ภาพรวม
- สุภาษิต บทที่ 30 กล่าวถึง ความจริงของชีวิตโดยใช้การเปรียบอย่างลึกซึ้งถึงสิ่งต่างๆรอบตัว
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
สุภาษิต บทที่ 30 เป็นถ้อยคำของอากูร์ ซึ่งน่าจะเป็นอาจารย์ในสมัยนั้น สอนลูกศิษย์ของเขา คือ อิธีเอลและอูคาล ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ว่าคนของเฮเซคียาห์ ได้คัดลอกไว้ เหมือนคัดลอกสุภาษิตของซาโลมอน(สภษ.25:1)
– คนที่เริ่มมีปัญญาอย่างแท้จริง ก็จะเริ่มรู้ตัวว่าตนโง่มากมายสักเพียงใด เมื่อเทียบกับพระสติปัญญาของพระเจ้า
– พระดำรัสของพระเจ้า ทุกคำ พิสูจน์แล้วว่า จริง
– พระเจ้าทรงเป็นโล่แก่ผู้ลี้ภัยในพระองค์
– เป็นอันตราย หากเพิ่มเติมความคิดเห็นของตนเอง เข้าไปปะปนกับพระวจนะของพระเจ้า
– 2 สิ่ง ที่น่าปรารถนาอย่างยิ่ง คือ เป็นคนที่พูดความจริงเสมอ และ เป็นคนที่ไม่รวยเกินไปจนลืมพระเจ้า ไม่จนเกินไปจนไม่ถวายเกียรติแด่พระองค์
– อย่ากล่าวร้ายคนรับใช้ให้นายของเขาฟัง
– ในโลกนี้มีคน 4 ประเภทแบบนี้ด้วย
1. แช่งพ่อแม่
2. คิดว่าตนเองบริสุทธิ์ ทั้งที่เต็มไปด้วยความโสโครก
3. เย่อหยิ่งยโส ถือดี
4. คอยเอาเปรียบและทำร้ายคนยากจน
สิ่งที่ไม่เคยอิ่ม คือแดนคนตาย ครรภ์ของหญิงหมัน แผ่นดินโลกที่ไม่อิ่มน้ำ และไฟที่เผาผลาญ
คนที่เยาะเย้ยหรือดูถูกพ่อแม่ จะพบหายนะ
ท่าทางที่ประหลาดล้ำเกินเข้าใจ ได้แก่ ท่าทางของนกอินทรีบนท้องฟ้า ท่าทางของงูบนหิน ท่าทางของเรือในท้องทะเล และท่าทางของชายหนุ่มต่อหญิงสาว
คนล่วงประเวณี ยิ่งทำไปจะยิ่งคิดว่า มันไม่ได้ชั่วร้ายอะไร
สิ่งที่ผิดปกติ ซึ่งถ้าเกิดขึ้นจะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา ได้แก่
> ทาสได้เป็นพระราชา
> คนโง่เขลาเมื่อกินอิ่ม
> หญิงที่ไม่มีใครรักเมื่อได้สามี
> สาวใช้เมื่อขึ้นมาแทนที่นายหญิง
สิ่งที่มีปัญญามากเหลือล้น
> มด ไม่แข็งแรง แต่มีอาหารไม่ขาดแคลน แม้ในยามแห้งแล้งที่มนุษย์ ผู้แข็งแรงกว่ามันขาดแคลน
> ตัวกระจงผา ไม่มีกำลัง แต่มีบ้านที่แข็งแกร่ง ยิ่งกว่าบ้านของมนุษย์ ผู้มีกำลังมากกว่ามัน
> ตั๊กแตนปาทังก้า ไม่มีราชา แต่มีระเบียบยิ่งกว่ามนุษย์ ผู้มีพระราชาปกครอง
> จิ้งจก ไม่มีเขี้ยวเล็บ แต่มันยังอยู่ในพระราชวัง ซึ่งมนุษย์ต้องใช้อาวุธและพลังมหาศาล เพื่อจะบุกยึดและเข้ามาอาศัยอยู่ได้
สิ่งที่เยื้องย่าง อย่างสง่างาม
คือ สิงโต พ่อไก่ที่เดินป้ออยู่ แพะผู้ และพระราชาท่ามกลางประชาชน
ถ้าคิดจะพูดยกย่องตนเอง จงเอามือปิดปากไว้
1. ยิ่งเราตระหนักว่าสติปัญญาของเราเล็กน้อยสักเพียงใดเมื่อเทียบกับพระสติปัญญาของพระเจ้า
เราก็จะยิ่งพึ่งพาพระเจ้า ในการดำเนินชีวิตและการตัดสินใจทุกอย่าง มากขึ้นเรื่อยๆ
2. ไม่ว่าเราจะจนหรือรวยเพียงใด สิ่งที่สำคัญที่สุดของฐานะเราในเวลานั้น ก็คือ
เรากำลังถวายเกียรติแด่พระเจ้ามากเพียงใด?
