ภาพรวม
- ปัญญาจารย์ บทที่ 2 สรุปให้ฟังว่าหลังจากลองมาทุกอย่างแล้ว ทุกอย่างที่ทำกันเพื่อตนเองในโลกนี้ ช่างว่างเปล่าและไร้ค่า
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
ปัญญาจารย์ บทที่ 2
ปัญญาจารย์ลองดำเนินชีวิตตามใจปรารถนาของตนเองทุกอย่าง
ลองสนุกสนานให้เต็มที่
ลองเมาเหล้ายังไง ให้ยังคงมีสติสัมปชัญญะ
ลองสร้างเรือน และทำสวนมากมาย
ลองสะสมทาสชายหญิงและฝูงสัตว์มากมาย
ลองสะสมเงินทอง และทรัพย์สมบัติล้ำค่ามากมาย
ลองหาความสนุกสนานทางเพศ
ลองเป็นใหญ่กว่าใครๆ
ลองความเพลิดเพลินและสนุกสนานทุกอย่าง
แล้วก็พบว่า ทุกอย่างเหนื่อยเปล่า ว่างเปล่า ไร้ค่า และไม่มีประโยชน์อะไร
จึงลองหันมาพิเคราะห์สติปัญญา ความบ้าบอ และความเขลา
แม้จะพบว่าสติปัญญามีประโยชน์กว่าความเขลา
แต่ก็พบว่า ทั้งคนมีสติปัญญาและคนเขลาก็ตายเหมือนกันแล้วไม่มีใครจดจำถึงพวกเขาตลอดไป
ปัญญาจารย์จึงรู้สึกเกลียดชีวิต เกลียดการตรากตรำทั้งสิ้น และสลดใจยิ่งนัก
เมื่อพบว่าทุกสิ่งที่เขาทำเอาไว้อย่างดี คนที่มารับช่วงต่อไปจะเป็นคนมีสติปัญญา หรือคนเขลา ที่ทำลายทุกอย่างให้หมดไป
ปัญญาจารย์รู้สึกท้อแท้ใจ เมื่อคิดได้ว่า
คนที่ตรากตรำโดยใช้สติปัญญา ความรู้ และความชำนาญ
แต่แล้วอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้ตรากตรำทำ ก็มารับเอาไป
วันคืนของมนุษย์ มีแต่ความเจ็บปวด และความทุกข์ระทม
สำหรับมนุษย์จึงไม่มีอะไรดีไปกว่ากินและดื่ม กับชื่นชมผลจากการงานของเขา
เพราะว่าพระเจ้าประทานสติปัญญา ความรู้ และความยินดี ให้แก่คนที่พระองค์พอพระทัย
แต่พระองค์ให้คนบาปเก็บเกี่ยวและสะสม เพื่อให้แก่ผู้ที่พระเจ้าพอพระทัย
1. ซาโลมอน มั่งคั่ง เต็มด้วยสติปัญญา ได้ลองมาทุกอย่างแล้ว
และพบความจริงว่า ทุกอย่างที่มนุษย์ทำ เพื่อตนเองในโลกนี้
ช่างไร้ค่าและว่างเปล่า แล้วสักวันพวกเขาก็ต้องจากสิ่งเหล่านั้นไป
มีแต่การกระทำเพื่อพระเจ้าเท่านั้น ที่จะคงอยู่ถาวร และนำบำเหน็จมาสู่ชีวิตของเราชั่วนิรันดร์
2. สำหรับมนุษย์จึงไม่มีอะไรดีไปกว่า ได้มีอาหารรับประทาน กับได้ชื่นชมสิ่งที่ตนได้ทำ
ขอบคุณพระเจ้าที่วันนี้เรามีอาหารรับประทาน
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งที่เราได้มีโอกาสได้ทำ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กน้อยสักเพียงใด
แต่สำหรับคนเหล่านั้นที่ทำสิ่งต่างๆเพื่อพระเจ้า
เขาไม่เพียงจะได้ชื่นชมสิ่งที่ตนได้ทำบนโลกนี้เท่านั้น
ในสวรรค์เขาเองก็ยังได้รับผล และชื่นชมกับสิ่งที่เขาได้ทำเพื่อพระองค์ในโลกนี้อีกด้วย
วันนี้เราจะเลือกทำอะไร?
คำคม
“ สิ่งที่ทำเพื่อตนเองนั้นไร้ค่า สิ่งที่ทำเพื่อพระเจ้าคงอยูชั่วนิรันดร์ ”