ภาพรวม
- เยเรมีย์ บทที่ 27 พระเจ้าทรงใช้เยเรมีย์ให้ไปบอกแก่กษัตริย์ยูดาห์และกษัตริย์ชนชาติโดยรอบอิสราเอล ให้ยอมจำนนต่อเนบูคัดเนสซาร์
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
เยเรมีย์ บทที่ 27
ในต้นรัชกาลเศเดคียาห์ กษัตริย์ยูดาห์ (เหตุการณ์นี้เกิดหลังบทที่ 25 และ 26 เกิดช่วงเวลาใกล้เคียงกับบทที่ 24 )
พระเจ้าสั่งให้เยเรมีย์ทำสายรัดและแอก แล้วเอาแอกมาสวมคอของตน
แล้วไปหาบรรดาทูตที่มาเข้าเฝ้าเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ที่กรุงเยรูซาเล็ม
เพื่อส่งข่าวไปยังกษัตริย์ของ เอโดม , โมอับ , อัมโมน , ไทระ และ ไซดอน ว่า
พระเจ้า ผู้ได้สร้างโลก ทั้งมนุษย์และสัตว์ ด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่ง
พระองค์จะให้สิ่งใดแก่ใครก็ได้แล้วแต่พระองค์ทรงเห็นชอบ
พระเจ้าได้ให้แผ่นดินของพวกเขาไว้ในมือของเนบูคัดเนสซาร์ กษัตริย์บาบิโลนแล้ว
พวกเขาจะต้องปรนนิบัติตัวเนบูคัดเนสซาร์ ลูกและหลานของเขา
จนกว่าเวลากำหนดแห่งบาบิโลนจะมาถึง
แล้วหลายประชาชาติจะทำให้บาบิโลนตกเป็นทาส
ถ้าประชาชาติใด จะไม่ปรนนิบัติเนบูคัดเนสซาร์
และไม่ยอมวางคอไว้ใต้แอกของเขา
พระเจ้าจะลงโทษประชาชาตินั้นด้วยดาบ ด้วยการกันดารอาหาร และด้วยโรคระบาด
จนกว่าจะถูกล้างผลาญเสียสิ้น
ดังนั้น อย่าฟังบรรดาผู้เผยพระวจนะ หรือผู้ทำนาย ซึ่งกล่าวว่า
“ท่านจะไม่ปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลน”
เพราะพวกเขาเผยพระวจนะเป็นความเท็จ
แต่ประชาชาติใดซึ่งยอมปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลน
พระเจ้าจะละพวกเขาไว้บนแผ่นดินของเขา เพื่อให้อาศัยอยู่ที่นั่น
เยเรมีย์ก็ได้ทูลเศเดคียาห์ ในทำนองเดียวกันด้วย
เยเรมีย์เตือนว่า อย่าฟังเผยพระวจนะเท็จ ที่อ้างนามของพระเจ้า
มิฉะนั้นทั้งตัวเขาและผู้เผยพระวจนะเท็จเหล่านั้น จะพินาศไปด้วยกัน
เยเรมีย์ได้พูดกับปุโรหิตและประชาชนนี้ ว่า
พระเจ้าตรัสว่า อย่าเชื่อฟังผู้เผยพระวจนะเท็จ ที่บอกว่า
ไม่ช้าเขาจะนำเครื่องใช้ของพระนิเวศของพระเจ้ากลับมาจากกรุงบาบิโลน’
อย่าฟังเขาเลย แต่จงปรนนิบัติกษัตริย์แห่งบาบิโลนและมีชีวิตอยู่
ถ้าพระวจนะของพระเจ้าอยู่กับเขา ก็ขอให้เขาทูลวิงวอนต่อพระเจ้า
ขอให้เครื่องใช้ซึ่งเหลืออยู่ในพระนิเวศ และในพระราชวัง และในกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ถูกนำไปยังบาบิโลนเถิด
เพราะพระเจ้าตรัสว่า บรรดาเสา อ่างสาคร และขาตั้ง และเครื่องใช้อื่นๆ ที่เหลืออยู่ในเมืองนี้
จะถูกขนไปยังบาบิโลนและจะอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่พระเจ้าเอาใจใส่มัน
แล้วพระเจ้าจึงจะนำมันกลับมา และให้กลับสู่สถานที่นี้
1. เยเรมีย์กล้าหาญมากในการทำตามที่พระเจ้าสั่ง
ในบทที่ 26 เขาเกือบจะถูกฆาตายแล้วตอนไปประกาศโทษของเยรูซาเล็ม
ในบทนี้ หนักขึ้นไปอีก นอกจากจะพูดกับกษัตริย์ของยูดาห์แล้ว
ยังพูดกับกษัตริย์ชาติอื่นๆอีกด้วย โดยพูดผ่านทูตที่กำลังมาเฝ้ากษัตริย์ยูดาห์
ซึ่งคงจะสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่กษัตริย์และเจ้านายของยูดาห์เป็นแน่
ผู้รับใช้พระเจ้า ต้องกล้าทำตามที่พระเจ้าสั่ง
2. พระเจ้ากำลังการลงโทษยูดาห์และชนชาติรอบข้างไว้แล้ว
แต่ถ้าพวกเขายอมจำนนต่อการตัดสินของพระเจ้า
พวกเขาจะพบสิ่งดีและความปลอดภัย ท่ามกลางการลงโทษนั้น
แต่ถ้าพวกเขาดื้อรั้น ไม่ยอมจำนนต่อการตัดสินของพระเจ้า
พวกเขาจะพบกับหายนะ
เมื่อพระเจ้าอนุญาตให้สิ่งใดเกิดขึ้นกับเรา
ให้เราถ่อมใจลงต่อพระเจ้า แสวงหาพระเจ้าว่า
พระองค์ประสงค์ต้องการ ให้เราตอบสนองอย่างไรในเหตุการณ์นี้
แล้วเชื่อฟังทำตามพระเจ้า
แล้วเราจะพบว่าเหตุการณ์เหล่านั้น ไม่ทำร้ายเรา แต่จะเกิดผลดีในชีวิตของเรา
3. คำแนะนำที่ถูกใจเรา บ่อยครั้งไม่ตรงกับใจของพระเจ้า
ให้เราค้นดูและตรวจสอบด้วยพระคำของพระเจ้าว่า
คำแนะนำนั้นสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้าหรือไม่
4. เครื่องใช้ต่างๆของอิสราเอล ที่ถูกขนไปบาบิโลน
จะอยู่ที่นั่น จนถึงเวลาที่พระเจ้าเอาใจใส่มัน
แล้วมันจะถูกนำกลับมาย้งอิสราเอล
ตราบใดที่ยังไม่ถึงเวลาของพระเจ้า ไม่ว่าใครจะพยายามแค่ไหน มันก็ยังจะไม่ได้กลับมาอยู่ดี
ถ้าเวลานี้ บางสิ่งที่เราปรารถนายังไม่ได้เกิดขึ้น
แสดงว่าจะไม่ถึงเวลาที่พระเจ้ากำหนด
เมื่อยังไม่ถึงเวลาของพระเจ้า ไม่ว่าเราจะดิ้นรนแค่ไหน มันก็ยังจะไม่เกิดขึ้นในเวลานี้อยู่ดี
จงรอคอยพระเจ้า และทำตามคำแนะนำของพระองค์
คำคม
“ การยอมจำนนต่อพระเจ้า จะนำไปสู่ทางออกของทุกปัญหา ”