3. ถ้าคิดจะทำร้ายคนรับใช้ จงระวังนายของเขา
เราเป็นคนของพระเจ้า ใครคิดจะทำร้ายเรา ต้องระวังตัวให้ดี
และเราเองก็ควรระวังที่จะไม่ทำร้ายคนของพระเจ้า
4. คนที่ 4 ประเภทในข้อ 11-14 เป็นคนกลุ่มเดียวกัน คือ คนชั่วร้าย
ถ้าพูดถึงคนแช่งพ่อแม่ จิตสำนึกของเราจะรู้ทันทีว่า เขาทำสิ่งชั่วร้าย
ขณะเดียวกัน คนที่หลอกตนเองว่าบริสุทธิ์ และ คนเย่อหยิ่งยโส
จิตสำนึกของบางคนอาจจะคิดไปว่า ไม่น่าจะชั่วเหมือนแช่งพ่อแม่นะ
แต่ความจริงชั่วพอกัน
ส่วนคนเอาเปรียบคนยากจน เพื่อประโยชน์ของตนเอง
เจ้าตัวอาจจะไม่รู้สึกว่า มันผิดอะไร ก็แค่มีชั้นเชิงทางธุรกิจที่เหนือชั้นกว่า
สุภาษิตตอนนี้ พยายามปลุกจิตสำนึกของเขาว่า
อย่าทำเช่นนั้น เพราะการเอาเปรียบคนอื่น มันชั่วร้ายเหมือน ทำร้ายจิตใจพ่อแม่เลยนะ
5. มนุษย์สังเกตได้ว่า ครรภ์ของหญิงหมัน แผ่นดินโลก และไฟ ไม่เคยอิ่ม
แต่มนุษย์กลับไม่ตระหนักว่า ความตาย ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
ทุกคนที่เกิดมาต้องตาย ตลอดประวัติศาสตร์แดนคนตายไม่เคยบอกว่า พอแล้ว
ดังนั้น เราควรดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญา รู้ว่าสักวันความตายก็จะมาถึงเราด้วยเหมือนกัน
6. สัตว์เหลานั้น ที่ไม่แข็งแรง ไม่มีกำลัง ไม่มีราชา และไม่มีเขี้ยวเล็บ เหมือนอย่างมนุษย์
กลับได้สิ่งที่มนุษย์พยายามเสาะแสวงหาสุดกำลัง แต่ก็ยังไม่ได้รับ
เพราะพระเจ้าทรงประทานให้แก่พวกมัน
ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความสำเร็จใดๆของมนุษย์ไม่ได้ขึ้นกับ กำลัง ความสามารถ หรือผู้นำที่ดี
แต่ขึ้นอยู่กับว่า พระเจ้าจะประทานให้แก่เขาหรือไม่
คำคม
“ คนที่ตระหนักจริงๆว่า พระเจ้าทรงเก่งและฉลาดกว่าเขา ย่อมพึ่งพาพระองค์ในทุกสิ่ง ”