ภาพรวม
- สุภาษิต บทที่ 26 กล่าวถึงคนโง่ คนเกียจคร้าน และคนที่มีนิสัยที่เป็นอันตรายต่อตนเอง
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
สุภาษิต บทที่ 26
เกียรติไม่คู่ควรกับคนโง่
แต่การลงโทษคู่ควรกับคนโง่
เมื่อคนโง่ถาม เราจะตอบหรือไม่ต้องไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน
คนที่ไว้ใจคนโง่จะเดือดร้อน
สุภาษิตที่ดีๆ เมื่อคนโง่นำไปพูดกลับไม่มีประโยชน์
คนที่ให้เกียรติคนโง่ จะเจ็บตัว
คนที่จ้างคนโง่ ก็หาเรื่องเดือดร้อนมาใส่ตัว
แต่คนที่คิดว่า ตัวเองมีปัญญา ไร้อนาคตยิ่งกว่าคนโง่เสียอีก
คำแช่งสาปอย่างไม่สมควรย่อมไม่เกิดผล
คนเกียจคร้าน
– มีข้ออ้างเสมอ เพื่อไม่ต้องทำงาน
– นอนไม่อยากลุก
– ไม่คิดที่จะช่วยเหลือตนเอง
– มักคิดว่า ตัวเองฉลาดกว่าคนอื่น
คนที่ชอบไปยุ่งเรื่องทะเลาะวิวาทของคนอื่น จะเดือดร้อนเสียเอง
คนที่หลอกลวงคนอื่น แล้วบอกล้อเล่น จะถูกเกลียดชัง
เลิกนินทา การทะเลาะก็จะหยุดไป
คนที่ชอบทะเลาะ มักเป็นเหตุของการทะเลาะ
คนที่เกลียดผู้อื่น ก็เก็บการหลอกลวงไว้ภายใน
คนที่ขุดหลุมพรางจะตกลงไปเอง
คนพูดโกหก หรือป้อยอ ผู้อื่น จะพบความพินาศ
1. คนโง่ ไม่ได้หมายถึงคนคิดเลขไม่เก่ง แต่หมายถึงคนที่ไม่สนใจที่จะทำตามคำแนะนำของปัญญา ซึ่งปรากฏในพระคำของพระเจ้า
คนโง่จะพบปัญหามากมายในชีวิต
อย่างไรก็ดี คนที่คิดว่าตนเองฉลาด อาการหนักกว่าคนโง่เสียอีก
ดังนั้นเราควรถ่อมใจลง รับฟังคำแนะนำจากพระคำของพระเจ้า
เพื่อเราจะได้กลายเป็นคนมีปัญญา โดยไม่ได้คิดไปเองว่า ตนเองมีปัญญา ทั้งที่ไม่มี
2. คำแช่งสาปไม่สามารถตกลงบนทุกคน สำหรับบางคนมีบางอย่างที่เขาทำ เป็นเหตุผลให้คำแช่งสาปตกลงเขาได้
แต่สำหรับเราผู้อยู่ในพระเยซูคริสต์ คำแช่งสาป ไม่อาจตกลงบนเราได้ เพราะพระเยซูทรงรับคำแช่งสาปเพราะบาปต่างๆแทนเราไปหมดแล้ว
ขอบคุณพระเยซู
3. ความเกียจคร้าน สาเหตุหลักเกิดจากข้างในมนุษย์
การแก้ความเกียจคร้านอย่างแท้จริง จึงไม่ใช่การฝึกฝนพฤติกรรมภายนอก
แต่เป็นการให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เปลี่ยนเราจากภายใน
4. คนที่เกลียดคนอื่น แล้วแสร้งทำเป็นว่า ไม่ได้เกลียด
ก็กำลังเก็บการหลอกลวงไว้ในใจของตน
เนื่องจากถ้าแสดงออกมาว่าเกลียด อาจถูกคนดูแคลนได้
จึงแอบความเกลียดนั้นไว้ข้างใน
ทางออก ไม่ใช่การแสดงความเกลียดออกมา ซะเลยไม่ต้องซ่อนไว้
แต่เป็น การขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปลี่ยนจิตใจของเรา ให้สามารถยกโทษและไม่เกลียดคนๆนั้น โดยกำลังที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
คำคม
“ คนที่คิดว่าตนฉลาด จึงไม่ฟังใคร เป็นคนโง่ ยิ่งกว่าคนโง่ทั้งหลาย ”