สรุป เลวีนิติ 13

ภาพรวม

  • พระเจ้าสั่งโมเสสและอาโรนเกี่ยวกับเรื่องวิธีจัดการกับอาการของโรคเรื้อนต่างๆ

สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านด้วยตัวเอง ให้ AI อ่านได้ที่นี่ครับ

https://audius.co/drker/lev13-77964

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เลวีนิติ บทที่ 13 หลังจากพระเจ้าสั่งโมเสสเรื่องหญิงหลังคลอดบุตรแล้ว พระองค์ได้ตรัสสั่งโมเสสและอาโรน เรื่องอาการของโรคเรื้อนไว้ดังนี้

ใครที่มีอา​การ​บวม​หรือ​ผื่น​หรือ​ด่าง​ขึ้น​ที่​ผิว​หนัง หรือมีอาการผื่นคัน ​ให้​พา​ผู้​นั้น​มา​หา​​ปุโร​หิต เพื่อตรวจดู

ถ้าคนนั้นมีขนงอกออกมาบนรอยนั้น ​และโรค​นั้น​อยู่​ลึก​กว่า​ผิว​หนัง​ลง​ไป แสดงว่าเขาเป็นโรคเรื้อน

ถ้าไม่เข้าข่ายข้างต้น ให้​ปุโร​หิต​กัก​ตัว​ผู้​ป่วย​ไว้​ 7 ​วัน
แล้วถ้าโรค​นั้น​ทรง​อยู่ ​ไม่​ลาม​ออก​ไป​ตาม​ผิว​หนัง
ก็​ให้​ปุโร​หิต​กัก​ตัว​เขา​ต่อ​ไป​อีก 7 ​วัน
ถ้า​บริ​เวณ​ที่​เป็น​โรค​นั้น​จาง​ลง และ​โรค​ไม่​ได้​ลาม​ออก​ไป​ตาม​ผิว​หนัง
แสดงว่าไม่ใช่โรคเรื้อน

ถ้าใครที่ถูกตรวจแล้วพบว่ามีลักษณะดังกล่าว ให้​ปุโร​หิต​ประ​กาศ​ว่า เขา​เป็น​มลทิน เขาเป็นโรคเรื้อน

ถ้าใครที่ถูกตรวจแล้วพบว่าไม่ใช่โรคเรื้อน ให้​ปุโร​หิต​ประ​กาศ​ว่า เขา​สะอาด​แล้ว ให้​เขา​ซัก​เสื้อ​ผ้า แล้ว​เขา​ก็​จะ​สะอาด
แต่ถ้าคนที่ถูกประกาศว่าสะอาดแล้ว โรคกลับเป็นลุกลามขึ้นมาอีก ก็ต้องกลับมาหาปุโรหิตให้ตรวจดูใหม่อีกครั้ง

คน​ที่​เป็น​โรค​เรื้อน​ ให้สวม​เสื้อ​ผ้า​ที่​ขาด ให้​ปล่อย​ผม
และ​ให้​เขา​ปิด​ริม​ฝี​ปาก​บน​ไว้​แล้ว​ร้อง​ว่า ‘มลทิน มลทิน’
เขา​จะ​เป็น​มลทิน​อยู่​ตลอด​เวลา​ที่​เขา​เป็น​โรค
เขา​จะ​ต้อง​อยู่​แต่​ลำพัง​ภาย​นอก​ค่าย

สำหรับเครื่อง​แต่ง​กาย​ต่างๆ ที่มี​รอย​เหมือน​เชื้อ​เรื้อน จะ​ต้อง​นำ​ไป​แสดง​ต่อ​ปุโร​หิต
ให้​ปุโร​หิต​ตรวจ​เชื้อ​นั้น และ​ให้​กัก​สิ่ง​ที่​มี​เชื้อ​นั้น​ไว้​ 7 ​วัน
พอ​ครบ 7 วัน ก็​ให้​ตรวจ​ดู​เชื้อ​นั้น​อีก ถ้า​เชื้อ​นั้น​ลุกลาม​
ให้​เขา​เผา​เครื่อง​แต่ง​กาย​นั้น​เสีย ไม่​ว่า​มันจะแพงแค่ไหนก็ตาม

