ภาพรวม
- โมเสสกล่าวถึงพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับคนอิสราเอล ณ ที่ราบโมอับ
สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ
https://audius.co/drker/deuteronomy29-92092
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 29 หลังจากที่โมเสสสั่งให้คนเลวีประกาศคำอวยพรและคำแช่งสาป เมื่อเข้าแผ่นดินคานาอันแล้ว โมเสสก็เริ่มกล่าวถึงถ้อยคำในพันธสัญญาของพระเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสเมื่อคนอิสราเอลอยู่ในแผ่นดินโมอับ ดังนี้
คนอิสราเอลได้เห็นทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงทำตั้งแต่ในแผ่นดินอียิปต์ ทั้งหมายสำคัญและการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่ต่างๆมาแล้ว
และตลอด 40 ปี ในถิ่นทุรกันดาร เสื้อผ้าและรองเท้าของพวกเขาไม่ได้ขาด
และเมื่อท่านมาถึงที่นี้ พระเจ้าก็ทรงทำให้พวกเขาชนะ สิโหนกษัตริย์แห่งเฮชโบน และโอกกษัตริย์แห่งบาชานได้ริบแผ่นดินของกษัตริย์เหล่านั้น และมอบให้เป็นมรดกแก่คนเผ่ารูเบน คนเผ่ากาด และคนครึ่งเผ่ามนัสเสห์
เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเขาระวังที่จะทำตามถ้อยคำแห่งพันธสัญญาของพระเจ้า
เพื่อพวกเขาจะจำเริญขึ้นในบรรดากิจการซึ่งพวกเขากระทำ
ในวันนี้ให้พวกเขาทุกคนเข้ามาในพันธสัญญาแห่งพระเจ้า
เพื่อพระองค์จะทรงแต่งตั้งพวกเขา ให้เป็นประชากรของพระองค์ และพระองค์จะเป็นพระเจ้าของพวกเขา
พันธสัญญาและคำปฏิญาณนี้ ไม่ใช่เฉพาะกับคนที่อยู่ที่นั่นเท่านั้น
แต่กับผู้ที่ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย
อย่าให้คนใด มีจิตใจของเขาหันจากพระเจ้า ไปปรนนิบัติบรรดาพระอื่น
มิฉะนั้นจะมีรากซึ่งเกิดเป็นพืชที่เป็นพิษและบอระเพ็ดเกิดขึ้น
ใครที่ได้ยินคำปฏิญาณนี้ แล้วคิดในใจว่า
“แม้ข้าจะเดินด้วยความดื้อดึงตามใจของข้า ข้าก็จะเป็นสุข”
ความคิดเช่นนี้ก็นำการกวาดทำลายมาสู่เขา
– พระพิโรธและความหวงแหนของพระเจ้า จะทรงพลุ่งขึ้นต่อเขา
– คำสาปแช่งจะตกเหนือเขา
– พระเจ้าจะทรงลบชื่อของเขาเสียจากใต้ฟ้า
– พระเจ้าจะทรงแยกเขาออกจากคนอิสราเอลทั้งปวง ให้ประสบหายนะตามคำสาปแช่งทั้งสิ้นของพันธสัญญา
– คนชั่วอายุต่อมา จะอุทานเมื่อเขาเห็นความทุกข์ใจและโรคภัยซึ่งพระเจ้าทรงบันดาลให้เกิดแก่เขา และแผ่นดินของเขา
แล้วประชาชาติทั้งปวงจะกล่าวว่า
“ทำไมพระเจ้าทรงทำเช่นนี้แก่แผ่นดินนี้ พระพิโรธมากมายขนาดนี้หมายความว่ากระไร?”
แล้วคนจะพูดกันว่า
“เพราะเขาทอดทิ้งพันธสัญญาของพระเจ้า แล้วไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่น พระเจ้าจึงทรงถอนรากเขาเสียจากแผ่นดิน ด้วยความกริ้วและพระพิโรธอันแรงกล้า และทรงทิ้งเขาไปในอีกแผ่นดินหนึ่ง”
สิ่งลี้ลับทั้งปวงเป็นของพระเจ้า
แต่สิ่งที่ทรงสำแดงนั้นเป็นของเราทั้งหลาย เป็นนิตย์
เพื่อเราจะทำตามถ้อยคำทั้งสิ้นของธรรมบัญญัตินี้
1. พระเจ้าได้ทำพันธสัญญากับคนอิสราเอล คือ ถ้าเขาติดตามพระองค์ เชื่อฟังพระองค์ พระองค์จะทรงอวยพระพรพวกเขา แต่ถ้าพวกเขาทอดทิ้งพระองค์ ไม่เชื่อฟังพระองค์ พระองค์ก็จะนำพระพรเหล่านั้นไปเสีย เหลือไว้แต่คำแช่งสาป
วันนี้ ประตูแห่งพระพรของพระเจ้า เปิดออกสำหรับเราที่อยู่ในพระเยซูคริสต์
เพียงแต่เราจะเดินติดตามพระองค์ ทำตามคำแนะนำในพระคำของพระองค์ เราก็จะได้พบกับพระพรมากมาย
แต่หากใครที่หันหลังให้พระองค์ ไม่เชื่อฟังพระคำของพระองค์
คนนั้นเอง กำลังตัดสินใจเดินออกจากทางแห่งพระพร
เมื่อเขาเดินออกแล้ว เขาจะพบกับพระพรได้อย่างไร
2. ในข้อ 15 กล่าวว่า พันธสัญญานี้ไม่ใช่สำหรับเฉพาะคนอิสราเอลที่ยืนอยู่ที่นั่นเท่านั้น แต่สำหรับคนอื่นๆด้วย
ใครก็ตามที่ดำเนินชีวิตตามพระคำของพระเจ้าจะได้รับพระพร
ใครก็ตามที่ดำเนินชีวิตสวนทางกับพระคำของพระเจ้า ก็กำลังทำให้ตนเองเจ็บ
3. ข้อ 19-28 ชี้ให้เห็นว่า คนที่ได้รับรู้พันธสัญญานี้แล้ว
แต่ยังจงใจคิดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะไม่โดนอะไรหรอก ฉันจะไม่ทำตามซะอย่าง จะมีอะไรไหม?”
แบบนี้ โดนหนัก จัดเต็มไปเลย
คนที่รู้ทั้งรู้ แต่ยังจงใจดื้อดึง ไม่เชื่อฟังพระเจ้า
ควรรีบกลับใจ ก่อนจะสายเกินไป
4. สิ่งลี้ลับเป็นของพระเจ้า แต่สิ่งที่ทรงสำแดงเป็นของเรา
เราไม่อาจเข้าใจสิ่งต่างๆได้ทั้งหมด แต่เท่าที่พระเจ้าทรงสำแดงแก่เราแล้วในพระคำของพระเจ้าว่า เราควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร
แล้วเราก็เชื่อฟังทำตาม เพียงเท่านี้ ชีวิตของเราก็จะเต็มไปด้วยพระพร แม้ยังไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดก็ตาม
คำคม
“ เชื่อฟังพระเจ้า แม้ยังไม่เข้าใจ ก็ได้รับพระพร ”