ภาพรวม
- สดุดีบทนี้กล่าวถึง คนที่วางใจในความมั่งคั่งของตนเอง ไม่ไว้วางใจในพระเจ้า ในที่สุดเขาจะพบในความพินาศตลอดไป
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
สดุดี บทที่ 49 คนที่วางใจในความมั่งคั่ง เป็น คนเขลาอย่างยิ่ง
ชนชาติทั้งสิ้นเอ๋ย จงฟังข้อความแห่งปัญญา
ทำไมข้าพเจ้าจะต้องกลัว เมื่อความชั่วของผู้ข่มเหงรายล้อมข้าพเจ้า?
คือพวกเขาที่วางใจในทรัพย์สินของตัว และโอ้อวดความมั่งคั่งของตน
ไม่มีใครไถ่ ตัวเขาหรือพี่น้องของเขา ต่อพระเจ้า ได้
เพราะค่าไถ่ชีวิต เพื่อให้เขามีชีวิตตลอดไปนั้นแพงมาก และไม่เคยพอเลย
ไม่ว่าจะใช้ทรัพย์มากเพียงใดก็ไม่เพียงพอ
ทั้งคนมีปัญญาและคนเขลา ก็ล้วนแต่ต้องตายเหมือนกัน
และละทรัพย์สินของตนแก่คนอื่น
ถึงเขาเคยเรียกที่ดินของตัวตามชื่อของตน
แต่ในที่สุดก็จะไม่มีสิทธิในที่ดินนั้น
มนุษย์แม้มั่งคั่งก็ไม่อาจยืนยงอยู่ได้
คนโง่เขลา และกับคนที่ติดตามเขา ก็พินาศเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน
แดนคนตายจะเป็นบ้านของพวกเขา
แต่พระเจ้าจะทรงไถ่ชีวิตข้าพเจ้าจากเงื้อมมือของแดนคนตาย
เพราะพระองค์จะทรงรับข้าพเจ้าไว้
อย่ากลัว เมื่อใครมั่งมีขึ้น หรือศักดิ์ศรีเพิ่มพูนขึ้น
เพราะเมื่อเขาตาย เขาจะเอาอะไรไปไม่ได้เลย
ศักดิ์ศรีของเขาจะไม่ลงไปกับเขา
มนุษย์แม้มั่งคั่งแต่หากปราศจากความเข้าใจ
เขาก็พินาศเหมือนสัตว์เดียรัจฉาน
1. คนที่วางใจในทรัพย์สินเงินทอง สักวันเขาจะรู้ความจริงว่า
สิ่งเหล่านั้นช่วยพวกเขาไม่ได้เลย
คนที่วางใจในพระเจ้า
ทั้งในวันนี้ และวันหน้า เขาจะรู้ว่า พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์ทรงช่วยเขาได้
2. สิ่งที่มนุษย์ครอบครองอยู่วันนี้ ต่อไปก็จะไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
แม้แต่ที่ดินที่เคยเรียกด้วยชื่อของเขา ในอนาคตก็จะไม่ใช่ของเขาอยู่ดี
จงฉลาดพอที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ใช่เพื่อสิ่งของชั่วคราวเหล่านี้
แต่อยู่เพื่อศักดิ์ศรีนิรันดร์ในอนาคต
3. คนอธรรมที่มั่งคั่งขึ้น หรือมีศักดิ์ศรีเพิ่มขึ้น
เมื่อเขาตายไป ความมั่งคั่งและศักดิ์ศรี จะไม่ได้ตามเขาไปด้วย
แต่จะเป็นสิ่งกล่าวโทษเขาในสิ่งที่เขาทำ
ส่วนคนที่ให้พระเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเขา
เมื่อเขาตายไป เขาจะได้รับรางวัลในสิ่งที่เขาทำเพื่อพระองค์ ขณะที่เขาอยู่บนโลกนี้
คำคม
“ เมื่อตายเราเอาอะไรไปไม่ได้เลย แต่เราจะได้รับผลของสิ่งที่เราทำไว้ในโลกนี้ ”