สรุป เอสรา 1

ภาพรวม

  • พระธรรมเอสรากล่าวถึงการที่คนอิสราเอลกลับจากการเป็นเชลยในบาบิโลน แล้วมาสร้างพระวิหารของพระเจ้า และเอสรากลับมาสอนธรรมบัญญัติของพระเจ้าแก่ประชาชนอิสราเอล
  • บทที่ 1 พระเจ้าทรงเร้าใจให้กษัตริย์ไซรัส และคนที่อยู่แวดล้อมคนอิสราเอล สนับสนุนคนอิสราเอลให้กลับมายังเยรูซาเล็มเพื่อสร้างพระวิหารและสร้างเมืองขึ้นมาใหม่

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 1 ใน​ปี​แรก​แห่ง​รัช​กาล​ไซ​รัส​ กษัตริย์​แห่ง​เปอร์​เซีย
พระเจ้า​ทรง​เร้า​จิต​ใจ​ของ​ไซ​รัส​ ให้​ประ​กาศ​ทั่วราช​อา​ณา​จักร​ของ​พระ​องค์ ว่า
​พระ​เจ้า​แห่ง​ฟ้า​สวรรค์​ได้​สั่ง​ให้​เขา
สร้าง​พระ​นิเวศ​ให้​พระ​องค์​ที่​เย​รู​ซา​เล็ม​ซึ่ง​อยู่​ใน​ยู​ดาห์
ใครที่​เป็น​ประ​ชา​กร​ของ​พระเจ้า ​ให้​กลับ​ไป​ยัง​เย​รู​ซา​เล็ม
​และ​สร้าง​พระ​นิเวศ​ของพระเจ้าขึ้นมาใหม่
ให้คนทั้งหลายช่วยคนเหล่านั้น
​ด้วย​เงิน​และ​ด้วย​ทอง​คำ ด้วย​ข้าว​ของ​และ​สัตว์​เลี้ยง

แล้ว​​พระ​เจ้า​ทรง​เร้า​จิต​ใจ​ของ​หัว​หน้า​ของ​ตระ​กูล​ยู​ดาห์​และ​เบน​ยา​มิน​ ทั้ง​พวก​ปุ​โร​หิต​และ​คน​เลวี
​ให้​ไป​สร้าง​พระ​นิเวศ​ของพระเจ้า
และ​ทุก​คน​ที่​อยู่​แวด​ล้อมพวก​เขา​ก็​ได้​ช่วย​พวกเขา​ด้วยสิ่งของต่างๆ

กษัตริย์​ไซ​รัส​ก็​ทรง​นำ​เครื่อง​ใช้​ของ​พระ​นิเวศ​ของพระเจ้า
ซึ่ง​เนบู​คัด​เนส​ซาร์​ได้​ทรง​กวาด​มา​จาก​เย​รู​ซา​เล็ม
​ทรง​นำ​สิ่ง​เหล่า​นี้​ออก​มา​ใน​ความ​ดูแล​ของ​มิท​เร​ดาท สมุห​พระ​คลัง
ผู้​นับ​ออก​ให้​แก่​เชช​บัส​ซาร์​ เจ้า​นาย​ของ​ยู​ดาห์
ได้แก่ อ่าง​ทอง​คำ อ่าง​เงิน มีด ชาม​ทอง​คำ ชาม​เงิน และ​ภาช​นะ​อย่าง​อื่น
รวม​ทั้ง​สิ้น 5,400 ใบ

1. เมื่อถึงกำหนดกลับจากการเป็นเชลยในบาบิโลน พระเจ้าเป็นผู้จัดการเองทั้งหมด
ถึงแม้ว่าในสายตาของมนุษย์คงเป็นไปไม่ได้เลย
แต่พระเจ้าทรงรักษาสัญญาของพระองค์เสมอ ในเวลาของพระองค์

สิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ ถึงแม้ว่าวันนี้ ดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
แต่เมื่อถีงเวลาของพระเจ้า พระองค์จะลงมือทำเอง
แล้วสิ่งที่ทรงสัญญาจะเกิดขึ้นเป็นจริง

ในทางตรงกันข้าม หากยังไม่ใช่เวลาของพระเจ้า
ไม่ว่ามนุษย์จะดิ้นรนสักเพียงใด มันก็ยังจะไม่เกิดขึ้นอยู่ดี

2. คนอิสราเอลอยู่ในบาบิโลนมากว่า 70 ปี สร้างบ้านเรือน มีครอบครัวที่นั่น
เรื่องอะไรจะเดินกลับไปไกลแสนไกล ยังเมืองที่ตนไม่ได้เกิดที่นั่นด้วยซ้ำไป
เมืองที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง กำแพงก็ไม่มี ศัตรูก็มีมากมาย