ถ้าเชื้อ​นั้น​ไม่​ได้ลุก​ลาม ก็​ให้​ปุโร​หิต​บัญชา​ให้​เขา​ซัก​สิ่ง​ที่​มี​เชื้อ​นั้น​เสีย และ​ให้​กัก​ไว้​อีก 7 ​วัน
เมื่อครบ 7 วัน ถ้า​บริ​เวณ​ที่​มี​เชื้อ​ไม่​เปลี่ยน​สี ให้เอา​ไฟ​เผาเครื่องแต่งกายนั้นเสีย
แต่ถ้าสี​จาง​ลง​หลัง​จาก​ซัก​แล้ว ก็​ให้​ฉีก​บริ​เวณ​นั้น​ออก​เสีย​จาก​เครื่อง​แต่ง​กาย​
แต่ถ้าฉีกออกแล้วยัง​ปรา​กฏ​ขึ้น​อีก​ ให้เอา​ไฟเผา​เครื่องแต่งกายนั้นเสีย

ถ้า​ซัก​แล้ว​เชื้อ​นั้น​หมด​ไป ก็​ให้​ซัก​อีก​เป็น​ครั้ง​ที่​ 2 แล้ว​จะ​สะอาด

1. โรคเรื้อน เปรียบเสมือนบาป ยิ่งเก็บไว้ยิ่งลุกลาม และจะทำลายชีวิตของคนที่มีมัน
มีแต่ปุโรหิตเท่านั้นมีสิทธิประกาศว่า ใครเป็นโรคเรื้อน หรือใครสะอาดแล้ว
แม้แต่โมเสสเอง ก็ไม่ได้สิทธินี้
ดังนั้นเมื่อปุโรหิตประกาศแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลง หรือคัดค้านได้

พระเยซูทรงเป็นมหาปุโรหิตของเรา
เมื่อพระเยซูประกาศว่า เราสะอาดแล้ว บริสุทธิ์แล้ว ชอบธรรมแล้ว พ้นจากบาปแล้ว
ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงคำประกาศนั้นได้

2. เมื่อปุโรหิตประกาศว่า คนนั้นสะอาดแล้ว หรือ เสื้อผ้านี้สะอาด
ก็ยังคงต้องให้คนนั้นอาบน้ำ หรือ ซักเสื้อผ้า นั้นอีกรอบ

เหมือนเราผู้ได้รับการประกาศแล้วว่า สะอาดแล้ว พ้นมลทินบาปแล้ว
ควรดำเนินชีวิตใหม่ในทางชอบธรรม ให้สมกับที่พระเยซูได้ประกาศแล้วว่า เราเป็นคนชอบธรรมแล้ว

3. คนที่เป็นโรคเรื้อน ต้องถูกอัปเปหิออกไปนอกค่าย
เหมือนกับในวันพิพากษา
ใครก็ตามที่สะอาดแล้ว ชอบธรรมแล้ว จะได้อยู่ในแผ่นดินของพระเจ้า
แต่ใครก็ตามที่มีบาป จะต้องถูกขับออกไปยังที่ที่มีการร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

4. คนที่สะอาด แม้จะรอไปอีก 7 วัน หรือ 14 วัน แผลนั้นก็จะไม่ลุกลาม แต่จะค่อยๆลดลง
แต่คนที่มีเชื้อ ยิ่งนานวัน แผลจะยิ่งลุกลาม หนักขึ้น

คนที่ได้รับการชำระให้สะอาดแล้วจริงๆ โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์
ยิ่งวันเวลาผ่านไป เขาจะยิ่งทำบาปลดน้อยลงไปเรื่อยๆ
เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเปลี่ยนแปลงเขาใหม่ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ

แต่คนที่ไม่ได้รับการชำระจริงๆ เขาแค่คิดไปเองว่าเขาได้รับการชำระแล้ว
ในช่วงต้นๆ อาจดูเหมือน เชื้อบาปไม่ได้ลุกลามมากขึ้น
แต่พอวันเวลาผ่านไปสักพัก ลายชักออก
จะหวนกลับไปทำบาปเดิมๆ และนับวันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ
หากใครที่เป็นเช่นนั้น
ไม่ต้องพยายามทำตัวให้เป็นคนดีขึ้น เพราะไม่มีทางทำได้หรอก
แต่ที่ต้องทำคือ รีบเข้ามาหาพระเยซู ต้อนรับพระองค์เป็นเจ้านายในชีวิตอย่างแท้จริง
สารภาพบาปกับพระองค์ แล้วเชื่ออย่างไม่สงสัยเลยว่า
โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ บาปของเราได้รับการชำระแล้ว
เพียงเท่านี้ หากทำอย่างจริงใจจริงๆ การเปลี่ยนแปลงจากภายในจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

คำคม

“ เมื่อพระเยซูประกาศว่า เราสะอาดแล้ว เราก็สะอาดแล้วอย่างสมบูรณ์ ”