ภาพรวม
- คนอิสราเอลได้มาประชุมกันอดอาหารและสารภาพบาปต่อพระเจ้า และทำพันธสัญญากับพระองค์ ที่จะทำตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
เนหะมีย์ บทที่ 9 เมื่อเอสราอ่านหนังสือธรรมบัญญัติให้ประชาชนฟัง แล้วพวกเขาก็ร่วมกันถือเทศกาลอยู่เพิงตามที่ธรรมบัญญัติสั่งไว้
ในวันที่ 24 เดือนเดียวกัน (เดือน 7) ประชาชนอิสราเอลได้ชุมนุมกันถืออดอาหาร
และนุ่งห่มผ้ากระสอบ และเอาดินใส่ศีรษะ
และได้แยกตนออกจากชนต่างชาติ และยืนสารภาพบาปของตน
และสารภาพกรรมชั่วของบรรพบุรุษของเขา
และพวกเขาอ่านหนังสือธรรมบัญญัติ อยู่ 3 ชั่วโมง
พวกเขาสารภาพและนมัสการพระเจ้า อีก 3 ชั่วโมง
แล้วคนเลวีจำนวนหนึ่ง (นหม. 8:7) ได้ยืนขึ้นที่บันไดของคนเลวี
และได้ร้องด้วยเสียงดังต่อพระเจ้า ว่า
“สรรเสริญพระเจ้า
พระองค์ได้ ทรงสร้างฟ้าสวรรค์ และแผ่นดินโลกและทุกสิ่งที่อยู่ในนั้น
พระองค์ได้ ทรงเลือกอับราฮัม และทรงกระทำพันธสัญญากับเขา
พระองค์ได้ ทรงช่วยคนอิสราเอลออกจากอียิปต์ด้วยกระทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์
พระองค์ได้ ทรงแยกทะเล ให้คนอิสราเอลได้เดินข้ามไป
พระองค์ได้ ทรงนำพวกเขาด้วยเสาเมฆ และเสาเพลิง เพื่อให้แสงแก่เขาในทางที่เขาควรจะไป
พระองค์ได้ ทรงประทานพระบัญญัติที่ดีแก่พวกเขา ที่ภูเขาซีนาย
พระองค์ได้ ทรงให้พวกเขาทราบถึงวันสะบาโตบริสุทธิ์ของพระองค์
พระองค์ได้ ทรงประทานอาหารจากฟ้าสวรรค์แก่พวกเขา
พระองค์ได้ ทรงนำน้ำออกมาจากหินให้พวกเขา
แต่พวกเขาปฏิเสธไม่เชื่อฟัง และไม่เอาใจใส่ในการอัศจรรย์ของพระองค์
ได้สร้างรูปโคหล่อไว้สำหรับตัว และกล่าวว่า ‘นี่คือพระเจ้าของเรา ผู้ทรงนำเราขึ้นมาจากอียิปต์’
และได้ทำการหมิ่นประมาทอย่างใหญ่หลวง
ด้วยพระกรุณาซับซ้อนของพระองค์
พระองค์ก็ไม่ได้ทรงละทิ้งเขาในถิ่นทุรกันดาร
พระองค์ได้ ทรงเลี้ยงดูเขาทั้งหลายในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี
และเขาไม่ขาดสิ่งใดเลย
เสื้อผ้าของเขาไม่ขาดวิ่น
และเท้าของเขาไม่ได้บวม
พระองค์ได้ ทรงมอบแผ่นดินแห่งพระสัญญาแก่พวกเขา
ถึงกระนั้น พวกเขายังดื้อและกบฏต่อพระองค์
เหวี่ยงธรรมบัญญัติของพระองค์ไว้เบื้องหลัง
และได้ฆ่าผู้เผยพระวจนะของพระองค์
พระองค์จึงทรงมอบพวกเขาไว้ในมือศัตรู
และในเวลาแห่งการทนทุกข์ของพวกเขานั้น
เขาร้องทูลต่อพระองค์
พระองค์ได้ประทานพวกผู้ช่วยแก่พวกเขา
แต่เมื่อพวกเขาพักสงบแล้ว
พวกเขาก็ทำความชั่วต่อพระองค์อีก
พระองค์ได้ ทรงอดทนกับพวกเขาอยู่หลายปี
และทรงเตือนพวกเขาด้วยพระวิญญาณของพระองค์
พวกเขาก็ยังไม่เงี่ยหูฟัง
เพราะฉะนั้นพระองค์จึงทรงมอบเขาไว้ในมือของชนชาติทั้งหลาย