แต่พระเจ้าทรงเร้าใจพวกเขาให้กลับมาสร้างพระวิหารและเยรูซาเล็มขึ้นใหม่
แล้วพวกเขาก็กลับมา
ซึ่งการกลับนั้นก็ได้รับการสนับสนุนทั้งจากกษัตริย์และคนต่างชาติที่อยู่แวดล้อมพวกเขา

เมื่อพระเจ้าจะทรงทำกิจของพระองค์
พระองค์จะทำงานในจิตใจของคนทั้งหลาย ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จ

เมื่อพระเจ้าทรงใช้ให้เราทำสิ่งใด
ไม่ต้องห่วงกังวลไป เพราะพระเจ้าจะจัดเตรียมทุกอย่างที่จำเป็น
เพื่อให้การทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้านั้นสำเร็จลุล่วง

3. ในการกลับมาสร้างพระวิหารและเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ และขนสิ่งของในพระวิหารกลับมาจากบาบิโลนนั้น
จำเป็นต้องมีคนที่ไว้วางใจได้เป็นผู้นำ ในงานครั้งนี้
พระเจ้าทรงจัดเตรียม ​เชช​บัส​ซาร์​ (อสร. 5:16 เศรุบบาเบล) เพื่องานเป็นการของพระเจ้าสำเร็จ

พระเจ้าไม่เคยขาดคนของพระองค์เลย
เวลานี้พระองค์ก็กำลังเตรียมคนของพระองค์ เพื่อแผนการของพระองค์จะสำเร็จ
วันนี้พระเจ้าก็กำลังเตรียมเราไว้ สำหรับภารกิจบางอย่างในอนาคต

คำคม

“ พระเจ้าทรงกำหนดเวลาไว้แล้ว เพื่อให้แผนการของพระองค์สำเร็จ ”

สรุป เอสรา 2

ภาพรวม

  • คนอิสราเอล จำนวนหนึ่งได้กลับมาจากการเป็นเชลยในบาบิโลน และเมื่อมาถึงเยรูซาเล็ม พวกเขาได้ถวายเพื่อใช้สำหรับการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 2 เมื่อพระเจ้าทรงเร้าใจให้กษัตริย์ไซรัส และคนที่อยู่แวดล้อมคนอิสราเอล สนับสนุนคนอิสราเอลให้กลับมายังเยรูซาเล็มเพื่อสร้างพระวิหารและสร้างเมืองขึ้นมาใหม่

แล้ว​คนอิสราเอลก็กลับ​มา​จาก​การ​เป็น​เชลย​ในบา​บิ​โลน ​กลับ​มา​ยัง​เย​รู​ซา​เล็ม​และ​ยู​ดาห์
และแต่​ละ​คน​ต่าง​ก็​ไป​ยัง​เมือง​ของ​ตน

คนที่กลับมาได้แก่
– ​เศ​รุบ​บา​เบล หัวหน้าทีม
– เย​ชู​อา มหาปุโรหิต
– และผู้นำคนอื่นๆ
– เนหะ​มีย์ น่าจะเป็นคนละคนกับเนหะมีย์ผู้สร้างกำแพง(นหม. 1:1)
– โมร​เด​คัย น่าจะคนละคนกับลุงของเอสเธอร์ (อสธ. 2:5)

​ประ​ชา​ชน​อิส​รา​เอล ที่กลับมาได้แก่
พงศ์​พันธุ์ต่างๆราว 40 กว่า พงศ์พันธุ์
และพงศ์พันธุ์ของ​ปุ​โร​หิต
และพงศ์​พันธุ์ของคน​เลวี ที่เป็นพวกผู้ปรนนิบัติในพระวิหาร เป็นพวก​นัก​ร้อง และเป็นพวก​คน​เฝ้า​ประ​ตู
และยังมี พงศ์​พันธุ์ของบ่าว​ไพร่​ประ​จำ​พระ​วิหาร

แต่มีบางพงศ์​พันธุ์พิสูจน์​ตระ​กูล​ของ​เขา​หรือ​เชื้อ​สาย​ของ​เขา​ไม่​ได้ ว่า
​เขา​เป็น​คน​อิส​รา​เอล​หรือ​ไม่
ซึ่งมีอยู่ 652 คน

และ​จาก​พงศ์​พันธุ์​ปุ​โร​หิต​ บางพงศ์​พันธุ์ไม่พบชื่อ​ใน​ทะ​เบียน​ตาม​สำ​มะ​โน​ครัว​เชื้อ​สาย​
จึง​ถือ​ว่า​เป็น​คน​สามัญ และ​ถูก​ตัด​ออก​จาก​การ​เป็น​ปุ​โร​หิต
ผู้​ว่า​ราช​การ​เมือง​จึงสั่ง​เขา​ไม่​ให้​รับ​อา​หาร​บริ​สุทธิ์​ที่​สุด
จน​กว่า​จะ​มี​ปุ​โร​หิต​ปรึก​ษา​กับ​อูริม​และ​ทูม​มิม​เสีย​ก่อน

