ภาพรวม
- พระธรรมมาลาคี เป็นพระคัมภีร์เดิมเล่มสุดท้าย หลังจากพระธรรมเล่มนี้ ก็จะเข้าสู่ยุคเงียบ 400 ปี ที่ไม่มีการตรัสจากพระเจ้า มาถึงคนอิสราเอลเลย
- พระธรรมมาลาคี เขียนขึ้นเพื่อเตือนคนอิสราเอลที่กลับจากการเป็นเชลย ให้เขารักษาธรรมบัญญัติ ด้วยความเต็มใจและด้วยความซื่อสัตย์
- มาลาคี บทที่ 1 พระเจ้าตำหนิคนอิสราเอล ที่ลบหลู่พระเจ้า ด้วยการเอาของที่ไม่ต้องการ มาถวายเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
มาลาคี บทที่ 1
พระเจ้าทรงตรัสกับคนอิสราเอล โดยมาลาคี ว่า
พระเจ้าได้รักพวกเขา แต่พวกเขาหาว่าพระเจ้าไม่รักพวกเขา
เอซาว(ต้นตระกูลคนเอโดม) เป็นพี่ชายของยาโคบ(ต้นตระกูลคนอิสราเอล)
แต่พระเจ้าก็ยังรักยาโคบ
เมื่อเอโดม ถูกทำลายลงแล้ว ก็ไม่สามารถกลับมาสร้างขึ้นใหม่ได้
จนคนจะเรียกกันว่า เป็น เมืองชั่วร้าย
เป็นชนชาติที่พระเจ้าทรงกริ้ว
บุตรก็ย่อมให้เกียรติแก่บิดา
คนใช้ก็ย่อมให้เกียรตินาย
แต่คนอิสราเอลไม่ให้เกียรติพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบิดาและเป็นนาย ของพวกเขา
บรรดาปุโรหิตของพวกเขาก็ ดูหมิ่นพระเจ้า
โดยการนำอาหารมลทิน มาถวายบนแท่นของพระเจ้า
นำสัตว์ตาบอด สัตว์ที่พิการหรือป่วย มาถวาย
ซึ่งพวกเขาเองยังไม่กล้าทำอย่างนั้น เมื่อนำของไปกำนัลผู้ว่าราชการของพวกเขาเลย
ดังนั้นจึงไม่พอพระทัยพวกเขา
ไม่รับเครื่องบูชาจากมือของพวกเขา
และไม่ได้ตอบคำอธิษฐานของพวกเขา
ตั้งแต่ที่ดวงอาทิตย์ขึ้น ถึงที่ดวงอาทิตย์ตก
ประชาชาติทั้งหลาย ต่างเกรงกลัวพระเจ้า
และถวายของถวายที่บริสุทธิ์แด่พระองค์ ทุกที่ทุกแห่ง
แต่คนอิสราเอลกลับดูหมิ่นพระองค์ โดยนำของชั้นเลวมาถวายพระเจ้า
แล้วยังมีหน้ามาทำฮึดฮัดกับพระเจ้า
บ่นว่า ที่ทำให้พระเจ้า นี่เป็นภาระหนักจริงๆ
คนใดที่มีสัตว์แข็งแรงสมบูรณ์ อยู่ในฝูง และได้บนไว้
แต่กลับเอาสัตว์ที่มีตำหนิมาถวายแด่พระเจ้า
คำสาปแช่งจงตกอยู่กับคนโกงคนนั้น
1. พระเจ้าทรงรักคนอิสราเอล และสำแดงความรักต่อพวกเขาอย่างมากมาย
แต่พวกเขาไม่รับรู้ ไม่สังเกต
พวกเขาจึงคิดว่า พระเจ้าไม่รักพวกเขา
พระเจ้าทรงสำแดงความรักแก่เรามากมายเช่นกัน
แต่เฉพาะคนที่รับรู้ และสังเกตเท่านั้น จึงสามารถรักตอบพระเจ้าได้
วันนี้เรารับรู้มากเพียงใด?
2. ผู้ที่ให้พระเยซูคริสต์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเขาอย่างแท้จริง
ย่อมให้เกียรติพระองค์ และทุกสิ่งที่ทำแด่พระองค์ย่อมทำอย่างดีที่สุดอย่างเต็มใจ
วันนี้ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา อย่างแท้จริงแล้วหรือยัง?
3. คนทั่วโลก แม้พวกเขาไม่รู้ว่าพระองค์ผู้ทรงใหญ่ยิ่งสูงสุด คือใคร?
พวกเขายังพยายามถวายเครื่องบูชาอย่างดีที่สุด เท่าที่จะทำได้แด่พระองค์
แล้วเราผู้เป็นประชากรของพระองค์
ผู้รู้แน่ว่า พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
เราได้ถวายสิ่งใดแด่พระองค์?
และเมื่อถวายนั้นเราทำด้วยสุดจิตสุดใจของเราแล้วหรือยัง?
คำคม
“ สิ่งที่ทำถวายแด่พระเจ้า จงทำอย่างสุดใจ เพราะพระองค์ทรงทอดพระเนตรจิตใจ ”