ภาพรวม
- สุภาษิต บทที่ 18 เตือนสิ่งที่โง่เขลาซึ่งไม่ควรทำ และแนะนำให้ทำสิ่งที่ควรทำ และได้กล่าวถึงความจริงของชีวิตบางประการ
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
สุภาษิต บทที่ 18
เทคนิคการเป็นคนโง่เขลา
– แยกตัวไปจากผู้อื่นตลอดเวลา
– แสดงความคิดเห็นของตน มากกว่าฟังความคิดของคนอื่น
– หมิ่นประมาทคนอื่น
– ลำเอียงเข้าข้างคนชั่ว
– เอาความยุติธรรมไปจากคนชอบธรรม
– ใช้ปากหาเรื่อง ชวนทะเลาะอยู่เสมอ
– อยากพูดอะไรก็พูดไปเลย ไม่ต้องยั้งคิด
– ซุบซิบนินทาเสมอ เมื่อมีโอกาส
– ขี้เกียจตลอดเวลา
– คิดเสมอว่า เงินช่วยแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
– หยิ่งผยอง และยโส เข้าไว้
– เวลามีคนถามอะไร ไม่ต้องรอให้เขาถามจบก่อน แย่งตอบเลยทันที
แต่คนมีปัญญานั้นจะใช้ปากเป็นพระพร พึ่งพาพระเจ้าอยู่เสมอ และถ่อมตัวตลอดเวลา
ต่อไปนี้เป็นความจริงของชีวิต
ก. จิตใจชอกช้ำ ทรมานยิ่งกว่าความเจ็บป่วย
ข. คนที่มีความเข้าใจจะได้ความรู้
ค. ของกำนัลทำให้เข้าถึงผู้มีอำนาจ
ง. สิ่งที่ตอนแรกดูเหมือนจะถูก แต่เมื่อถูกสอบสวนอาจจะผิดก็ได้
จ. กฏกติกาที่ชัดเจน ป้องกันการทะเลาะวิวาท
ฉ. ความหมางใจของพี่น้องก็ยากจะคืนดีกัน
ช. ความเป็น ความตาย อยู่ที่อำนาจของลิ้น(คำพูด)
ซ. คนที่มีภรรยาที่ดี ได้รับพระพรจากพระเจ้ามาก
ฌ. คนรู้ตัวว่ายากจนจะใช้คำวิงวอน
ญ. มีสหายบางคนที่รักเรายิ่งกว่าพี่น้อง
1. ทางของคนโง่เขลา เต็มไปด้วยอันตรายและปลายทางเป็นหายนะ จงหลีกออกมาให้ห่างไกล
แล้วเข้ามาเดินในทางของคนมีปัญญา
2. ความจริงของชีวิต สะท้อนให้เห็นพระคริสต์ ดังนี้
(ในพระคัมภีร์เดิม เมื่อเราเชื่อมโยงเข้ากับพระคริสต์ จะพบความหมายฝ่ายวิญญาณที่ลึกซึ้งมากมาย)
ก. พระเยซูทรงพบกับจิตใจชอกช้ำ ซึ่งทรมานยิ่งกว่าความเจ็บทางร่างกาย แทนเรา
มธ. 26:38 จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ใจของเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงอยู่ที่นี่และเฝ้าระวังกับเรา”
ข. พระเยซูทำให้เราเข้าใจความรักของพระเจ้า เราจึงรับรู้ความรักของพระเจ้าได้
ยน. 14:7 “ถ้าพวกท่านรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็จะรู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์”
ค. เมื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ ไม่สมควรไปมือเปล่า พระเยซูทรงให้ชีวิตของพระองค์เองแก่เรา เพื่อเป็นเครื่องบูชาเมื่อเข้าเฝ้าต่อพระพักตร์พระบิดา
ฮบ. 10:12 “แต่เมื่อพระคริสต์ทรงถวายเครื่องบูชาเพื่อลบบาปเพียงครั้งเดียวสำหรับตลอดไปแล้ว พระองค์ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้า”
ง. เดิมคนยิวคิดว่าการทำตามธรรมบัญญัติแบบเป็นพิธีของเขาดีเลิศแล้ว แต่เมื่อพระเยซูมาทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์ จึงรู้ว่าความชอบธรรมที่พวกทำนั้นใช้การไม่ได้เลย
มธ. 5:17 “…เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ”
จ. พระเจ้ากำหนดกติกาไว้แล้ว เพื่อแยกปลายทางของคนชอบธรรม กับ คนบาป ออกจากกัน
กติกาเดิมคือ ต้องทำตามธรรมบัญญัติจึงชอบธรรม แต่เมื่อมนุษย์ทำไม่ได้ พระเจ้าให้กติกาใหม่ คือ เชื่อวางใจในพระเยซูจะได้เป็นคนชอบธรรม
รม. 3:22 “คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์แก่ทุกคนที่เชื่อ โดยไม่ทรงถือว่าเขาแตกต่างกัน”
ฉ. ความหมางใจระหว่างพี่น้องยากจะคืนดีกัน แต่โดยทางพระเยซูคริสต์ เราได้กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกัน
อฟ. 2:14 “เพราะว่าพระองค์เองทรงเป็นสันติภาพของเรา โดยร่างกายของพระองค์ ทรงทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นหนึ่งเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่แยกระหว่างสองฝ่ายคือการเป็นศัตรูกัน”
ช. การต้อนรับเชื่อพระเยซูด้วยปากอย่างจริงใจ ช่วยคนนั้นให้พ้นจากความตาย ไปสู่ชีวิต
รม. 10:9 “คือว่าถ้าท่านจะยอมรับด้วยปากของท่านว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในใจว่า พระเจ้าได้ทรงให้พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด”
ซ. พระเจ้าประทานคริสตจักรให้เป็นเจ้าสาวของพระคริสต์
ยน. 17:11 .”..ข้าแต่พระบิดาผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์ทรงพิทักษ์รักษาบรรดาคนที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ไว้โดยพระนามของพระองค์ เพื่อเขาจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเหมือนอย่างข้าพระองค์กับพระองค์ “
ฌ. คนรู้ตัวว่าตนเป็นคนยากจนฝ่ายวิญญาณ เป็นคนบาปที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า ย่อมวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระเยซู แล้วพวกเขาก็จะได้รับการช่วยให้รอดพ้นบาป
มธ. 5:3 “คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย”
ญ. พระเยซูทรงเป็นสหายของเรา ที่รักเรามากกว่าทุกคนที่รักเรา
ยน. 15:13 “ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน”
คำคม
“ พระเจ้าทรงเป็นป้อมปราการที่ลี้ภัยอันเข้มแข็ง แก่ทุกคนที่เข้ามาพึ่งพาพระองค์ ”