ภาพรวม
- ยอห์น บทที่ 7 พระเยซูเสด็จไปในงานเทศกาลที่เยรูซาเล็ม และประกาศว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
ยอห์น บทที่ 7
พระเยซูไปตามที่ต่างๆ ในแคว้นกาลิลี ไม่ต้องการไปแคว้นยูเดีย
เพราะพวกยิวหาโอกาสฆ่าพระองค์
ขณะนั้นใกล้จะถึงเทศกาลอยู่เพิงของพวกยิวแล้ว
พวกน้องๆ ของพระเยซูจึงทูล ว่า
ให้พระเยซูไปแคว้นยูเดีย เพื่อให้พวกสาวกเห็นกิจการที่กำลังทำอยู่
เพราะถ้าอยากดัง ก็จงแสดงตัวให้ปรากฏต่อโลกเถิด
พวกน้องๆไม่ได้วางใจในพระองค์
พระเยซูตอบ ว่า
ยังไม่ถึงเวลาของพระองค์ที่จะไป แต่เวลาของพวกน้องๆ นั้นไปได้ทุกเมื่อ
แล้วพระองค์ก็อยู่ในแคว้นกาลิลีต่อไป
หลังจากพวกน้องๆ ขึ้นไปที่งานเทศกาลนั้นแล้ว
พระองค์ก็เสด็จตามขึ้นไปด้วย อย่างเงียบๆ
พวกยิวมองหาพระเยซูในงานเทศกาลนั้น
ฝูงชนก็ซุบซิบกันอย่างมากเรื่องพระองค์
แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงพระองค์อย่างเปิดเผย เพราะกลัวพวกยิว
เมื่อถึงกลางเทศกาล พระเยซูได้ไปสั่งสอน ในบริเวณพระวิหาร
พระเยซูตรัส ว่า
คำสอนของพระองค์ เป็นของผู้ทรงใช้พระองค์มา
ถ้าใครตั้งใจประพฤติตามพระประสงค์ของพระเจ้า
คนนั้นก็จะรู้ว่า คำสอนนี้มาจากพระเจ้า หรือว่าพระเยซูพูดตามใจชอบเอง
คนที่พูดตามใจชอบเอง ย่อมแสวงหาเกียรติสำหรับตนเอง
แต่คนที่แสวงหาเกียรติให้ผู้ที่ใช้ตนมา
คนนั้นเป็นคนจริง ไม่มีอธรรมในตัวเขาเลย
โมเสสให้พวกเขาเข้าสุหนัต
และพวกเขาก็ยังให้คนเข้าสุหนัต ในวันสะบาโต
ถ้าในวันสะบาโตคนยังเข้าสุหนัต
เพื่อไม่ให้ละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสสแล้ว
พวกเขายังจะโกรธพระเยซู ที่ทำให้ชายคนหนึ่งหายเป็นปกติ ในวันสะบาโตหรือ?
แล้วชาวกรุงเยรูซาเล็ม เริ่มคิดกันว่า
พระเยซูอาจจะเป็นพระคริสต์ ใช่หรือไม่?
แต่เมื่อพระคริสต์เสด็จมา จะไม่มีใครรู้เลยว่าพระองค์มาจากไหน
แล้วพระเยซูก็ทรงประกาศ ว่า
พวกเขารู้จักพระองค์ และรู้ว่าพระองค์มาจากไหน
แต่พวกเขาไม่รู้จักพระองค์ ผู้ใช้พระเยซูมา
(จึงเรียกได้ว่า พวกเขาไม่รู้ว่าพระเยซูมาจากไหน)
พวกเขาจึงหาโอกาสจับพระองค์
แต่ไม่มีใครยื่นมือแตะต้องพระองค์
เพราะยังไม่ถึงกำหนดเวลาของพระองค์
มีประชาชนหลายคน วางใจในพระองค์
พวกหัวหน้าปุโรหิตและพวกฟาริสี ได้ใช้เจ้าหน้าที่ไปจับพระองค์
แต่ก็ไม่สำเร็จ
พระเยซูตรัส ว่า
ต่อไปอีกไม่นาน แล้วจะกลับไปหาผู้ที่ทรงใช้เรามา
แล้วพวกเขาจะแสวงหาพระองค์ แต่จะไม่พบ
และที่ที่พระองค์อยู่นั้น พวกเขาจะเข้าไปไม่ได้
ในวันสุดท้ายของงานเทศกาล ซึ่งเป็นวันยิ่งใหญ่นั้น
พระเยซู ประกาศว่า
ถ้าใครกระหาย ให้คนนั้นมาหาพระองค์ และดื่ม
ผู้ที่วางใจในพระองค์ แม่น้ำที่มีน้ำดำรงชีวิตจะไหลออกมาจากภายในคนนั้น
แล้วฝูงชนก็เริ่มขัดแย้งเถียงกัน ว่า
พระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ใข่หรือไม่?