ประชาชนที่กลับมา​ทั้ง​หมด ​มี 42,360 คน
นอก​เหนือ​จาก​คน​ใช้​และ​นัก​ร้องชาย​หญิง อีก 7,537 คน

คนที่กลับมามี ม้า​ 736 ตัว ล่อ 245 ตัว อูฐ 435 ตัว และ​ลา​ 6,720 ตัว

หัว​หน้า​ครอบ​ครัว​บาง​คน เมื่อ​เขา​มา​ถึง​พระ​นิเวศ​ของ​พระเจ้า
​ได้​ถวาย​ตาม​ความ​สมัคร​ใจ​เพื่อ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า
เขา​ถวาย​ตาม​กำลัง​ของ​เขา​แก่​กอง​ทรัพย์​เพื่อ​งาน​นี้
เป็น​ทอง​คำ 500 กิ​โล​กรัม เงิน 2,800 กิ​โล​กรัม และ​เครื่อง​แต่ง​กาย​ปุ​โร​หิต 100 ตัว

แล้วพวก​ปุ​โร​หิต คน​เลวี และ​บ่าว​ไพร่​ประ​จำ​พระ​วิหาร​อยู่​ตาม​เมือง​ของ​ตน ซึ่งกระจายอยู่ตามเผ่าต่างๆ
ส่วนอิส​รา​เอล​ทั้ง​ปวง​อยู่​ตาม​เมือง​ของ​พวกเขา

1. คนที่กลับจากการเป็นเชลย ราว 40,000 กว่าคน
มีเพียง 600 กว่าคนเท่านั้นที่พิสูจน์ตระกูลหรือเชื้อสายของตนไม่ได้
นี่เป็นเรื่องอัศจรรย์มาก
และเห็นการจัดเตรียมของพระเจ้าในแผนการนิรันดร์ของพระองค์อย่างชัดเจน

ถ้าลองถามคนไทยสัก 40,000 คน ดูว่า ใครบ้างที่ทราบว่า ใครเป็นต้นตระกูลของเขาเมื่อ 700 ปีก่อน
สถิติของคำตอบที่ได้รับ คงแตกต่างจากสถิติในบทนี้อย่างมาก

เพราะขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ค่านิยม ฯลฯ ทำให้คนอิสราเอลมีการบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า
ตนเป็นลูกหลานของใคร พงศ์พันธุ์ไหน
จึงทำให้ เมื่อถึงเวลาที่พระคริสต์มาบังเกิด สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า
พระเยซูคริสต์เป็นเชื้อสายของดาวิดตามที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้

แผนการและการจัดเตรียมของพระเจ้า ลึกซึ้งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้หมด

2. เมื่อสังเกตจากจำนวน ม้า​ ล่อ อูฐ และ​ลา​ ของคนที่กลับมากว่า 40,000 คนนั้น
ทำให้เห็นว่า ฐานะความเป็นอยู่ของเขาค่อนข้างลำบากและขัดสน
ถึงกระนั้นเมื่อมีการถวายเพื่อให้ในการสร้างพระวิหารนั้น
กลับได้ ​ทอง​คำ เงิน และ​เครื่อง​แต่ง​กาย​ปุ​โร​หิต จำนวนมากพอสมควรเลยทีเดียว
เมื่อเทียบกับจำนวนสัตว์ที่พวกเขามี

สำหรับคนที่รักพระเจ้าสุดหัวใจ ไม่ว่าเขาจะยากจนแค่ไหน
เขาก็ยังสามารถถวายแด่พระเจ้าได้เสมอ
และพระเจ้าเองจะทรงเสริมเติมให้แก่เขา

คำคม

“ พระเจ้าทรงดีรอบคอบ ในทุกรายละเอียดเสมอ ”

สรุป เอสรา 3

ภาพรวม

  • คนอิสราเอลมารวมตัวกันที่เยรูซาเล็มถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า และเริ่มวางรากพระวิหารของพระเจ้า

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 3 เมื่อคนอิสราเอล จำนวนหนึ่งได้กลับมาจากการเป็นเชลยในบาบิโลน และเมื่อมาถึงเยรูซาเล็ม พวกเขาได้ถวายเพื่อใช้สำหรับการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่

เมื่อ​ถึง​เดือน​ที่ 7 คน​อิส​รา​เอลได้​มา​ชุม​นุม​พร้อม​กัน​ที่​เย​รู​ซา​เล็ม
แล้ว​เย​ชู​อา​และ​พี่​น้อง​ปุ​โร​หิต และ​เศ​รุบ​บา​เบล ​พร้อม​กับ​ญาติ​ของ​เขา
ได้​เริ่ม​งาน​สร้าง​แท่น​บูชา​ เพื่อ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​แด่พระเจ้า

