ภาพรวม
- โมเสสได้แต่งบทเพลง ให้คนอิสราเอลร้อง เพื่อพวกเขาจะจดจำพระคำของพระเจ้าและไม่ทอดทิ้งพระองค์
สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ
https://audius.co/drker/deuteronomy32-92640
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
เฉลยธรรมบัญญัติ บทที่ 32 เมื่อพระเจ้าได้บอกโมเสสและโยชูวาล่วงหน้าถึงการที่คนอิสราเอลจะละทิ้งพระเจ้าแล้ว พระองค์ก็ให้โมเสสแต่งบทเพลงเพื่อเตือนใจคนอิสราเอล ซึ่งมีเนื้อหาโดยสรุปดังนี้
หยาดฝน และน้ำค้าง สามารถช่วยให้พืชเจริญงอกงามได้อย่างไร
พระคำของพระเจ้าก็เป็นอย่างนั้น สามารถทำให้จิตใจของคนอิสราเอลเจริญงดงามได้
พระราชกิจของพระเจ้าก็สมบูรณ์
พระมรรคาของพระองค์ก็ยุติธรรม
พระเจ้าผู้ทรงยุติธรรมและปราศจากความอธรรม
แต่คนอิสราเอลประพฤติชั่วช้าต่อพระเจ้า
พวกเขาเป็นพงศ์พันธุ์ที่วิปริตและคดโกง
เป็นชนชาติโง่เขลาและเบาปัญญา
พระเจ้าทรงเป็นพระบิดา ทรงเป็นผู้สร้างและสถาปนาพวกเขาไว้
พวกเขาควรระลึกถึงอดีตที่ผ่านมา
เมื่อพระเจ้าประทานมรดกแก่ประชาชาติ
พระองค์ทรงพบคนอิสราเอลในแผ่นดินทุรกันดาร ในที่ร้างเปล่าวังเวง
พระองค์ทรงโอบล้อมพวกเขา และทรงดูแลพวกเขา
ทรงรักษาพวกเขาไว้ดังแก้วพระเนตรของพระองค์
เหมือนนกอินทรีที่กวนรังของมัน
กระพือปีกเหนือลูกนก
กางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีก
พระเจ้าองค์เดียวทรงนำพวกเขา
ไม่มีพระต่างด้าวองค์ใดอยู่กับพวกเขา
พระองค์อวยพระพรพวกเขา ประทานอาหารอุดมให้แก่พวกเขา
แต่เมื่อพวกเขาเจริญขึ้นแล้ว
ก็ได้ทอดทิ้งและดูหมิ่นพระเจ้า
พวกเขายั่วยุให้พระองค์กริ้วด้วยสิ่งน่ารังเกียจทั้งหลาย
พวกเขาบูชาพวกปีศาจซึ่งไม่ใช่พระเจ้า
แต่ไม่ใส่ใจในพระเจ้าผู้ทรงให้กำเนิดพวกเขา
พระองค์จึงทรงซ่อนพระพักตร์จากพวกเขา
ไฟจึงถูกก่อขึ้น ไหม้ลุกลามไปทั่ว สิ่งร้ายจึงเกิดขึ้นกับพวกเขา
ความหิว ความร้อนอันแรงกล้า โรคร้าย สัตว์ร้าย และ ดาบ จะมาทำลายพวกเขา
โอ ถ้าพวกเขาฉลาดแล้ว พวกเขาจะเข้าใจเรื่องนี้ คือ
คนเดียวจะไล่พันคนได้อย่างไร สองคนจะทำให้หมื่นคนหนีได้อย่างไร
นอกจากพระศิลาของพวกเขา ได้ทรงทอดทิ้งพวกเขาเสียแล้ว
เพราะพระเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์
และทรงเมตตาผู้รับใช้ของพระองค์
เมื่อทอดพระเนตรว่ากำลังของพวกเขาสิ้นลง ไม่มีใครเหลือแล้ว ไม่มีพระใดๆปกป้องพวกเขาได้
นอกจากพระยาเวห์ไม่มีพระเจ้าอื่นใด
พระองค์ฆ่าให้ตายและก็ให้มีชีวิตอยู่
พระองค์ทำให้บาดเจ็บ และก็รักษาให้หาย
ไม่มีผู้ใดจะช่วยให้พ้นมือของพระองค์ได้
พระเจ้าทรงยึดการพิพากษาไว้
ทรงแก้แค้นศัตรูของพระองค์
และตอบแทนผู้ที่เกลียดชังพระองค์