บางคนอยากจะจับพระองค์
แต่ไม่มีใครยื่นมือแตะต้องพระองค์เลย
นิโคเดมัส ได้พูดกับพวกผู้ใหญ่ของยิว ว่า
“กฎหมายของเรา ไม่เคยพิพากษาคน โดยที่ยังไม่ได้ฟังเขาก่อน”
พวกเขาตอบนิโคเดมัสว่า
“ท่านก็มาจากกาลิลีด้วยหรือ?
ไม่มีผู้เผยพระวจนะเกิดขึ้นจากกาลิลี”
1. เด็กชายชาวยิวต้องเข้าสุหนัต เมื่อมีอายุได้ 8 วัน
เด็กบางคนครบ 8 วัน ในวันสะบาโตพอดี
ตามคำสอนของพวกธรรมาจารย์ อนุญาตให้เข้าสุหนัตเด็กเหล่านั้นได้ ในวันสะบาโต
เพื่อคงรักษาการทำตามบัญญัติของโมเสส แบบตรงตามตัวอักษร
พระเยซูบอกว่า แล้วการที่พระองค์รักษาโรคคนให้หายเป็นปกติ
ซึ่งเป็นการทำตามบัญญัติที่สำคัญกว่าด้วยซ้ำไป
บางคนพยายามทำตามกฏเกณฑ์ ที่ถือปฏิบัติมา อย่างเคร่งครัด
แต่กลับละเลยสิ่งที่พระเจ้าอยากให้ทำ เช่นการสำแดงความรักแก่ผู้อื่น
หรือการเชื่อฟัง การยอมจำนนกับพระเจ้า
ไม่ว่าเราจะเลือกทำหรือไม่ทำอะไรก็ตาม
จงระลึกถึงความรู้สึกของพระเจ้าเป็นสำคัญ ว่า
พระองค์ทรงรู้สึกอย่างไรกับสิ่งนี้?
มากกว่าสนใจว่า
ตามธรรมเนียมปฏิบัติเขาทำกันอย่างไร?
2. คนที่กระหาย ได้แก่ คนที่กำลังทุกข์ใจ อับจนหนทาง เหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
ให้คนนั้นมาหาพระเยซู และ วางใจในพระองค์
แล้วปาฏิหารย์จะเกิดขึ้น
เขาจะพ้นจากความกระหายอย่างสิ้นเชิง
จากนี้ไป ไม่ต้องตักน้ำที่ไหนแล้ว
เพราะจะมีแม่น้ำไหลออกมาจากภายในคนนั้น เลยทีเดียว
เขาไม่เพียงแต่จะไม่กระหายอีกต่อไป
แต่เขายังจะกลายเป็นแหล่งน้ำให้แก่ผู้กระหายคนอื่นอีกด้วย
และแม่น้ำที่ไหลออกมาจากตัวเขานี้ ไม่ใช่เป็นเพียงน้ำดับกระหายธรรมดา
แต่เป็นน้ำที่มีน้ำดำรงชีวิต
นอกจากดับกระหาย ยังจะทำให้สิ่งที่ตายกลับมีชีวิตขึ้นอีกด้วย
สรรเสริญพระเจ้า เราผู้ที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ ไม่จำเป็นต้องกระหายอีกต่อไป
และเรายังเป็นแหล่งน้ำที่ช่วยผู้อื่นที่กระหาย
และเป็นพระพรให้คนอื่นที่ไร้ชีวิต กลับมีชีวิตได้อีกด้วย
3. การประยุกต์ใช้ ยอห์น บทที่ 7 ยังมีอีก สามารถอ่านได้จากลิ้งนี้ครับ
http://bit.ly/2JwNINN
คำคม
“ ผู้ที่วางใจในพระเยซูคริสต์ จะมีพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่กับเขาตลอดไป ”