ถึงกระนั้นด้วยพระกรุณาเหลือล้นของพระองค์
พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำให้เขาพินาศหรือละทิ้งเขาเสีย
ข้าแต่พระเจ้ายิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์และน่าเกรงกลัว
ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง
ในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์ทรงยุติธรรม
แต่ข้าพระองค์ทั้งหลายประพฤติอย่างอธรรม
วันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นทาส ในแผ่นดินที่พระองค์ประทานแก่พวกข้าพระองค์
และผลิตผลอันมากมายของแผ่นดินนั้นก็ตกแก่กษัตริย์เปอร์เซีย
เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย
พวกเขามีอำนาจเหนือร่างกายและเหนือฝูงสัตว์ ของข้าพระองค์ ตามความพอใจของพวกเขา
และข้าพระองค์ทั้งหลายทุกข์นัก”
หลังจากสารภาพบาปแล้ว
ประชาชนก็กระทำพันธสัญญาว่า จะถือรักษาธรรมบัญญัติของพระเจ้าสืบไป
1. เมื่อประชาชนได้ยินพระคำของพระเจ้า พวกเขาตอบสนองด้วยการสารภาพบาปของตนต่อพระเจ้า
พวกเขาระลึกถึงพระคุณ พระเมตตาของพระเจ้า ที่มีต่อพวกเขา
และระลึกถึงความบาปผิดของพวกเขา ที่ได้กระทำผิดต่อพระองค์
ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งการกลับใจใหม่อย่างแท้จริง
จนพวกเขาได้ทำพันธสัญญาที่จะปฏิบัติตามพระคำตลอดไป
เมื่อเราอ่านพระคำของพระเจ้า อย่างถ่อมใจ
พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานผ่านพระคำของพระเจ้า
ซึ่งจะนำการกลับใจอย่างแท้จริงมาสู่ชีวิตของเรา
2. เราได้เรียนรู้พระลักษณะของพระเจ้า จากคำอธิษฐานในบทนี้ว่า
พระเจ้ายิ่งใหญ่ ทรงฤทธิ์และน่าเกรงกลัว
ขณะเดียวกัน พระเจ้าก็ทรงอุดมด้วยความรักมั่นคง พระคุณ พระเมตตา และทรงรักษาสัญญาเสมอ
เราไม่สมควรถือโอกาสคิดว่าพระเจ้าเต็มด้วยพระเมตตา
จนปฏิบัติต่อพระองค์อย่างไม่เหมาะสม ปราศจากความยำเกรงพระองค์
เพราะว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตาแล้ว
ยังเป็นพระเจ้าผู้ที่น่ายำเกรงอีกด้วย
3. เมื่อคนอิสราเอลกำลังเผชิญความทุกข์หนักในขณะนั้น
สิ่งที่เขาทำคือ อธิษฐานต่อพระเจ้า สารภาพบาป และกลับใจใหม่
แล้วการช่วยกู้จากพระเจ้า ก็มาเหนือพวกเขา
ยามที่เราทุกข์ สิ่งที่สมควรทำอย่างที่สุด คือ
เข้ามาหาพระเจ้า อธิษฐานต่อพระองค์ สารภาพบาปและกลับใจใหม่
ทูลขอพระเมตตาจากพระเจ้า
แล้วเราจะพบว่า พระเจ้าทรงมีพระเมตตาอย่างเหลือล้นสำหรับเรา
หมายเหตุ :
ในข้อ 4 และ ข้อ 5 บางคนชื่อไม่เหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะบางคนเหล่านั้นมีหลายชื่อ
คำคม
“ การกลับใจที่แท้จริง จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสมอ ”