ภาพรวม
- สดุดีบทนี้กล่าวถึงกษัตริย์ที่เต็มด้วยสง่าราศีและพระราชินีที่ได้รับศักดิ์ศรี ซึ่งเล็งถึงพระคริสต์และคริสตจักร
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
สดุดี บทที่ 45 พระคริสต์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศีและเราจะได้รับสง่าราศีร่วมกับพระองค์
สดุดีบทนี้ยกย่องพระคริสต์ผู้ทรงเป็นจอมกษัตริย์ คริสตจักรเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์
ข้าแต่กษัตริย์ผู้ทรงอำนาจ
พระองค์งามสง่ายิ่งกว่ามนุษย์คนใด และทรงเต็มไปพระคุณ
พระองค์ทรงเต็มด้วยพระสิริและความสง่างาม
พระองค์ทรงสัตย์จริง ทรงสุภาพอ่อนโยนและ ทรงความชอบธรรม
พระที่นั่งของพระองค์ซึ่งพระเจ้าประทานนั้นดำรงอยู่เป็นนิตย์นิรันดร์
พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและทรงเกลียดการอธรรม
พระเจ้าของพระองค์ทรงเจิมพระองค์ไว้ ด้วยน้ำมันแห่งความยินดี
พระราชินีทรงเครื่องประดับสง่างามยืนที่ข้างขวาพระหัตถ์พระองค์
จงบอกพระนางว่า จงลืมบ้านและชนชาติของพระนางเสีย
และพระราชาจะทรงปรารถนาความงามของพระนาง
เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นเจ้านายของพระนาง จงโน้มตัวลงคำนับพระองค์เถิด
ผู้คนจะเอาของกำนัลมาถวายพระนางและจะขอความโปรดปรานจากพระนาง
พระนางถูกนำเข้าเฝ้าพระราชา และบรรดาเพื่อนเจ้าสาว ก็ถูกนำมาเข้าเฝ้าพระองค์
ด้วยความยินดีและความเปรมปรีดิ์ ทั้งหมดเข้าไปในพระราชวัง
พระองค์จะทรงแต่งตั้งบรรดาพระโอรสของพระองค์ให้เป็นเจ้าปกครองทั่วทั้งแผ่นดินโลก
ข้าพระองค์จะเชิดชูพระองค์ ตลอดทุกชั่วชาติพันธุ์
ชนชาติทั้งหลายจะยกย่องพระองค์เป็นนิตย์
1. สดุดีบทนี้กล่าวถึงพระคริสต์ กษัตริย์ผู้จะเสด็จมา ว่า
ทรงเต็มด้วยพระสิริและความสง่างาม ทรงสุภาพอ่อนโยนและชอบธรรม
เราทั้งหลายผู้เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์
จึงจะได้รับศักดิ์ศรี และความสง่างามอย่างยิ่ง เนื่องจากพระองค์
หากเราตระหนักว่า ต่อไปภายหน้าเราจะได้รับศักดิ์ศรีมากมาย สักเพียงใด
เราก็จะยิ่งดำเนินชีวิตขณะอยู่ในโลกนี้ ให้สมศักดิ์ศรี ที่พระเจ้าจะทรงมอบให้มากเพียงนั้น
2. สดุดีพูดถึงพระราชินี(คริสตจักรของพระคริสต์) ว่า
ให้พระนางลืมบ้านและชนชาติของตนเสีย
เพราะพระนางไม่ใช่คนของชนชาติเดิมอีกต่อไป
เราผู้เป็นประชากรของพระเจ้า สมควรที่จะเลิกสนใจค่านิยมของโลกนี้
แม้เมื่อก่อนเราสนใจ และเป็นสิ่งสำคัญมากในชีวิต
แต่บัดนี้ เราเป็นประชากรของพระเจ้าแล้ว
สิ่งที่เราควรสนใจ ไม่ใช่สิ่งของในโลกนี้
แต่เป็นการทำให้พระเจ้าของเราพอพระทัย ขณะที่เรากำลังดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้
คำคม
“ เราผู้เป็นประชากรของพระเจ้าบนสวรรค์ สมควรดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม เมื่ออยู่บนโลกนี้ ”