พวก​เขา​ได้​ตั้ง​แท่น​บูชา​ไว้​บน​ฐาน​เดิมของแท่นบูชาเดิม
​เพราะ​เขา​กลัว​ชน​ชาติ​ทั้ง​หลาย​ใน​แผ่น​ดิน​บริเวณ​นั้น​ จึงรีบทำโดยไม่ได้รื้อฐานเดิมออก
ในวันที่ 1 ของ​เดือน​ที่ 7
พวกเขา​ถวาย​เครื่อง​บูชา​แด่​พระเจ้า ​เวลา​เช้า​และ​เวลา​เย็น
และ​เขา​ถือ​เทศ​กาล​อยู่​เพิง และ​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ประ​จำ​วัน​
รวมทั้งเครื่องบูชาต่างๆตามที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้

แต่พวกเขาก็​ยัง​ไม่​ได้​วาง​ราก​ฐาน​พระ​วิหาร​ของพระเจ้า
พวกเขาจ้างช่าง​สกัด​หิน และ​ช่าง​ไม้ เพื่อเตรียมหินและไม้ให้พร้อม สำหรับการสร้างพระวิหาร

ใน​ปี​ที่​ 2 นับจากที่พวกเขามาที่​เย​รู​ซา​เล็ม
ใน​เดือน​ที่​ 2 ของปีนั้น เศ​รุบ​บา​เบล และ​เย​ชู​อา ​ตั้ง​คน​เลวี ตั้ง​แต่​อายุ 20 ปี​ขึ้น​ไป เพื่อ​ให้​ดูแล​การ​งาน​ของ​พระ​นิเวศ​ของพระเจ้า

เย​ชู​อา​ กับ​บุตร​และ​พี่​น้อง​ของ​ท่าน ได้ควบ​คุม​คน​งาน​ใน​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า
และ​เมื่อ​ช่าง​ก่อ​สร้าง​ได้​วาง​ราก​ของ​พระ​วิหาร​แล้ว
พวก​ปุ​โร​หิต​และ​คน​เลวี ได้ร้องเพลงถวาย​สรร​เสริญ​พระเจ้า​ตามแบบที่​ดา​วิดได้กำหนดไว้
และ​ประ​ชา​ชน​ทั้ง​ปวง​ก็​โห่​ร้อง​ด้วย​เสียง​ดัง​

พวก​​คน​แก่ ​ผู้​ได้​เห็น​พระ​นิเวศ​หลัง​ก่อน ก็ร้อง​ไห้​ด้วย​เสียง​ดัง
แต่​คน​เป็น​อัน​มาก​ได้​โห่​ร้อง​ด้วย​ความ​ชื่น​บาน
จึง​แยก​ไม่​ออก​ระ​หว่าง​เสียง​โห่​ร้อง​ด้วย​ความ​ชื่น​บาน และ​เสียง​ประ​ชา​ชน​ร้อง​ไห้
และ​เสียง​นั้น​ก็​ได้​ยิน​ไป​ไกล

1. คนอิสราเอลกลับมาเพื่อสร้างบ้านเมืองและพระวิหารขึ้นใหม่
สิ่งแรกที่พวกเขาทำ คือ ถวายเครื่องบูชา ตามที่ธรรมบัญญัติได้กำหนดไว้
ซึ่งไม่ได้มีการถวายเครื่องบูชานี้ มาเป็นเวลานานมากแล้ว
แม้พระวิหารยังไม่ได้สร้าง ยังไม่ลงรากด้วยซ้ำไป
แต่พวกเขาไม่รอให้พระวิหารเสร็จก่อน ถึงจะทำตามบัญญัติของพระเจ้า
พวกเขาลงมือทำเลย แม้ยังไม่พร้อมนักก็ตาม

หากวันนี้วิหารในจิตใจของเรา ทรุดเสื่อม ไม่มีสง่าราศี เหมือนอย่างที่เคยเป็นในอดีตที่ผ่านมา
ไม่ต้องรอ ให้ความสดชื่น ความกระตือรือร้นฝ่ายวิญญาณกลับมา เต็มล้นเหมือนเดิมก่อน
แต่ให้เราเริ่มต้นวันนี้ แม้ยังไม่พร้อมก็ตาม
ถวายเครื่องบูชา ด้วยการสารภาพบาปต่อพระเจ้า ถวายสรรเสริญ และขอบพระคุณพระเจ้า
ทำตามกำลังที่เรามี แม้เราอธิษฐานไม่ออกเสียแล้ว ร้องเพลงไม่ไปเสียแล้ว
ก็เพียงเริ่มต้นทำเท่าที่ทำได้
แล้วการฟื้นฟูวิหารในจิตใจของเรา อย่างแท้จริงจะตามมา

2. เมื่อได้วาง​ราก​ของ​พระ​วิหาร​แล้วนั้น
บางคนก็ร้องไห้ด้วยความเสียใจ บางคนก็โห่ร้องด้วยความชื่นบาน

