ภาพรวม
- ยอห์น บทที่ 12 พระเยซูรับการชโลมที่เบธานี แล้วเสด็จเข้าเยรูซาเล็มอย่างกษัตริย์ และทรงเรียกให้คนทั้งหลายไว้วางใจในพระองค์ เพื่อจะพบกับความสว่างแห่งชีวิต
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
ยอห์น บทที่ 12
ก่อนปัสกาหกวัน พระเยซูมาถึงหมู่บ้านเบธานี
พวกเขาจัดงานเลี้ยงพระองค์
มารีย์เอาน้ำมันหอมนารดาบริสุทธิ์ ราคาแพงมาก
มาชโลมเท้าของพระเยซู และเอาผมเช็ด
เรือนก็หอมฟุ้ง ไปด้วยกลิ่นน้ำมันนั้น
ยูดาส อิสคาริโอท ห้ามเธอ
แต่พระเยซูตรัสว่า อย่าห้ามเธอเลย
พวกยิวจำนวนมาก มาเฝ้าพระองค์ และมาดูลาซารัส ผู้เป็นขึ้นมาจากตาย
ดังนั้นพวกหัวหน้าปุโรหิต จึงคิดจะฆ่าลาซารัสด้วย
เพราะลาซารัสทำให้พวกยิวหลายคน วางใจในพระเยซู
วันรุ่งขึ้น พระเยซูเสด็จมาถึงกรุงเยรูซาเล็ม
ประชาชนก็ถือทางอินทผลัม พากันออกไปต้อนรับพระองค์ ร้องว่า
“โฮซันนา ขอให้พระองค์ผู้เสด็จมาในพระนามขอพระเจ้า ทรงพระเจริญ”
และพระเยซูทรงนั่งลูกลาตัวหนึ่ง
ภายหลังเมื่อพระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว
พวกสาวกจึงเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น
พวกฟาริสีจึงพูดกันว่า
ดูซิ โลกตามเขาไปหมดแล้ว
พวกกรีกที่มาในงานเทศกาล อยากจะเห็นพระเยซู จึงไปบอกฟีลิป
ฟีลิปและแอนดรูว์ จึงไปทูลพระเยซู
พระเยซูตอบ ว่า
ถึงเวลาแล้วที่บุตรมนุษย์จะได้รับพระเกียรติ
ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงดินและตายไป ก็จะคงอยู่เมล็ดเดียว
แต่ถ้าตายไปแล้วก็จะงอกขึ้นเกิดผลมาก
คนที่รักชีวิตตัวเองต้องเสียชีวิต
และคนที่เกลียดชังชีวิตตัวเองในโลกนี้ จะรักษาชีวิตนั้นไว้นิรันดร์
ถ้าใครจะปรนนิบัติพระองค์ คนนั้นต้องตามพระองค์มา
เดี๋ยวนี้ใจของพระองค์เป็นทุกข์ แต่เพื่อจุดประสงค์นี้เอง
แล้วก็มีพระสุรเสียงดังมาจากฟ้าว่า
“เราให้รับเกียรติแล้ว และเราจะให้รับเกียรติอีก”
ฝูงชนที่อยู่ที่นั่นได้ยินเสียงนั้น นึกว่าฟ้าร้อง
พระเยซูตรัส ว่า
เสียงนี้เกิดขึ้นเพื่อพวกเขา ไม่ใช่เพื่อพระองค์
เดี๋ยวนี้การพิพากษามาถึงโลกนี้แล้ว
เดี๋ยวนี้ผู้ครองโลกนี้จะถูกกำจัดออกไป
เมื่อพระองค์ถูกยกขึ้นจากแผ่นดินโลกแล้ว
พระองค์จะชักนำทุกคนให้มาหาพระองค์
พระเยซูตรัสกับฝูงชน ว่า
ความสว่างจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาอีกหน่อยหนึ่ง
เมื่อยังมีความสว่างอยู่ก็จงเดินไปเถิด
เพื่อที่ว่าความมืดจะได้ตามพวกเขาไม่ทัน
คนที่เดินอยู่ในความมืดย่อมไม่รู้ว่าตนไปทางไหน
ขณะที่พวกเขามีความสว่าง จงวางใจในความสว่างนั้น
เพื่อจะได้เป็นลูกของความสว่าง
แม้ว่าพระเยซูทรงทำหมายสำคัญ มากมายหลายอย่าง ให้พวกเขาเห็น
พวกเขาก็ยังไม่วางใจในพระองค์
แต่ในพวกเจ้าหน้าที่เอง ก็มีหลายคนวางใจในพระเยซู แต่ไม่กล้าเปิดเผยเพราะกลัวจะถูกขับออกจากธรรมศาลา
เพราะว่าพวกเขารักการชมของมนุษย์ มากกว่าการชมของพระเจ้า
พระเยซูตรัส ว่า
พระองค์เข้ามาในโลกเป็นความสว่าง
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระองค์จะไม่อยู่ในความมืด
ถ้าใครไม่ยอมรับพระเยซู และไม่รับคำของพระองค์
คำที่พระองค์กล่าวแล้วนั่นแหละ จะพิพากษาพวกเขาในวันสุดท้าย
1. พระเยซูตรัสว่า เดี๋ยวนี้การพิพากษามาถึงโลกนี้แล้ว
มารซาตานผู้ครองโลกนี้ จะถูกกำจัดออกไป
เมื่อพระองค์ตายบนไม้กางเขนแล้ว
พระองค์จะชักนำทุกคนให้มาหาพระองค์
โดยการตายของพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน มารซาตานจึงไม่ใช่ผู้ครองโลกนี้อีกต่อไป
เมื่อก่อนมันได้สิทธินี้ เมื่ออาดัม เชื่อฟังมัน กินผลไม้ต้องห้ามในสวนเอเดน
แต่บัดนี้พระเยซูคริสต์ และผู้ที่อยู่ในพระองค์ เป็นผู้มีสิทธิอำนาจ ในโลกนี้
เราผู้อยู่ในพระเยซูคริสต์ ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงอำนาจของมารซาตานอีกต่อไป
เราสามารถใช้สิทธิอำนาจเหนือมารซาตานและสมุนของมันได้
2. คนที่เดินในความสว่าง ความมืดจะได้ตามพวกเขาไม่ทัน
พวกเขารู้ว่าตนจะไปทางไหน
เราเดินในความสว่างได้ โดยวางใจในความสว่างนั้น
แล้วเราจะได้เป็นลูกของความสว่าง
และเป็นผู้เดินในความสว่าง
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นความสว่าง
คนที่วางใจในพระเยซูคริสต์ จะได้เป็นบุตรของพระเจ้า
และพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในเขา จะนำทางเขาให้เดินไปในทางของพระเจ้า
3. การประยุกต์ใช้ ยอห์น บทที่ 12 ยังมีอีก สามารถอ่านได้จากลิ้งนี้ครับ
http://bit.ly/2LOtu3x
คำคม
“ ทุกคนที่วางใจในพระเยซู จะไม่อยู่ในความมืดอีกต่อไป ”