ภาพรวม
- เพลงซาโลมอน เป็นเพลงของกษัตริย์ซาโลมอนแต่งขึ้น เป็นเพลงรักระหว่างเจ้าบ่าวและเจ้าสาว แต่ในแง่มุมฝ่ายวิญญาณเล็งถึง พระเจ้ากับประชากรของพระองค์ หรือ พระคริสต์กับคริสตจักร
- เพลงซาโลมอน บทที่ 1 เจ้าบ่าว และ เจ้าสาว ต่างพรรณาถึงความชื่นชมที่มีต่อกัน
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
เพลงซาโลมอน บทที่ 1
เพลงยอดเยี่ยมที่สุดนี้เป็นของซาโลมอน
เจ้าสาว พรรณาถึงเจ้าบ่าว ว่า
– เธอคิดถึงเจ้าบ่าวเหลือเกิน เพราะว่าความรักของเขานั้นแสนหวาน
เจ้าบ่าวของเธอ เท่ห์ที่สุดจนสาวๆทั้งหลาย หลงรักเขา
เธออยากให้เขา รีบมารับเธอไปเป็นคนในครอบครัว
เพื่อนเจ้าสาว พูดว่า
– พวกเธอดีใจกับเจ้าสาวเหลือเกิน
เจ้าสาว กล่าวต่อไป ว่า
– แม้ตัวเธอจะผิวดำ แต่ก็น่ารักนะ ที่เธอผิวคล้ำเพราะพวกพี่ชายใช้เธอไปดูแลสวนองุ่นของพวกเขา แต่สวนของเธอเอง เธอกลับไม่ได้ดูแล
– ถ้าเจ้าบ่าวเป็นคนเลี้ยงสัตว์ เธอก็อยากไปหาเขาที่ที่เขาเลี้ยงฝูงสัตว์อยู่นั้น
เจ้าบ่าวเองก็กล่าวถึงเจ้าสาว ว่า
– เธองามเลิศเหนือหญิงทั้งหลาย เขาก็อยากพบเธอเช่นกัน
– สำหรับเขาแล้ว เธอช่างงดงามเหลือเกิน
เจ้าสาว กล่าวว่า
– การที่ได้ระลึกถึงเจ้าบ่าว ทำให้เธอสดชื่นและยินดี
เจ้าบ่าว กล่าวว่า
– เจ้าสาวช่างสวยงามเหลือเกิน ทั้งดวงตาก็งดงาม ท่วงท่าก็สง่างาม น่ามองจริงๆ
ในการประยุกต์ใช้ เพลงซาโลมอนนั้น ผมมีคำแนะนำเพิ่มเติมดังนี้
เจ้าบ่าว เล็งถึงพระเจ้า
เจ้าสาว เล็งถึง เราผู้เป็นประชากรของพระเจ้า
และเพื่อให้เห็นภาพตามความเป็นจริง
พระเจ้า ทรงเป็นพระราชาเหนือพระราชาทั้งหลาย ทรงสง่างาม หล่อสุดๆ มั่งคั่ง และมีเกียรติสูงยิ่ง
เรา เป็นหญิงขี้เหร่ ยากจน สกปรก ผิวหยาบกร้าน รูปร่างหน้าตาเรียกได้เลยว่า ไม่คู่ควรคู่กับเจ้าบ่าวเลย ถ้าลองจินตนาการถึงผู้หญิงสักคนที่เราเรียกว่า ขี้เหร่มาก นั่นแหละคือ เราเลยละ เมื่อเทียบกับพระเจ้าผู้สง่างาม
บัดนี้ พระเจ้าจอมกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลาย ผู้สง่างาม ได้ตกหลุมรักหญิงขี้เหร่อย่างเรา และปรารถนาที่จะแต่งงานกับเรา
1. เจ้าสาว ปรารถนาเหลือเกินที่จะได้พบกับเจ้าบ่าวโดยเร็ว
นั่นสมควรเป็นท่าทีที่เรามีต่อพระเจ้า คือ หิวกระหายที่จะพบกับพระองค์ทุกวันคืน
เจ้าสาว ชื่นชมและยกย่องในความสง่างามของเจ้าบ่าว
นั่นสมควรเป็นท่าทีที่เรามีต่อพระเจ้า คือสรรเสริญพระองค์ให้คนทั้งหลายได้รับรู้
2. เจ้าบ่าวอยากพบเจ้าสาวโดยเร็วเช่นกัน
พระเจ้าทรงปรารถนาและเฝ้ารอ ให้เรามาเข้าหาพระเจ้าอยู่เสมอ
ให้เรารู้เถิดว่า ทุกครั้งที่เราเริ่มอธิษฐานต่อพระเจ้าอย่างจริงใจ
นั่นจะนำความชื่นใจมาสู่พระเจ้ามากมายยิ่งนัก
เจ้าบ่าว พรรณา ชื่นชมในความงามของเจ้าสาว ดวงตาก็สวย(ซึ่งถ้าเป็นเรา น่าจะตาเหล่ก็ได้)
ท่วงท่าก็งดงาม น่ามองเหลือเกินในสายตาของเจ้าบ่าว
พระเจ้าทรงทอดพระเนตรเราเช่นนั้น
โดยทางพระเยซูคริสต์ เราเป็นคนชอบธรรม งดงาม สง่างามในสายพระเนตรของพระองค์
ไม่ใช่เพราะความดีที่มีอยู่ในตัวเราเลย (เพราะไม่มี มีแต่ความสกปรก)
แต่เพราะพระคุณของพระเจ้า ที่ประทานแก่เราทางพระเยซูคริสต์
คิดดูสิ ในเมื่อพระเจ้าหลงรักเราขนาดนี้
แล้วเมื่อเราทูลขอสิ่งใดต่อพระองค์ พระองค์จะไม่ตอบหรือ?
เมื่อเราประสบภัย พระองค์จะไม่ใช้ฤทธานุภาพทั้งหมดของพระองค์ปกป้องเราหรือ?
คำคม
“ ยิ่งเรารู้ตัวว่า พระเจ้าทรงรักเรามากเพียงใด เราก็จะยิ่งรักและยำเกรงพระองค์มากเท่านั้น ”