พระองค์จะทรงแก้แค้นแทนโลหิตของผู้รับใช้ของพระองค์
และจะทรงลบมลทินแผ่นดินแห่งประชากรของพระองค์
แล้วโมเสสก็ได้บอกเนื้อเพลงบทนี้ทั้งหมดให้คนอิสราเอลฟัง
แล้วกล่าวต่อไปว่า
ให้คนอิสราเอลระวังที่จะทำตามถ้อยคำทั้งหมดของธรรมบัญญัติ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นเรื่องชีวิต
เพราะพวกเขาจะมีชีวิตยืนนานในแผ่นดินคานาอันหรือไม่ ขึ้นกับเรื่องนี้
แล้วพระเจ้าตรัสกับโมเสส ในวันนั้นว่า
ให้เขาขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมถึงยอดเขาเนโบ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินโมอับ ตรงข้ามเมืองเยรีโค
และดูแผ่นดินคานาอันซึ่งพระเจ้าให้แก่คนอิสราเอล
แล้วเขาจะสิ้นชีวิตเสียบนภูเขานั้น
1. การร้องบทเพลง เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยให้จดจำเรื่องสำคัญๆที่ควรจะจำ
เช่นพระคุณ พระเมตตาของพระเจ้า
ดังนั้นการร้องเพลงนมัสการพระเจ้าอยู่เสมอ นอกจากเป็นการสรรเสริญพระเจ้าแล้ว
ยังเป็นการย้ำเตือนตัวเรา ให้ระลึกถึงความเลิศประเสริฐของพระเจ้าที่มีต่อเรา อยู่เสมออีกด้วย
2. พืชที่ขาดน้ำไม่สามารถเจริญงอกงามได้อย่างไร
จิตใจของผู้เชื่อที่ขาดพระคำของพระเจ้าก็เป็นอย่างนั้น
3. นกอินทรีที่กวนรังของมัน โดยการกระพือปีกเหนือรังที่ลูกนกอยู่
เพื่อให้ขนนุ่มๆในรังปลิวออกจนหมด เหลือแต่กิ่งไม้แข็งๆ
เพื่อบังคับให้ลูกของมันฝึกบิน
แต่ถ้าลูกของมันยังไม่ยอมออกฝึกบิน
มันก็จะโยนลูกของมันลงจากรัง ให้ฝึกบิน
แต่ถ้าดูเหมือนลูกของมัน บินไม่ไหวจริงๆ
มันก็จะกางปีกออกรองรับลูกไว้ให้เกาะอยู่บนปีกของมัน
แล้วนำกลับมาที่รัง
บางครั้งพระเจ้าจำเป็นต้องเอาความสะดวกสบายบางอย่างออกไปจากเรา เพื่อให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราพัฒนาสูงขึ้นอีก
แต่ถ้าเราไม่ไหว ในที่สุดพระองค์ก็จะปกป้องเราไว้ ไม่ให้มีอันตรายเกิดขึ้นกับเรา
4. หากศัตรูแค่คนเดียว สามารถไล่คนอิสราเอลนับพันคนได้ แสดงว่าพวกเขากำลังมีปัญหาในความสัมพันธ์กับพระเจ้า
วันนี้ หากปัญหาเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้เรา หวาดกลัว เครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับ ไม่มีความสุข หรืออะไรทำนองนี้
น่าจะเป็นสิ่งสะท้อนได้ว่า ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้ากำลังมีปัญหา
5. เรื่องการทำตามพระคำของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
แต่เป็นเรื่องความเป็นความตายของชีวิต
วันนี้เราให้ความสำคัญกับการทำตามพระคำของพระเจ้ามากเพียงใด
คำคม
“ การทำตามพระคำของพระเจ้า เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของชีวิต ”