ภาพรวม
- อิสยาห์ บทที่ 30 อิสยาห์พยากรณ์ถึงจุดจบของคนที่หันไปพึ่งอียิปต์แทนที่จะพึ่งพระเจ้า และพยากรณ์ถึงการเสด็จมาของพระมาซีฮา และการพิพากษาที่จะมาถึงอัสซีเรีย
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
อิสยาห์ บทที่ 30
พระเจ้าตรัสว่า
วิบัติแก่ลูกหลานที่กบฏ ผู้วางแผนงาน
แต่ไม่ใช่แผนของพระเจ้า ไม่ใช่ตามความประสงค์ของพระองค์
เพื่อเพิ่มบาปซ้อนบาป
พวกเขาเดินทางไปยังอียิปต์เพื่อจะพึ่งพา โดยไม่ได้ปรึกษาพระเจ้า
ดังนั้นการคุ้มครองของฟาโรห์จะกลายเป็นความอายของพวกเขา
อียิปต์จะไม่เป็นประโยชน์อะไรต่อเขาแลย
แต่จะนำความอายและความขายหน้า มาสู่พวกเขา
ระหว่างทางที่ไปยังอียิปต์นั้น จะเต็มไปด้วยความลำบาก แสนระทม และอันตรายจากสัตว์ร้าย
ทรัพย์สมบัติที่พวกเขาขนไปด้วยนั้น จะไม่เป็นประโยชน์ต่อเขาเลย
เพราะว่าอียิปต์จะไม่ช่วยอะไรพวกเขาเลย
เนื่องจากคนอิสราเอล กบฏ พูดปด และไม่ยอมเชื่อฟัง ธรรมบัญญัติของพระเจ้า
พวกเขากล่าวกับผู้พยากรณ์ว่า
อย่าพูดสิ่งถูกต้องแก่พวกเขา เพื่อเรียกให้พวกเขาไปหาพระเจ้า
ดังนั้น เพราะพวกเขาดูหมิ่นถ้อยคำของพระเจ้า และวางใจในการทำชั่ว
บาปของพวกเขานี้ จะทำให้พวกเขาพินาศอย่างรวดเร็วในพริบตาเดียว
เมื่อพระเจ้าตรัสกับพวกเขา ว่า
เงียบสงบและไว้วางใจพระเจ้า พวกเขาจะรอดปลอดภัย
แต่พวกเขาก็ไม่ยอมทำตาม
พวกเขากลับบอก ว่า
พวกเขาจะไม่นิ่งสงบ แต่จะรีบขี่ม้าหนีไป
ดังนั้นพวกเขาจึงหนีไม่พ้น
แล้วพระเจ้าทรงตรัสพระสัญญากับอิสราเอล ว่า
พระเจ้าทรงรอคอยที่จะเมตตาพวกเขา
พระองค์จะทรงลุกขึ้นเพื่อกรุณาพวกเขา
ทุกคนที่รอคอยพระองค์ก็เป็นสุข
คนในเยรูซาเล็ม จะไม่ร้องไห้อีกต่อไป
เพราะพระเจ้าจะทรงกรุณาต่อเสียงร้องทูลของพวกเขา
แม้พระเจ้าประทานขนมปังแห่งความยากลำบากและน้ำแห่งความทุกข์ใจแก่พวกเขา
ถึงกระนั้นบรมครูของพวกเขาจะไม่ซ่อนตัวอีก
พระองค์จะคอยชี้นำหนทาง ให้แก่พวกเขา
แล้วพวกเขาจะละทิ้งรูปเคารพเสีย
และพระองค์จะประทานความอุดมสมบูรณ์ให้แก่เขา
และพวกเขาจะพบความสงบสุข ในวันที่มีการฆ่ากันใหญ่โต
และในวันที่พระเจ้าทรงเยียวยารักษาชนชาติของพระองค์นั้น
แสงของดวงอาทิตย์จะสว่างเป็น 7เท่า
และอิสยาห์พยากรณ์ถึงการพิพากษาสำหรับอัสซีเรีย ว่า
พระพิโรธของพระเจ้า เป็นเหมือนไฟเผาผลาญ เพื่อจะทำลายอัสซีเรียเสีย
พระเจ้าจะทรงทำให้คนได้ยินพระสุรเสียงทรงพลังของพระองค์
และจะเห็นความกริ้วของพระองค์ที่มา ด้วยเปลวเพลิงเผาผลาญ ฝนตกหนัก พายุและลูกเห็บ
คนอัสซีเรียจะสยดสยองด้วยพระสุรเสียงของพระเจ้า
พระองค์จะทรงต่อสู้เขาในสงครามด้วยพระหัตถ์ที่กวัดแกว่ง
1. คนอิสราเอลทำบาป จึงเกิดปัญหาขึ้น
แทนที่พวกเขาจะกลับใจใหม่ แล้วหันมาหาพระเจ้า
พวกเขากลับหันไปพึ่งพาสติปัญญาของตนเอง
แล้วทำสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่พระเจ้าตรัสสั่งให้ทำ
พระเจ้าบอกให้อยู่นิ่งๆ วางใจพระเจ้า อย่าไปอียิปต์
แต่พวกเขากลับรีบขึ้นมาขี่ไปอียิปต์
พวกเขาจึงพบกับหายนะอย่างฉับพลันที่นั่น
พระเจ้าทรงเรียกสิ่งที่พวกเขาทำว่า บาปซ้อนบาป
หากวันนี้บาปชักนำให้เราตกที่นั่งลำบาก
อย่าพยายามแก้ไขด้วยตนเอง แต่จงกลับใจใหม่
แล้วกลับมาหาพระเจ้า พึ่งพาความช่วยเหลือจากพระองค์
2. พระเจ้าทรงสัญญากับอิสราเอลว่า เมื่อบรมครูจากพระเจ้ามาหาพวกเขา
พระองค์จะทำให้พวกเขาชื่นบาน พ้นจากความทุกข์ระทม
พวกเขาจะละทิ้งทางชั่วของพวกเขา
และพระองค์จะคอยสอนการดำเนินชีวิตที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา
และพวกเขาจะพบกัยความสงบสุขในวันแห่งการทำลาย
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเป็นจริงแล้ว ในชีวิตของเรา
เมื่อเราต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเรา
เราเต็มไปด้วยสันติสุข และพระองค์ก็คอยนำทาง คอยเตือนสอนในจิตใจของเราอยู่ตลอดเวลา
และเราจะรอดพ้นการพิากษา ในวันแห่งการพิพากษา
3. พระพิโรธของพระเจ้า ต่อคนบาปนั้น น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ที่วันนี้เรายังไม่ได้เห็นอย่างชัดเจน
ก็เพราะพระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยไว้ (รม. 2:4) ให้โอกาสมนุษย์กลับใจ
ก่อนที่จะถึงวันแห่งการพิพากษาอันน่าสะพรึงกลัว
จงกลับใจ ในขณะที่ยังมีโอกาสกลับใจ
คำคม
“ พระเจ้าทรงรอคอยที่จะเมตตาเรา คนที่รอคอยพระเจ้าพบพระเมตตา ”