ภาพรวม
- อิสยาห์ บทที่ 5 อิสยาห์พยากรณ์เป็นบทเพลง ถึงสาเหตุที่ภัยพิบัติจะมาถึงอิสราเอล และบอกถึงลักษณะของภัยพิบัตินั้น
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อิสยาห์ บทที่ 5
อิสยาห์ได้กล่าวคำพยากรณ์เป็นบทเพลง เนื้อหาดังต่อไปนี้
ชาวเยรูซาเล็ม และคนยูดาห์ เป็นเหมือนสวนองุ่นของพระเจ้า
ที่พระองค์ได้ดูแลปกป้องรักษาอย่างดี
พระเจ้าได้ทรงทำทุกอย่างแล้ว เพื่อสวนองุ่นนั้น
แต่ปรากฏว่า ผลองุ่นที่ออกมากลับเปรี้ยว
ดังนั้นพระเจ้าจะรื้อรั้วกั้นที่ป้องกันมันออก
แล้วมันก็จะถูกเหยียบย่ำ และถูกทำลาย
หนามย่อยหนามใหญ่ก็จะงอกขึ้นแทน
เพราะคนอิสราเอล เป็นต้นไม้ที่พระองค์ทรงชื่นชอบ
พระองค์ทรงคาดหวังความยุติธรรม
แต่ พวกเขากลับมีแต่การนองเลือด
ทรงคาดหวังความชอบธรรม
แต่ กลับมีแต่การกดขี่ข่มเหงคนอื่น
แล้วอิสยาห์จึงพยากรณ์ถึงภัยพิบัติที่จะมาถึงคน เพราะความชั่วร้ายของพวกเขา ว่า
– เพราะพวกเขาข่มเหงยึดบ้าน และไร่นา ของคนอื่น
บ้านงามของพวกเขาจะไม่มีคนอาศัย
และพืชในแผ่นดินจะไม่เกิดผล
– เพราะพวกเขามัวแต่เมาเหล้าองุ่นและงานเลี้ยงเริงสำราญ แต่พวกเขาไม่ได้สนใจพระราชกิจของพระเจ้า
พวกจึงจะตกเป็นเชลย หิวโหย และกระหาย
พวกเจ้านายและผู้คนของเยรูซาเล็ม จะพบกับความตาย
มนุษย์ก็ถูกลดต่ำลง และผู้ผยองก็ต่ำต้อยลง
แต่พระเจ้าจะได้รับการเทิดทูนไว้โดยความยุติธรรม และความบริสุทธิ์ โดยความชอบธรรม
เพราะพวกเขาไม่เกรงกลัวพระเจ้า แต่กลับเยาะเย้ยพระองค์
พวกเขาเรียกความชั่วว่าความดี และเรียกความดีว่าความชั่ว
พวกเขาที่คิดว่าตนเองฉลาด
พวกเขามัวเมาในเหล้าองุ่น
พวกเขาตัดสินเข้าข้างคนชั่ว เพราะเห็นแก่สินบน
ดังนั้น พวกเขาจึงจะถูกทำลายลงอย่าง ไฟเผาผลาญตอข้าว
เพราะพวกเขาละทิ้ง และดูหมิ่นพระวจนะของพระองค์
พระพิโรธของพระเจ้าจึงพลุ่งขึ้นต่อพวกเขา
ซากศพของพวกเขาจะเป็นเหมือนกองขยะ อยู่กลางถนน
ถึงกระนั้น พระพิโรธของพระองค์ก็ไม่สร่างซาไป
พระองค์จะทรงเรียกประชาชาติที่อยู่ไกล มาจากที่สุดปลายแผ่นดินโลก มาอย่างรวดเร็ว
เป็นชนชาติที่น่ากลัวและดุร้าย
เขาเหล่านั้นจะทำลายแผ่นดิน
จนแผ่นดินมีแต่ความมืดและความทุกข์ใจ
แม้แต่ความสว่างก็ถูกเมฆบดบังเสีย
1. พระเจ้าประสงค์ให้ประชากรของพระเจ้า เชื่อฟังพระองค์
เมื่อคนอิสราเอลไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่หันไปทำสิ่งชั่วร้าย
พระเจ้าไม่ยอม แต่ทรงทำอะไรบางอย่างเพื่อให้พวกเขากลับใจใหม่ ฉันใด
หากเราผู้เป็นประขากรของพระเจ้า
จงใจเดินไปในทางบาปและไม่ยอมที่จะกลับใจ
พระเจ้าจะไม่อยู่เฉยฉันนั้น
พระองค์คงจะทำอะไรบางอย่าง เพื่อเรียกให้เรากลับใจอย่างแน่นอน
ดังนั้นถ่อมใจลง เต็มใจกลับใจเองเสียก่อนดีกว่า จะรอให้พระเจ้าทำให้กลับใจ
2. ที่วันนี้คนทั้งหลายปลอดภัยอยู่ได้ ก็เพราะพระเจ้าทรงปกป้องพวกเขาไว้
วันใดที่พระเจ้า เอาการปกป้องนั้นออกไป
พวกเขาจะถูกทำลาย
เราควรถ่อมใจลงต่อพระเจ้าเสมอ
และรู้ตัวอยู่เสมอว่า ที่เรามีและเป็นดังวันนี้ได้
เพราะพระเจ้าทรงเมตตาแก่เรา
3. พระพิโรธของพระเจ้า ต่อคนชั่วร้ายที่ไม่ยอมกลับใจนั้น น่าสะพรึงกลัวจริงๆ
ทรัพย์สินทั้งหมดถูกยึด บ้านถูกทำลาย เมืองถูกทำลาย
บ้างก็ถูกฆ่าตายศพถูกทิ้งกลางขยะเกลื่อนเมือง
บ้างก็ถูกจับไปเป็นเชลยโดยพวกคนเหี้ยมโหดไร้ปรานี
แล้วในวันพิพากษาที่พระเจ้าจะสำแดงพระพิโรธต่อมนุษย์พวกเป็นคนบาป ที่ไม่ยอมกลับใจนั้น
จะน่าสะพรึงกลัวมากมายกว่านี้สักเท่าใด
วันนี้ที่เรารอดพ้นการพิพากษา ได้รับความรอดในพระเยซูคริสต์
เป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า
ที่เราควรจะซาบซึ้ง และยึดมั่นไว้จนวันตาย
และไม่ควรจะปล่อยให้คนเหล่านั้นที่เรารัก ต้องเผชิญหน้ากับพระพิโรธของพระเจ้าในวันแห่งการพิพากษา
เราควรใช้ความพยายามอย่างสุดกำลังนำพวกเขามาถึงความรอดในพระเยซูคริสต์
เรื่องความรอดทางพระเยซูคริสต์นั้นเป็นข่าวที่แสนดี
แต่ข่าวดีจะมีประโยชน์ต่อเมื่อผู้รับได้รับมัน อย่างทันเวลาเท่านั้น
คำคม
“ เมื่อพระพิโรธของพระเจ้าลงมา ใครเล่าจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ? ”