คนที่เสียใจ เพราะรู้สึกว่า สภาพการเริ่มวิหารครั้งนี้ ช่างห่างไกลจากสง่าราศีของวิหารหลังก่อน

คนที่ดีใจ เพราะรู้สึกว่า การสร้างพระวิหารหลังใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

วันแห่งการเริ่มสร้างวิหารในครั้งนี้ อาจดูเล็กน้อย
แต่ใน ศคย. 4:10 กล่าวว่า
“ใคร​จะ​ดู​หมิ่น​วัน​แห่ง​การ​เล็ก​น้อย? เขา​จะ​เปรม​ปรีดิ์​เมื่อ​ได้​เห็น​สาย​ดิ่ง​ที่​อยู่​ใน​มือ​ของ​เศ​รุบ​บา​เบล”

หากเรามัวจมติดอยู่กับภาพในอดีต วันสำคัญ วันที่น่าชื่นบานอย่างยิ่ง
แทนที่เราจะชื่นชมยินดี เราก็อาจจะมัวแต่โศกเศร้าในวันนั้นก็เป็นได้

วันนี้ เป็นวันใหม่ของเราแล้ว
เราเริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระเจ้าแล้ว
วันนี้ เป็นวันแห่งความชื่นชมยินดีในพระเจ้า วันแห่งความหวังใจในพระองค์
จงชื่นบาน ชื่นชมยินดี ร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า
อย่ามัวแต่จมปรักอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราในอดีต หรืออดีตเมื่อ 1 ชม.ที่ผ่านมา

คำคม

“ วันนี้ เป็นวันแห่งความชื่นบานในความหวังในพระเจ้า อย่ามัวแต่ร้องไห้หรือวิตกกังวล ”

สรุป เอสรา 4

ภาพรวม

  • คนที่อยู่บริเวณรอบยูดาห์และเยรูซาเล็ม ได้เขียนจดหมายไปหากษัตริย์เปอร์เซียกล่าวหาว่า คนอิสราเอลกำลังสร้างเมืองเพื่อเตรียมก่อกบฏ ดังนั้นกษัตริย์เปอร์เซียจึงสั่งให้หยุดสร้างเมืองและพระวิหาร

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 4 เมื่อคนอิสราเอลมารวมตัวกันที่เยรูซาเล็มถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า และเริ่มวางรากพระวิหารของพระเจ้า

เมื่อ​ศัตรู​ของ​คนอิสราเอล​ได้​ยิน​ว่า คนอิสราเอลกำลัง​สร้าง​พระ​วิหาร​ถวาย​แด่​พระเจ้า
พวก​เขา​จึงได้มาพูดกับ ​เศ​รุบ​บา​เบล​และ​หัว​หน้า​ของ​ตระ​กูล ​เพื่อขอมีส่วนในการสร้างด้วย
แต่​เศ​รุบ​บา​เบล และ​คน​อื่นๆไม่ยินยอม

คนเหล่านั้น​ได้​ทำ​ให้คนอิสราเอล​ท้อ​ถอย และ​กลัว​ที่​จะ​สร้าง
และพวกเขา​ได้​จ้าง​ที่​ปรึก​ษา​ไว้​ขัด​ขวาง​คนอิสราเอล
ตลอด​รัช​กาล​ของ​ไซ​รัส​ และของ​ดา​ริ​อัส กษัตริย์​แห่ง​เปอร์​เซีย
และ​ใน​รัช​กาล​อา​หสุ​เอ​รัส​ พวก​เขา​ได้​เขียน​ฟ้อง​ชาว​ยู​ดาห์ และ​เย​รู​ซา​เล็ม

และ​ใน​สมัย​ของ​อาร​ทา​เซอร์​ซีส พวกเขา​ได้​เขียน​ไป​ทูลพระองค์ ว่า
บรรดาข้า​ราช​การ​ของ​อาร​ทา​เซอร์​ซีส ที่อยู่ทาง​มณฑล​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวัน​ตก
เห็นว่า พวก​ยิว​ใน​เย​รู​ซา​เล็ม ​กำลัง​ก่อ​สร้าง​เมือง​ที่​มัก​กบฏ​และ​ชั่ว​ร้าย​ขึ้น​ใหม่
และ​กำลัง​จะ​ทำ​กำ​แพง​เมือง​และ​ซ่อม​แซม​ราก​ฐาน

ซึ่งถ้า​เมือง​นี้​ถูก​สร้าง​ขึ้น​ใหม่​และ​กำ​แพง​เมือง​เสร็จ​แล้ว
คนยิว​จะ​ไม่​ส่ง​บรร​ณา​การ แก่เปอร์เซียอีกต่อไป
และเปอร์เซียจะ​ไม่​มี​กรรม​สิทธิ์​ใน​มณฑล​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวันตก อีกต่อไป

