก็เกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ มีเมฆหนาทึบปกคลุมภูเขานั้น
มีเสียงแตรดังสนั่น จนประชาชนทุกคน พากันกลัวจนตัวสั่น
โมเสสก็นำประชาชนออกจากค่ายไปเข้าเฝ้าพระเจ้า
พวกเขามายืนอยู่ที่ตีนเขา
ภูเขาซีนายมีควันหุ้มอยู่ทั้งหมด
เมื่อพระเจ้าเสด็จลงมาบนภูเขานั้น มีเพลิง และควันก็พลุ่งขึ้นเหมือนควันจากเตาเผา
ภูเขาทั้งลูกก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
และเสียงแตรยิ่งดังขึ้น
โมเสสก็กราบทูล แล้วพระเจ้าตรัสตอบเป็นเสียงฟ้าร้อง
พระเจ้าทรงเรียกโมเสสให้ขึ้นไปบนยอดเขา
โมเสสก็ขึ้นไป
พระเจ้าจึงตรัสกับโมเสสว่า
จงลงไปทันที แล้วกลับขึ้นมาอีกพาอาโรนขึ้นมาด้วย
แต่อย่าให้พวกปุโรหิตและประชาชนล่วงล้ำขึ้นมา เพื่อพวกเขาจะไม่ถูกลงโทษ
โมเสสก็ลงไปบอกประชาชนตามนั้น
1. ภายใน 3 เดือน ที่ออกจากอียิปต์ พระเจ้าทรงนำคนอิสราเอล พบกับถิ่นทุรกันดาร ถึง 3 แห่ง
แต่ถิ่นทุรกันดาร ทั้ง 3 แห่งนั้น ไม่ได้ทำร้ายคนอิสราเอลเลย
ตรงกันข้ามกลับทำให้พวกเขา เติบโตขึ้นในความเชื่อ และเห็นฤทธานุภาพของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา
หากวันนี้ พระเจ้าทรงนำเราให้พบกับถิ่นทุรกันดาร ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเรา แต่เพื่อให้เราพัฒนาความเชื่อ ความไว้วางใจในพระเจ้า และได้เห็น ได้มีประสบการณ์กับฤทธานุภาพของพระเจ้ามากยิ่งขึ้น และเพื่อจะอวยพรเราท่ามกลางถิ่นทุรกันดารนั้น
2. พระเจ้าตรัสว่า ถ้าคนอิสราเอล ฟังเสียง และรักษาพันธสัญญาของพระองค์ไว้
พวกเขาจะเป็นของล้ำค่าของพระองค์
นั่นคือ ถ้าเขาดื้อดึง ละเมิดกฏเกณฑ์ของพระองค์
พวกเขาก็กำลังทำตัวไร้ค่า
แต่เนื่องจากไม่มีมนุษย์คนใดเลย ตามกฏเกณฑ์ของพระเจ้าได้ครบถ้วน
ดังนั้น มนุษย์ทั้งหลายจึงทำตัวเป็นสิ่งไร้ค่า
ดังที่กล่าวไว้ใน ยรม. 2:5 ว่า “…เขาห่างเหินจากเรา และไปติดตามสิ่งไร้ค่า และได้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า”
แต่โดยพระคุณของพระเจ้า ทรงประทานพระเยซูมาเพื่อช่วยเรา
ให้เรากลับกลายเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับพระเจ้าอีกครั้ง โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
ที่หลั่งออกบนไม้กางเขนเพื่อเรา
3. พระเจ้าทรงทำให้ประชาชนได้ยินขณะที่พระเจ้าพูดกับโมเสส เพื่อประชาชนจะได้เชื่อถือโมเสสเสมอ
พระเจ้าเป็นคนสั่งโมเสสให้นำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ ไปยังดินแดนคะนาอัน
พระองค์เอง จึงเป็นผู้จัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นสำหรับการนำคนอิสราเอล
นั่นคือ ทำให้คนอิสราเอลเชื่อฟังโมเสส
เมื่อพระเจ้าทรงใช้ให้เราทำสิ่งใด
พระเจ้าผู้มอบหมายงานนั้นแก่เรา จะเป็นผู้ประทานสิทธิอำนาจในการทำงานนั้นให้แก่เราเอง
โดยวิธีการของพระองค์
4. การที่มนุษย์จะเข้าเฝ้าพระเจ้าได้นั้น เป็นเรื่องใหญ่โตและสำคัญมาก
คนอิสราเอลต้อง เตรียมตัว 2 วัน ซักเสื้อผ้าให้สะอาดด้วย ห้ามเข้าใกล้ก่อนเวลาด้วยเพราะอาจตายได้
และเข้าเฝ้าได้แบบห่างๆ เฉพาะคนที่พระเจ้าทรงเลือกเท่านั้นจึงเข้าไปใกล้ได้
วันนี้ โดยทางพระเยซูคริสต์ เราได้รับสิทธิพิเศษที่สุด
เราสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าได้ เสมอทุกที่ ทุกเวลา
เพียงเราจะถ่อมใจลง เปิดใจออก เข้าเฝ้าพระองค์ พูดคุยกับพระองค์
เพราะวันนี้ พระองค์ไม่ได้อยู่ห่างไกลเลย
แต่ทรงประทับอยู่ภายในเรา ทรงพร้อมที่จะให้เราเข้าเฝ้าพระองค์ได้ตลอดเวลา
จงอย่าปล่อยให้พระองค์ คอยนาน
จงรีบเข้ามาเฝ้าพระเจ้าเถิด
คำคม
“ การเข้าเฝ้าพระเจ้าได้ เป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้เชื่อวางใจในพระองค์ ”