ภาพรวม
- มาระโก บทที่ 4 พระเยซูตรัสสอนประชาชนเป็นคำอุปมา แล้วค่อยมาอธิบายให้สาวกฟัง จากนั้นลงเรือข้ามฟากแต่เรือพบกับพายุใหญ่ พระเยซูจึงทรงห้ามลม แล้วลมพายุก็สงบลง
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
มาระโก บทที่ 4
ฝูงชนจำนวนมากพากันมาฟังพระเยซู สั่งสอนที่ฝั่งทะเล
พระองค์จึงตรัสสั่งสอนพวกเขาหลายประการเป็นอุปมา เช่น
มีคนหนึ่งออกไปหว่านพืช
บางเมล็ดพืช นกก็มากินไป
บางเมล็ดงอกบนที่มีพื้นหินมีดินน้อย พอแดดจัด ก็เหี่ยวไป
บางเมล็ดงอกกลางต้นหนาม จึงไม่เกิดผล
บางเมล็ดงอกงาม เพราะตกบนดินดี
พวกสาวกไม่เข้าใจคำอุปมานั้น
พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า
“ถ้าพวกท่านยังไม่เข้าใจอุปมาเรื่องนี้
แล้วพวกเขาจะเข้าใจเรื่องอุปมาทั้งหมดได้อย่างไร?
พระเยซูทรงอธิบาย ว่า
เมล็ดพืช คือ พระวจนะ
พระวจนะที่ตกริมหนทาง เหมือนบางได้ยิน แล้วซาตานก็มาชิงเอาพระวจนะในตัวเขาไปเสีย
พระวจนะที่ตกลงบนพื้นหิน เหมือนบางคนได้ยิน รับไว้ แต่ไม่ได้หยั่งราก จึงทนความยากลำบากไม่ได้ จึงเลิกเสียทันที
พระวจนะที่หว่านลงกลางหนาม เหมือนบางคนได้ยิน แล้วความกังวลของโลก และความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ ได้รัดพระวจนะนั้น จึงไม่เกิดผล
พระวจนนะที่หว่านในดินดีนั้น เหมือนบางคนได้ยิน รับไว้ จึงเกิดผล 30 เท่า 60เท่า หรือ 100เท่า
ตะเกียงมีไว้สำหรับส่องสว่าง
พระวจนะของพระเจ้า ย่อมจะถูกนำออกมาเปิดเผย เพื่อส่องสว่างแก่คนทั้งหลาย
พวกท่านจะให้คนอื่นด้วยปริมาณเท่าใด
พวกท่านก็จะได้รับด้วยปริมาณเท่ากัน และมากยิ่งขึ้น
แผ่นดินของพระเจ้า เปรียบเหมือนคนหนึ่งหว่านพืชลงในดิน
พืชนั้นจะงอกขึ้นหรือเติบโตอย่างไรเขาไม่รู้
เพราะแผ่นดินเองทำให้พืชงอกงาม โดยขึ้นเป็นลำต้น ออกรวง แล้วก็มีเมล็ดข้าวเต็มรวง
เมื่อสุก ถึงฤดูเกี่ยวแล้ว คนนั้นก็เอาเคียวไปเก็บเกี่ยวทันที
แผ่นดินของพระเจ้า เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ดเมล็ดหนึ่ง
ตอนที่เพาะลงในดิน ก็เล็กกว่าเมล็ดทั้งปวงทั่วทั้งแผ่นดิน
แต่เมื่อโตแล้ว ก็ใหญ่กว่าผักทั้งปวง และจนนกในอากาศมาทำรังอาศัยได้
เย็นวันนั้น พระเยซูบอกให้พวกสาวก ข้ามไปอีกฝั่งของทะเลสาบ
ระหว่างทางมีพายุใหญ่เกิดขึ้น คลื่นก็ซัดเข้าไปในเรือจนน้ำจวนจะเต็มเรืออยู่แล้ว
แต่พระองค์กำลังนอนหนุนหมอนหลับอยู่ที่ท้ายเรือ
พวกสาวกจึงมาปลุก ทูลว่า
พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่าพวกเขากำลังจะพินาศหรือ?
พระองค์ทรงลุกขึ้นห้ามลม แล้วลมพายุก็เงียบสนิท
พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า
“ทำไมพวกเจ้ากลัว?
พวกเจ้าไม่มีความเชื่อหรือ?”
1. ดูเหมือนคำอุปมาเรื่องผู้หว่านพืช จะเป็นพื้นฐานสำคัญของการเข้าใจตำอุปมาของพระเยซู
พระเยซูจึงบอกว่า ถ้าไม่เข้าใจอุปมาเรื่องนี้ ก็ยากที่จะเข้าใจเรื่องอุปมาอื่นๆได้
หัวใจสำคัญของคำอุปมานี้คือ ถ้าได้ยินแล้ว ไม่ลงมือทำตามอย่างจริงจัง สิ่งที่ได้ยินทั้งหมดก็ไร้ค่า
2. ขณะที่เรือเจอพายุ พระเยซูนอน”หนุนหมอน”อยู่ท้ายเรือ
คือ พระเยซูไม่ได้เผลอกลับไป แต่พระองค์จงใจนอนเลยทีเดียว
เพราะพระองค์รู้ดีว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้น
และรู้ว่า พายุนั้นจะไม่ทำอันตรายพวกสาวก
เพียงแต่จะพัฒนาความเชื่อของพวกเขาเท่านั้น
แต่ปรากฏว่า พวกสาวกสอบไม่ผ่านในครั้งนี้
พวกเขาไม่เชื่อใจพระเยซู
พวกเขาเลือกเชื่อว่า
พระเยซูไม่ห่วงพวกเขาแล้ว
พระองค์ไม่สนใจว่าพวกเขากำลังจะพินาศ
ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
วันนี้ก็เช่นกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา อาจดูเหมือนอันตรายเหลือเกิน
แต่พระเยซูรู้ดี และพระองค์ทรงดูแลสถานการณ์นั้นอยู่
เราผู้ที่มีพระเยซูอยู่ในเรือแห่งชีวิต จะปลอดภัยอย่างแน่นอน
3. การประยุกต์ใช้ มาระโก บทที่ 4 ยังมีอีก สามารถอ่านได้จากลิ้งนี้ครับ
http://bit.ly/2m2ezbf
คำคม
“ ไม่ต้องกลัวต่อสถานการณ์ ขอเพียงยึดความเชื่อในพระเยซูไว้ให้มั่น
นั่นก็เพียงพอที่จะผ่านพ้นไปได้ อย่างมีชัยชนะ”