ภาพรวม
- โมเสสสนทนากับพระเจ้าแบบสองต่อสอง ร้องทูลต่อพระองค์ให้เมตตาต่อคนอิสราเอล และพระองค์ก็ตอบตามที่เขาร้องทูล
สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ
https://audius.co/drker/exodus33-74098
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อพยพ บทที่ 33 หลังจากเรื่องการกราบไหว้โคทองคำ จบลงแล้ว โมเสสก็ขึ้นไปเฝ้าพระเจ้าอีก
พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ให้โมเสสนำคนอิสราเอล ไปยังแผ่นดินคะนาอัน
และพระเจ้าจะทรงใช้ทูตองค์หนึ่งนำหน้าพวกเขาไป และจะไล่คนในแผ่นดินคานาอัน ออกไปเสีย
แต่พระเจ้าจะไม่ไปกับพวกเขา
เมื่อคนอิสราเอลได้ยินข่าวร้ายนี้ พวกเขาก็เป็นทุกข์ยิ่งนัก และถอดเครื่องประดับออกแสดงความโศกเศร้าเสียใจ
โมเสสตั้งเต็นท์หลังหนึ่งไว้ข้างนอกค่าย เรียกว่า “เต็นท์นัดพบ”
เมื่อใครปรารถนาจะเข้าเฝ้าพระเจ้า ก็มักจะออกไปยังเต็นท์นัดพบนั้น
เมื่อโมเสสเข้าไปในเต็นท์ เสาเมฆก็ลอยลงมาตั้งอยู่ที่ประตูเต็นท์
แล้วพระองค์ก็ตรัสกับโมเสส
ส่วนประชาชนก็จะลุกขึ้นและนมัสการอยู่ที่ประตูเต็นท์ของตน
พระเจ้าตรัสกับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายคุยกัน
แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย
แต่โยชูวาบุตรนูน ยังคงอยู่ในเต็นท์ต่อไป
โมเสสทูลพระเจ้าว่า
ขอพระเจ้าโปรดสำแดงทางของพระองค์แก่เขา เพื่อเขาจะรู้จักพระองค์ แล้วเขาจะได้เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระองค์
และขอทรงนับชนชาติอิสราเอลเป็นประชากรของพระองค์
ขอพระเจ้าเสด็จไปกับโมเสสและคนอิสราเอล เพื่อพวกเขาจะแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ทั่วโลก เพราะมีพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย
แต่ถ้าพระเจ้าไม่ไปด้วย เขาก็จะไม่ยอมไปไหน
และขอว่า ให้พระเจ้าทรงสำแดงพระสิริของพระองค์แก่เขา
พระองค์ก็ทรงตอบอนุญาต ตามที่โมเสสทูลขอนั้น
เพราะพระเจ้าทรงเมตตาโมเสส และทรงตรัสว่า
“เราประสงค์จะโปรดปรานผู้ใดก็จะโปรดปรานผู้นั้น และเราประสงค์จะเมตตาผู้ใด เราก็จะเมตตาผู้นั้น”
แต่พระเจ้าตรัสว่า
โมเสสจะเห็นหน้าของพระเจ้าไม่ได้ เพราะมนุษย์เห็นหน้าพระเจ้าแล้วจะตาย
พระเจ้าจึงสั่งให้โมเสสไปยืนอยู่ในซอกหิน แล้วพระเจ้าจะเอาพระหัตถ์บังเอาไว้
เมื่อพระเจ้าผ่านไปก็จะเอาพระหัตถ์ออก แล้วโมเสสก็จะเห็นหลังของพระเจ้า
1. สิ่งที่ทำให้ชนชาติอิสราเอลแตกต่างจากชนชาติอื่นๆ ไม่ใช่เพราะทรัพย์สมบัติมากมายที่นำมาจากอียิปต์ หรือเหล่านักรบผู้กล้าหาญ แต่เพราะการที่มีพระเจ้าสถิตอยู่ด้วย
ดังนั้นเมื่อพระเจ้าบอกว่าจะไม่ไปกับพวกเขาแล้ว จะแค่ส่งทูตสวรรค์ไปช่วย คนอิสราเอลจึงโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก
วันนี้ พระเจ้าทรงสถิตกับเราตลอดเวลา เราเห็นคุณค่าของการทรงสถิตของพระองค์มากเพียงใด?
เราให้เวลาที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้า ในแต่ละวันของชีวิตมากเพียงใด?
2. โมเสสสนทนากับพระเจ้า แบบสองต่อสอง เหมือนเพื่อนคุยกัน
ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ การสนทนานี้ โมเสส ไม่ได้เห็นพระเจ้า
แต่ก็ยังสามารถสนทนากันแบบมิตรสหายได้
เหมือนอย่างเราในปัจจุบัน แม้เรายังไม่สามารถเห็นพระเจ้าได้
แต่เราก็สามารถทำเหมือนโมเสส สนทนากับพระเจ้าสองต่อสองได้ทุกวัน
ดังนั้น อย่าให้เราละเลยที่จะใช้สิทธิพิเศษนี้
3. จากคำพูดของโมเสสในข้อ 13 ทำให้เรารู้เคล็ดลับของการเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า ว่า
ยิ่งเรารู้จักพระองค์ เราก็จะยิ่งเป็นที่โปรดปราน
และยิ่งเรารู้ทางของพระองค์ เราก็ยิ่งรู้จักพระองค์
ดังนั้น การอ่านพระคำของพระเจ้า จะทำให้เรารู้จักทางของพระองค์
และการอธิษฐาน การสังเกตเรียนรู้ และการฝึกฝนทำตามพระคำของพระองค์
ก็จะทำให้เรารู้จักกับพระองค์มากยิ่งขึ้น
ซึ่งจะนำเราไปสู่การเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า
4. พระเจ้าตรัสว่า พระองค์ประสงค์จะโปรดปรานหรือเมตตาผู้ใด ก็เป็นสิทธิ์ขาดของพระองค์
วันนี้ พระเจ้าทรงเลือกที่จะโปรดปรานและเมตตาเรา
เป็นพระคุณของพระองค์ที่ทรงเลือกเราให้มาอยู่ใต้ร่มพระคุณของพระเจ้า
ได้มาเป็นบุตรของพระเจ้า
เราสมควรอย่างยิ่งที่จะภาคภูมิใจและทำตัวให้สมกับพระเมตตาที่พระเจ้ามอบให้นี้
โดยการดำเนินชีวิตเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระองค์
คำคม
“ ใกล้ชิดสนิทพระเจ้า เป็นสิทธิพิเศษของผู้เชื่อวางใจในพระองค์ ”