ภาพรวม
- ยอห์น บทที่ 4 พระเยซูสนทนากับหญิงสะมาเรียที่บ่อน้า แล้วนางก็นำคนสะมาเรียมากมายมาหาพระเยซู และพระเยซูทรงรักษาลูกของข้าราชที่หมู่บ้านคานา
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
ยอห์น บทที่ 4
พระเยซูออกจากแคว้นยูเดีย กลับไปที่แคว้นกาลิลี
จำเป็นต้องผ่านแคว้นสะมาเรีย
มาถึงเมืองหนึ่ง ชื่อ สิคาร์
บ่อน้ำของยาโคบก็อยู่ที่นั่น
เวลานั้นประมาณเที่ยง พระเยซูทรงเหน็ดเหนื่อย จึงนั่งลงที่ข้างบ่อนั้น
มีหญิงชาวสะมาเรียคนหนึ่ง มาตักน้ำ
พระเยซูจึงขอน้ำดื่มจากนาง
นางจึงถามว่า
ทำไมคนยิวอย่างพระองค์ จึงมาขอน้ำดื่มจากหญิงชาวสะมาเรีย?
(เพราะพวกยิวไม่คบหาพวกสะมาเรียเลย)
พระเยซูตอบ ว่า
ถ้านางรู้จักพระองค์ นางคงจะขอน้ำดำรงชีวิตจากพระองค์
ทุกคนที่ดื่มน้ำนี้จะกระหายอีก
แต่คนที่ดื่มน้ำที่พระองค์จะให้กับเขานั้น จะไม่มีวันกระหายอีกเลย
น้ำนั้นจะกลายเป็นบ่อน้ำพุในตัวเขา พลุ่งขึ้นถึงชีวิตนิรันดร์
นางจึงขอน้ำนั้นจากพระองค์ เพื่อนางจะได้ไม่ต้องมาตักที่นี่อีก
พระเยซูจึงให้นาง ไปเรียกสามีของนางมา
นางทูล ว่า “ไม่มีสามี”
พระเยซูตรัสกับนางว่า
นางพูดถูกที่ว่า ไม่มีสามี
เพราะนางมีสามีถึง 5 คนแล้ว และคนที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่สามีของนาง
นางทูล ว่า
นางเห็นจริงๆ แล้วว่าพระองค์เป็นผู้เผยพระวจนะ
บรรพบุรุษของนางนมัสการที่ภูเขานี้
แต่พวกยิวบอกว่าต้องนมัสการที่เยรูซาเล็ม
แล้วใครพูดถูกกันแน่?
พระเยซูตรัส ว่า
สักวันหนึ่งที่ ผู้ที่นมัสการพระบิดา ไม่ได้ใช่นมัสการทั้งที่ภูเขานี้หรือที่เยรูซาเล็ม
ที่นมัสการอย่างแท้จริงจะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง
เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้น มานมัสการพระองค์
นางทูล ว่า
“ดิฉันทราบว่าพระเมสสิยาห์ จะมาชี้แจงทุกสิ่งแก่เรา”
พระเยซูตรัส ว่า
พระองค์ คือ ผู้นั้น
นางก็ทิ้งหม้อน้ำไว้และเข้าไป ในเมืองบอกพวกชาวบ้าน
คนทั้งหลายจึงพากันออก มาหาพระองค์
พระเยซูตรัสกับสาวกว่า
พระองค์มีอาหารรับประทานที่พวกเขาไม่รู้
อาหารของพระองค์ คือ การทำตามพระประสงค์ของพระบิดา และทำให้งานของพระบิดาให้สำเร็จ
พวกท่านบอกว่าอีกสี่เดือนจะถึงฤดูเกี่ยวข้าวแล้วไม่ใช่หรือ?
ส่วนเราบอกพวกท่านว่า เงยหน้าขึ้นดูนาเถิด ทุ่งนาเหลืองอร่ามและถึงเวลาเกี่ยวแล้ว
คนเกี่ยวกำลังได้รับค่าจ้างและกำลังรวบรวมพืชผลไว้สำหรับชีวิตนิรันดร์
เพื่อทั้งคนหว่านและคนเกี่ยวจะได้ชื่นชมยินดีด้วยกัน
แล้วชาวสะมาเรียจำนวนมาก ที่มาจากเมืองนั้นก็วางใจในพระองค์
พวกเขาจึงทูลเชิญพระองค์ให้ประทับกับเขา
และพระองค์ก็ประทับอยู่ที่นั่น 2 วัน
และจำนวนคนที่วางใจในพระองค์ก็เพิ่มขึ้น
หลังนั้นพระเยซูก็ไปที่แคว้นกาลิลี
ชาวกาลิลีก็ต้อนรับพระองค์
เพราะพวกเขาเห็นทุกสิ่งที่พระองค์ทรงทำในเทศกาลที่กรุงเยรูซาเล็ม
พระเยซูไปที่หมู่บ้านคานา อีก
ข้าราชการคนหนึ่ง ที่คารเปอรนาอูม มีลูกป่วยหนัก
จึงไปอ้อนวอนพระเยซู ให้ไปรักษาลูกของตน
พระเยซูตรัสกับเขา ว่า
“ถ้าพวกท่านไม่เห็นหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ท่านก็จะไม่เชื่อ”
พระเยซูตรัสกับเขาว่า
“กลับไปเถิด ลูกของท่านจะไม่ตาย”
ชายคนนั้นเชื่อ จึงกลับไป
ในเวลานั้นลูกของเขาก็หายเป็นปกติ
1. พวกสาวกเห็นว่า ทุ่งนายังเขียวอยู่ อีก 4 เดือน ถึงจะเกี่ยวได้
แต่พระเยซูชี้ให้เห็นในมุมฝ่ายวิญญาณ บัดนี้เป็นเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว
และพระเยซูก็เริ่มเก็บเกี่ยวชาวสะมาเรียเข้าในแผ่นดินของพระเจ้า
สำหรับใครบางคนที่เราพบเจอ
เราอาจจะคิดว่า วันนี้พวกเขายังไม่พร้อม ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะได้ยินข่าวประเสริฐ
แต่ความจริงในฝ่ายวิญญาณนั้น
วันนี้ เป็นเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว รอไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
จะประกาศข่าวประเสริฐกับคนเหล่านั้นที่เราพบเจอเถิด
2. ตอนแรกข้าราชการที่ลูกชายป่วยหนัก ต้องการเห็นการอัศจรรย์ จึงจะเชื่อ
แต่เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำของพระเยซู ท้าทายให้เขา ทำโดยใช้ความเชื่อ
ให้กลับไปบ้าน ทั้งที่พระเยซูยังไม่ทำอะไร และไม่ได้กลับไปกับเขา
เขาเลือกที่จะเชื่อ และทำตาม
ทั้งที่ดูไม่สมเหตุสมผล
แล้วเขาก็ได้เห็นการอัศจรรย์
3. การประยุกต์ใช้ ยอห์น บทที่ 4 ยังมีอีก สามารถอ่านได้จากลิ้งนี้ครับ
http://bit.ly/2YOzahC
คำคม
“ เชื่อก่อนแล้วจึงจะเห็น ไม่ใช่เห็นก่อนแล้วค่อยเชื่อ ”