ถ้า​ อาร​ทา​เซอร์​ซีส จะทรง​ค้น​ดู​ใน​หนัง​สือ​บันทึก​ประวัติศาสตร์ ก็จะพบว่า
เมือง​นี้​เป็นเป็น​อัน​ตราย​ต่อ​บรรดา​กษัตริย์​และ​มณฑล​ทั้ง​หลาย

อาร​ทา​เซอร์​ซีส จึงส่งสาร​ตอบ​ไป​ว่า
อาร​ทา​เซอร์​ซีส ได้​ให้ค้น​ดู​แล้ว พบ​ว่า​ ​มี​การ​กบฏ​เกิด​ขึ้น​ใน​เมือง​นี้จริง
เคย​มี​กษัตริย์​ผู้​ทรง​อำ​นาจ​ได้​ครอง​เย​รู​ซา​เล็ม เป็น​ผู้​ทรง​ปก​ครอง​มณฑล​ทั้ง​สิ้น​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวัน​ตกจริง

เพราะ​ฉะนั้น ให้บรรดาข้าราชการที่เขียนจดหมายมา ได้ออก​คำ​สั่ง​
ให้​คน​ยิวหยุด​และ​ไม่​ต้อง​สร้าง​เมือง​นี้​ใหม่ จน​กว่า อาร​ทา​เซอร์​ซีส​จะ​ออก​กฤษ​ฎีกา

เมื่อ​ได้​อ่าน​​สาร​ของ​​อาร​ทา​เซอร์​ซีสแล้ว พวก​เขา​จึง​รีบ​ไป​หา​ยิว​ที่​เย​รู​ซา​เล็ม และ​ใช้​กำลัง​และ​อำ​นาจ​ทำ​ให้​เขา​หยุด
งาน​พระ​นิเวศ​แห่ง​พระ​เจ้า ซึ่ง​อยู่​ใน​เย​รู​ซา​เล็ม​จึง​หยุด
​จน​ถึง​ปี​ที่​สอง​แห่ง​รัช​กาล​ดา​ริ​อัส​กษัตริย์​แห่ง​เปอร์​เซีย

1. คนอิสราเอลเริ่มสร้างพระวิหาร ตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ปรากฏว่าเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย
จนในที่สุดการสร้างพระวิหารต้องหยุดลง

การทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ใช่ว่าเราจะไม่พบอุปสรรคใดๆเลย
บางครั้งอุปสรรคอาจจะมากจนทำให้สิ่งที่เราทำนั้นต้องหยุดลง
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เราทำนั้น ไม่ใช่ทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า
แต่เพราะว่าพระเจ้ามีแผนการที่ลึกซึ้งเกินกว่าที่เราจะเข้าใจได้
พระองค์จึงทรงอนุญาตให้อุปสรรคนั้นมากจนงานต้องหยุดลง

ดังนั้นวันนี้ เมื่อเราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าแล้ว
พบอุปสรรค อย่าให้เราท้อถอย ทำอย่างสัตย์ซื่อต่อไป
และถ้าอุปสรรคนั้นมากจนเราไปต่อไม่ได้
อย่าให้เราท้อใจ แต่ในเรารอคอยพระเจ้า จนถึงเวลาที่พระองค์ส่งสัญญาณให้เราเดินหน้าอีกครั้ง

2. คนอิสราเอลที่สร้างเมืองและพระวิหาร ถูกใส่ร้ายป้ายสี ว่ากำลังจะก่อกบฏ
จนในที่สุดพวกเขาต้องตกอยู่ในอันตราย
แต่ในบทต่อมาพวกเขาก็พบกับความยุติธรรม

การทำสิ่งที่ถูกต้อง หากเราได้รับความไม่เป็นธรรม
ให้เรายังคงสัตย์ซื่อต่อไป พระเจ้าเองจะเป็นผู้ประทานความยุติธรรมแก่เรา
ในเวลาของพระองค์

คำคม

“ การทำตามน้ำพระทัย แม้มีอุปสรรค แต่ในที่สุดจะสำเร็จ ”

สรุป เอสรา 5

ภาพรวม

  • เศรุบบาเบลและพรรคพวก ได้ลงมือสร้างพระวิหารอีกครั้ง ตามคำสั่งของพระเจ้า จึงมีบางคนได้เขียนจดหมายไปถึงกษัตริย์เปอร์เซียเพื่อฟ้องร้องพวกเขา

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 5 เมื่อคนที่อยู่บริเวณรอบยูดาห์และเยรูซาเล็ม ได้เขียนจดหมายไปหากษัตริย์เปอร์เซียกล่าวหาว่า คนอิสราเอลกำลังสร้างเมืองเพื่อเตรียมก่อกบฏ ดังนั้นกษัตริย์เปอร์เซียจึงสั่งให้หยุดสร้างเมืองและพระวิหาร

​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​ฮัก​กัย และ​เศ​คา​ริ​ยาห์​บุตร​อิด​โด ได้​เผย​พระ​วจนะ​แก่​พวก​ยิว​ผู้​อยู่​ใน​ยู​ดาห์​และ​เย​รู​ซา​เล็ม
แล้ว​เศ​รุบ​บา​เบล ​และ​เย​ชู​อา​ ก็ได้​เริ่ม​ต้น​สร้าง​พระ​นิเวศ​แห่ง​พระ​เจ้า อีกครั้ง

​ทัท​เธ​นัย ผู้​ว่า​ราช​การ​มณฑล​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวัน​ตก​และ​พรรคพวก ได้มาพูด ว่า
ใคร​ที่​ให้​กฤษ​ฎีกา​แก่​เศรุบบาเบล ให้​สร้าง​พระ​นิเวศ​​นี้​
และถาม​ว่า
ผู้​ที่​กำลัง​สร้าง​ตึก​นี้​นั้น​มี​ชื่อ​ใคร​บ้าง?

แต่​พระเจ้าทรงสถิต​อยู่​เหนือ​พวก​ผู้ใหญ่​ของ​พวก​ยิว
และ​ ทัท​เธ​นัย จึง​ยับ​ยั้ง​พวกเขาไม่​ได้​

​ใน​มณฑล​ยู​ดาห์ มีการสร้าง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​ยิ่ง​ใหญ่ ​อย่าง​ขยัน​ขัน​แข็ง
ทัทเธนัยจึงได้ห้ามพวกเขา
แต่พวกเขา ตอบว่า
พวกเขา​กำลัง​สร้าง​พระ​นิเวศ​ ซึ่ง​กษัตริย์​ผู้​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​อิส​รา​เอล​ได้​ทรง​สร้างไว้
แต่​เพราะ​ว่า​บรรพ​บุรุษ​ของ​พวกเขาได้​ทำ​ให้​พระ​เจ้า​​กริ้ว
พระ​องค์​ทรง​มอบ​พวกเขา​ไว้​ใน​มือของ​เนบู​คัด​เนส​ซาร์ ผู้​ทรง​ทำ​ลาย​พระ​นิเวศ​นี้
แต่ต่อมา​ใน​ปี​แรก​แห่ง​รัช​กาล​ไซ​รัส​ พระ​องค์​ทรง​ออก​กฤษ​ฎีกา​ให้​สร้าง​พระ​นิเวศ​หลัง​นี้ขึ้น​ใหม่
และกษัตริย์ไซรัสยังมอบเครื่อง​ใช้​​ของ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า ​ไว้​กับ​ชื่อ​เชช​บัส​ซาร์ ผู้​ว่า​ราช​การ​เมือง
เพื่อให้นำไปเก็บ​ไว้​ใน​พระ​วิหาร​ซึ่ง​อยู่​ใน​เย​รู​ซา​เล็ม
เพราะ​ฉะนั้น ​ขอ​กษัตริย์​ทรง​ให้​ค้น​ดู​ ก็จะทราบว่า กษัตริย์​ไซ​รัส ทรง​ออก​กฤษ​ฎีกา​ให้​สร้าง​พระ​นิเวศ​หลัง​นี้​
และกษัตริย์ต้องการให้ทำประการใดต่อไป เชิญสั่งมาเถิด

1. เศรุบบาเบล และพรรคพวก ลงมือสร้างพระวิหารอีกครั้ง
เพราะมีคำสั่งจากพระเจ้าให้สร้างต่อ
ทั้งที่ยังไม่มีกฤษฏีกาให้สร้างได้อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้าที่มีคำสั่งให้หยุดสร้าง

เดิมพันครั้งนี้ของเศรุบบาเบลและพรรคพวก สูงมาก
พวกเขาเลือกเชื่อฟังพระเจ้า ถึงแม้อาจจะต้องเดิมพันด้วยชีวิตของพวกเขาและครอบครัว

เมื่อการท้าทายที่ยิ่งใหญ่มาถึง
หากเรายังคงยึดมั่นในความเชื่อในพระเจ้า
เหตุการณ์นั้นจะถวายเกียรติยิ่งใหญ่แด่พระองค์

2. ทั้งที่เศรุบบาเบลและพรรคพวก รู้แน่ว่า การลงมือสร้างพระวิหารอีกครั้งนี้เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า
แต่ขณะเดียวกัน คำตอบที่พวกเขา ส่งไปยังดาริอัส กษัตริย์แห่งเปอร์เซีย
พวกเขาก็ทำอย่างถ่อมตนและให้เกียรติกษัตริย์

แม้เรารู้ว่า สิ่งที่เรากำลังทำนั้น เป็นการทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
อย่างไรก็ดี เรายังสมควรกระทำสิ่งนั้นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
และให้เกียรติแก่สิทธิอำนาจที่พระเจ้าทรงตั้งไว้

