ภาพรวม
- มาลาคี บทที่ 3 พระเจ้าตรัสถึงการเสด็จมาของพระมาซีฮา(พระเยซูคริสต์) และความผิดของคนอิสราเอล และคนเหล
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
มาลาคี บทที่ 3
พระเจ้าตรัสกับอิสราเอล ว่า
พระเจ้ากำลังส่งทูตของพระองค์ไป เพื่อตระเตรียมหนทางไว้ข้างหน้า
และองค์เจ้านาย ผู้ซึ่งพวกเขาแสวงหานั้น จะเสด็จมายังพระวิหารของพระองค์ อย่างกะทันหัน
แต่ใครจะทนอยู่ได้ในวันที่ท่านมาปรากฏตัว?
เพราะท่านเป็นประดุจไฟถลุงแร่
และประดุจสบู่ของช่างซักฟอก
ท่านจะชำระบุตรหลานของเลวีให้บริสุทธิ์
และถลุงพวกเขาอย่างถลุงทองคำและถลุงเงิน
จนกว่าพวกเขาจะนำเครื่องบูชามาถวายแด่พระเจ้าด้วยความชอบธรรม
แล้วเครื่องบูชาของยูดาห์และเยรูซาเล็มจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
แล้วพระเจ้าจะมา เพื่อการพิพากษา
พระองค์จะกล่าวโทษ
– นักวิทยาคม
– พวกผิดประเวณี
– ผู้สบถเท็จ
– ผู้บีบบังคับลูกจ้างในเรื่องค่าจ้าง
– ผู้บีบบังคับแม่ม่ายและลูกกำพร้า
– ผู้ผลักไสคนต่างด้าวให้ไปเสีย
– ผู้ที่ไม่ยำเกรงพระเจ้า
เพราะว่าพระเจ้าไม่มีผันแปร อิสราเอลจึงไม่ถูกทำลายหมด
พวกเขาได้หันเหไปเสียจากกฎเกณฑ์ของพระเจ้า
พระเจ้าจีงเรียกให้พวกเขา กลับมาหาพระองค์
และพระองค์จะกลับมาหาพวกเขา
พวกเขาได้ฉ้อโกงพระเจ้าในเรื่องทศางค์(สิบลด)และเครื่องบูชา
หากพวกเขานำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลังพระนิเวศของพระเจ้า
พระเจ้าจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ และเทพรอย่างล้นไหลมาให้พวกเขา
พระองค์จะขจัดตัวทำลายไปจากพื้นดินของพวกเขา
แล้วประชาชาติทั้งสิ้นจะเรียกพวกเขาว่า “ผู้ที่ได้รับพระพร”
คนอิสราเอลได้กล่าวใส่ร้ายพระเจ้า ว่า
– การที่จะปรนนิบัติพระเจ้าก็เปล่าประโยชน์
– การรักษาพระบัญชาของพระองค์จะไม่เกิดผลดี
– คนอวดดีเป็นคนได้รับพร
– คนที่ประกอบการอธรรมก็เจริญขึ้น
– คนที่ทดลองพระเจ้าก็ไม่ถูกลงโทษ
แล้วคนที่เกรงกลัวพระเจ้าจะพูดคุยกัน
พระเจ้าทรงฟังและทรงได้ยิน
มีหนังสือบันทึกชื่อ ผู้ที่เกรงกลัวและยกย่องพระเจ้า เอาไว้
คนเหล่านั้นจะเป็นกรรมสิทธิ์พิเศษของพระเจ้า
ในวันที่พระเจ้าจะประกอบกิจ พระเจ้าจะเมตตาคนเหล่านี้
ดังชายที่เมตตาบุตรผู้ปรนนิบัติเขา
แล้วเจ้าจะสังเกตเห็นความแตกต่าง
ระหว่าง คนชอบธรรม และ คนอธรรม
ระหว่าง คนที่ปรนนิบัติพระเจ้า กับ คนที่ไม่ปรนนิบัติพระองค์
ได้อีกครั้งหนึ่ง
1. เมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาในโลกนี้
ตั้งแต่นั้นมา ไม่มีใครทนอยู่ได้
ที่จะสามารถยืนขึ้นแล้ว ภาคภูมิใจในความชอบธรรมของตน
(เช่น พระองค์สอนว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยใจกำหนัด ก็ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว)
พระองค์เป็นประดุจไฟถลุงแร่
โดยพระเยซูคริสต์นั้น แร่ที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกจึงถูกถลุงให้บริสุทธ์
จนคนที่วางใจในพระองค์ สามารถถวายความชอบธรรม เป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้าได้
และพระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องบูชานั้น
ขอบคุณพระเยซู โดยพระองค์เราจึงเป็นคนชอบธรรมแล้ว
2. พระเจ้าทรงเรียกให้ประชากรของพระเจ้า กลับมาหาพระองค์
โดยละทิ้งสิ่งที่ผิด หันกลับมาทำสิ่งที่ถูกต้อง ตามพระคำของพระเจ้า
เช่น พวกเขาละเลยการถวายสิบลด จึงขาดพระพร แต่เต็มไปด้วยความขัดสน และความยุ่งยากในชีวิต
ถ้าพวกเขาหันกลับมาถวายแด่พระเจ้าด้วยจริงใจ
พวกเขาจะได้ชื่อว่า “ผู้ที่ได้รับพระพร”
วันนี้ ถ้าเรากลับใจจากสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
หันมาดำเนินตามทางของพระเจ้า สิ่งร้ายจะถูกหันออกไปจากชีวิตของเรา
และพระพรเหลือล้น จะหลั่งไหลเข้ามาสู่ชีวิตของเรา
3. คนที่พูดหรือสอน ขัดแย้งกับพระคำของพระเจ้า
กำลังใส่ร้ายพระเจ้าพวกเขา พระองค์พูดโกหก
ขอให้สิ่งนี้ห่างไกลจาก เราผู้เป็นประชากรของพระเจ้าเถิด
4. ในวันสุดท้ายจะเห็นความแตกต่าง
ระหว่าง คนชอบธรรม และ คนอธรรม
ระหว่าง คนที่ปรนนิบัติพระเจ้า กับ คนที่ไม่ปรนนิบัติพระองค์
วันนี้ อาจจะดูไม่แตกต่าง แต่อีกไม่นาน
สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้นั้น ก็จะเกิดขึ้นเป็นจริง
คำคม
“ การไม่เชื่อในพระสัญญาของพระเจ้า เป็นการใส่ร้ายพระองค์ ”