ภาพรวม
- มาระโก บทที่ 6 คนในเมืองนาซาเร็ธไม่ยอมรับพระเยซู พระเยซูทรงใช้สาวก 12 คน ออกประกาศ พระเยซูทรงเลี้ยงคน 5,000 คน และทรงดำเนินบนทะเล
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
มาระโก บทที่ 6
พระเยซูเสด็จไปยังภูมิลำเนาของพระองค์
พอถึงวันสะบาโต พระองค์ทรงเริ่มสั่งสอนในธรรมศาลา
และคนจำนวนมาก ที่ได้ยิน ก็ประหลาดใจ และขัดเคืองใจในตัวพระองค์
พระเยซูตรัส ว่า
ผู้เผยพระวจนะจะขาดความเคารพนับถือ ในเมืองของตน
พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ที่นั่นไม่ได้
เว้นแต่วางมือคนเจ็บบางคนให้หายโรค
และพระองค์ประหลาดใจที่พวกเขาไม่มีความเชื่อ
แล้วพระองค์จึงเสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ
พระเยซูทรงใช้สาวก 12 คนมา ออกไปเป็นคู่ๆ
และประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีร้ายออกได้
พวกสาวกก็ออกไปประกาศให้ทุกคนกลับใจใหม่
พวกเขาขับผีออกหลายตน และรักษาคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค
แล้วพวกเขาก็กลับมารายงานให้พระเยซูทราบ
กษัตริย์เฮโรด ทราบเรื่องของพระเยซู
จึงบอกว่า
“ยอห์นคนที่เราตัดศีรษะเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว”
เพราะก่อนหน้านี้ เฮโรดสั่งให้ศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ตามคำขอของลูกสาวของตน
เมื่อพระเยซูกำลังไปหาที่สงบเพื่อหยุดพัก
เพราะว่ามีคนไปมามากมาย จนไม่มีเวลาแม้แต่จะรับประทานอาหาร
แต่เมื่อฝูงชนทราบ ก็วิ่งไปถึงที่หมายล่วงหน้าก่อนพวกของพระองค์
เมื่อพระเยซูมาถึง ก็ทรงสงสารพวกเขา
เพราะว่าพวกเขาเป็นเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง
พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนพวกเขา หลายประการ
เมื่อเกือบจะค่ำแล้ว พระเยซูสั่งให้พวกสาวกเลี้ยงอาหารพวกเขา
สาวกทูล ว่า
ต้องใช้ อย่างน้อย 200 เดนาริอัน เพื่อจะซื้ออาหารให้พวกเขารับประทาน
พวกสาวกจึงทูลว่า
พวกเขามีแค่ขนมปัง 5 ก้อน กับ ปลา 2 ตัว
พระเยซูทรงรับ ขนมปังกับปลานั้น
แล้วขอพระพร แบ่งให้พวกสาวกเอาไปแจก
ทุกคนจึงได้กินจนอิ่ม
ส่วนเศษขนมปังและปลาที่เหลือนั้น เก็บไว้ได้ 12 ตะกร้าเต็ม
คนที่รับประทานนั้น มีผู้ชาย 5,000 คน
แล้วพระเยซูตรัสสั่งให้พวกสาวกลงเรือข้ามไปยังเมืองเบธไซดาทันที
ส่วนพระเยซูเสด็จขึ้นภูเขาเพื่อทรงอธิษฐาน
เมื่อค่ำลง เรือของพวกสาวกอยู่กลางทะเล ตีกรรเชียงด้วยความลำบากเพราะทวนลมอยู่
พอถึงช่วงตี 3 พระองค์ทรงเดินบนน้ำทะเลไปหาพวกเขา
พวกเขาคิดว่าเป็นผี แล้วพากันร้องเสียงดังด้วยความกลัว
พระเยซูยิ้ม แล้วตรัส ว่า
“ทำใจดีๆ เถิด นี่เราเอง อย่ากลัวเลย”
เมื่อพระองค์ขึ้นไปบนเรือ แล้วลมก็สงบลง
พวกสาวกก็ประหลาดใจเหลือที่จะกล่าว
เพราะว่าพวกเขาเอง ยังไม่เข้าใจเรื่องขนมปังนั้น
เนื่องจากใจของพวกเขายังแข็งกระด้างอยู่
เมื่อถึงแขวงเยนเนซาเรท
คนทั้งหลายก็รีบนำคนเจ็บป่วย มาให้พระองค์ทรงรักษา
หลายคนทูลขออนุญาตแตะต้อง ชายเสื้อของพระองค์
และทุกคนที่แตะต้องก็หายป่วย
1. เฮโรดเลือกเชื่อว่า พระเยซู คือยอห์น ผู้ให้บัพติศมา เป็นขึ้นมาจากความตาย
เพราะการเชื่อแบบนั้น ทำให้เขาสบายใจ
เนื่องจากเขาเป็นคนสั่งประหารยอห์น
ถ้ายอห์น เป็นขึ้นมาจากความตาย ก็แสดงว่าเขาไม่มีความผิด
เพราะไม่ได้เอายอห์น ไปจากประชาชน
บางคนเลือกเชื่อ แบบเฮโรด คือ เชื่อตามที่ตนพอใจ สบายใจ
แต่ไม่ยอมเชื่อตามที่พระคำของพระเจ้า่บอกไว้
อย่าให้เราเป็น “ผู้เชื่อแบบเฮโรด”
2. พวกสาวก ประหลาดใจ และไม่เข้าใจ การอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงทำ
ทั้งเรื่องขนมปัง และเรื่องเดินบนทะเล
เพราะใจของพวกเขายังแข็งกระด้างอยู่
ใจของพวกเขายังไม่ยอมเชื่ออย่างหมดใจว่า
พระเยซูทรงเป็นพระเจ้า พระองค์ทรงสามารถทำได้ทุกสิ่ง
วันนี้ใจของเรา กำลังแข็งกระด้างอยู่หรือเปล่า?
เราเชื่อจริงๆไหมว่า พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุด พระองค์ทรงสามารถทำได้ทุกสิ่ง
รวมทั้งแก้ไขสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ได้
และจะทรงเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นพระพร ?
3. การประยุกต์ใช้ มาระโก บทที่ 6 ยังมีอีก สามารถอ่านได้จากลิ้งนี้ครับ
http://bit.ly/2kA4v8H
คำคม
“ คุณเชื่อไหมว่า พระเยซูทรงทำอัศจรรย์ในสิ่งที่คุณกำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ได้ ? ”