ภาพรวม
- พระธรรมเนหะมีย์ พูดถึงการที่เนหะมีย์กลับมาจากบาบิโลนเพื่อสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ และเอสรากลับมาเพื่อสอนธรรมบัญญัติแก่ประชาชน
- บทที่ 1 เนหะมีย์ทราบข่าวว่าคนอิสราเอลในเยรูซาเล็มอยู่อย่างลำบากและอับอาย อีกทั้งกำแพงเมืองก็ไม่มี เขาจึงร้องไห้และอดอาหารอธิษฐานต่อพระเจ้า
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
เนหะมีย์ บทที่ 1 ในเดือนคิสเลฟ(เดือน 9) ปีที่ 20 แห่งรัชกาลกษัตริย์อารทาเซอร์ซีส (นหม.2:1)
เนหะมีย์ บุตรฮาคาลิยาห์ อยู่ในป้อมแห่งสุสา
มีตำแหน่งเป็นพนักงานเชิญถ้วยเสวยของพระราชา
ฮานานี กับชายบางคน มาจากยูดาห์
เนหะมีย์ จึงได้ถามเรื่องพวกยิวที่นั่น และเรื่องเยรูซาเล็ม
พวกเขาตอบว่า
คนอิสราเอลที่นั่นมีความลำบากและความอับอายมาก กำแพงเมืองเยรูซาเล็มก็ถูกทำลาย และบรรดาประตูเมืองก็ถูกไฟเผา
เมื่อเนหะมีย์ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้
เขาก็นั่งลงร้องไห้โศกเศร้าอยู่หลายวัน
และได้อดอาหารและอธิษฐานต่อพระเจ้า ว่า
ขอพระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐานของเขา
ที่อธิษฐานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อประชาชนอิสราเอล
เขาสารภาพบาป ยอมรับว่า
พวกเขาได้ทำบาปต่อพระเจ้า
พวกเขาประพฤติเลวทรามมากต่อพระองค์
ขอพระองค์ทรงระลึกถึงพระวจนะ ที่ว่า
“ถ้าพวกเจ้ากลับมาหาเรา และรักษาบัญญัติของเรา เราจะนำพวกเจ้ามายังสถานที่ซึ่งเราได้เลือกไว้ “
ดังนั้นขอประทานความสำเร็จแก่เนหะมีย์ในวันนี้ และขอให้เขาได้รับความกรุณาจากพระราชา
1. เนหะมีย์ได้เป็นใหญ่เป็นโตในอาณาจักรเปอร์เซีย ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงจากพระราชา ให้เป็นผู้เชิญถ้วยเสวย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ปลงพระชนม์พระราชาได้อย่างง่ายดาย
แม้จะตำแหน่งสูง และสะดวกสบายแล้ว แต่เขาก็ยังระลึกถึงประชากรของพระเจ้าที่อยู่ห่างไกล
เขาไม่ได้ระลึกถึงแค่คำพูด แต่ด้วยหัวใจ
เขาร้องไห้ เป็นทุกข์โศกเศร้า ราวกับว่าตนเองกำลังเผชิญกับความอับอายนั้นเอง
เขานำความทุกข์ใจนั้นมาร้องทูลต่อพระเจ้า
สารภาพบาปต่อพระองค์ โดยเขาไม่ได้กล่าวโทษคนอื่นแต่รวมตนเองเข้าเป็นพวกเดียวกับคนที่ทำผิดเหล่านั้น
เขาอธิษฐานอย่างมีหวัง ในคำสัญญาของพระเจ้า
วันนี้เราระลึกถึงพี่น้องคนอื่นๆที่กำลังทุกระทมมากกว่าเรา มากเพียงใด?
วันนี้เราทำอย่างไรกับความทุกข์ของเรา ได้นำเข้ามาหาพระเจ้าแล้วหรือยัง?
วันนี้เมื่อเราสารภาพบาปต่อพระเจ้า เราถ่อมตัวลงหรือยังกล่าวโทษผู้อื่นในความผิดนั้น?
วันนี้เมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้า เราเชื่อมั่นในพระสัญญาของพระเจ้าในพระคำของพระองค์มากเพียงใด?
2. เมื่อพบกับสิ่งร้าย เนหะมีย์ไม่ได้ หันมาต่อว่าพระเจ้าว่า
ทำไมพระเจ้าไม่ช่วย?
ทำไมปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนี้จึงเกิดขึ้นกับประชากรของพระองค์?
สิ่งที่เขาทำคือ ไตร่ตรองถึงสิ่งที่ตนหรือบรรพบุรุษของตนได้ทำ
จนเขารู้ตัวว่า พวกเขาไม่สมควรที่จะได้รับความช่วยเหลือจากพระเจ้า
แต่สมควรแล้วที่พวกเขาต้องพบเจอเหตุการณ์เหล่านี้
แล้วเขาก็สารภาพบาปต่อพระเจ้า ขอพระเมตตาจะพระองค์ตามพระสัญญาของพระองค์
ท่าทีที่ถูกต้องเมื่อมีสิ่งที่ไม่น่าชื่นใจเกิดขึ้นกับเราหรือกับคนที่เรารัก
ไม่ใช่การตำหนิ ต่อว่า น้อยใจ งอน พระเจ้า
แต่เป็น
– การสำรวจดูตนเองว่า
สิ่งที่เราทำในอดีตและในปัจจุบันเป็นเช่นไร?
มีอะไรที่ต้องกลับใจ?
– ไตร่ตรองจนรู้ตัวว่า “ใช่แล้ว ความจริงเราสมควรพบมากกว่านี้อีก แต่เป็นพระเมตตาของพระเจ้า จึงพบกับเรื่องเพียงแค่นี้”
– แล้วถ่อมใจลงต่อพระเจ้า ขอพระเมตตาจากพระองค์ด้วยจริงใจ
แล้วเราจะพบพระเมตตาอย่างเหลือล้นของพระเจ้าอย่างแน่นอน
คำคม
“ เมื่อทุกข์ใจ จงยิ่งถ่อมใจลงต่อพระเจ้า ”