คำคม

“ การเชื่อฟังพระเจ้า แม้จะเสี่ยงแต่ก็คุ้มค่าเสมอ ”

สรุป เอสรา 6

ภาพรวม

  • กษัตริย์ดาริอัส มีคำสั่งให้คนที่ฟ้องร้องคนยิวที่กำลังสร้างพระวิหารนั้น ให้พวกเขาสนับสนุนคนยิวในการสร้างพระวิหารอย่างเต็มที่ แล้วพระวิหารก็ถูกสร้างจนสำเร็จ

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 6 เศรุบบาเบลและพรรคพวก ได้ลงมือสร้างพระวิหารอีกครั้ง ตามคำสั่งของพระเจ้า จึงมีบางคนได้เขียนจดหมายไปถึงกษัตริย์ดาริอัสแห่งเปอร์เซียเพื่อฟ้องร้องพวกเขา

กษัตริย์​ดา​ริ​อัส​ จึงให้​ค้น​ดู ​ใน​หอ​เก็บ​หนัง​สือ​ใน​บา​บิ​โลน และ​ในมณฑล​มี​เดีย
ได้​พบ​หนัง​สือ​ม้วน​หนึ่ง ความว่า

ใน​ปี​แรก​แห่ง​รัช​กาล​กษัตริย์​ไซ​รัส พระองค์​ทรง​ออก​กฤษ​ฎีกา
ให้​สร้าง​พระ​นิเวศ​นั้น​ขึ้น​ใหม่ ให้​สูง 27 เมตร และ​กว้าง 27 เมตร
และ​ให้​เสีย​เงิน​ค่า​ก่อ​สร้าง​จาก​พระ​คลัง​หลวง
และ​ให้นำเครื่อง​ใช้แห่ง​พระ​นิเวศ​แห่ง​พระ​เจ้า ​กลับ​ไป​ยัง​พระ​วิหาร​ซึ่ง​อยู่​ใน​เย​รู​ซา​เล็ม

ดังนั้นกษัตริย์ดาริอัส จึงสั่งให้
​ทัท​เธ​นัย​ผู้​ว่า​ราช​การ​มณฑล​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวัน​ตก และพรรคพวก ที่เขียนมาฟ้องร้องนั้น
ห้ามเข้าไปขัดขวาง​งาน​สร้าง​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​อีก

ยิ่ง​กว่า​นั้น​อีก ให้พวกเขา​ชำระ​เงิน​ค่า​ก่อ​สร้าง​แก่​คน​เหล่า​นี้​เต็ม​จำ​นวน
โดยเอา​เงิน​จาก​บรร​ณา​การ​ของ​มณฑล​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวัน​ตก​
และ​สิ่ง​ใดๆ ที่คนยิวที่กำลังก่อสร้างนั้น ต้อง​การ ​
ก็ให้​มอบ​แก่พวก​เขา​เป็น​วันๆ ไป​อย่า​ได้​ขาด
เพื่อพวก​เขา​จะ​ได้​​อธิษ​ฐาน​เพื่อ​ชีวิต​ของ​กษัตริย์​และพระ​โอรส

ถ้า​ใคร​เปลี่ยน​แปลง​ประ​กา​ศิต​นี้ ก็​ให้​ประหารเขาและทำลายบ้านของเขาเสีย
และ​ขอ​พระ​เจ้าทรง​คว่ำ​กษัตริย์​ทั้ง​หมด​หรือ​ประ​ชา​ชาติ​ใดๆ
ที่​ยื่น​มือ​ออก​ ​เพื่อ​ทำ​ลาย​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​​นี้
ขอ​ให้ทุกคน​ทำ​ตามคำสั่งนี้​ด้วย​ความ​ขยัน​ขัน​แข็ง

ดังนั้นทัท​เธ​นัย​และพรรคพวกก็​ได้​ทำ​ทุก​อย่าง​ด้วย​ความ​ขยัน​ขัน​แข็ง
​การ​กอ​สร้างจึงได้ก้าว​หน้า​ไป
และสร้าง​ได้​สำ​เร็จ​ใน​วัน​ที่​ 3 ของ​เดือน​อา​ดาร์ ใน​ปี​ที่ 6 ​แห่ง​รัช​กาล​กษัตริย์​ดา​ริ​อัส

แล้วพวกเขาก็ได้​ฉลอง​การ​มอบ​ถวาย​พระ​นิเวศ​แห่ง​พระ​เจ้า​นี้​ด้วย​ความ​ชื่น​บาน
และ​เขา​ตั้ง​ปุ​โร​หิต และ​คน​เลวี ให้​ปรน​นิบัติ​พระ​เจ้า​ในพระนิเวศน์ ตามธรรมบัญญัติ​ของ​โม​เสส

ใน​วัน​ที่ 14 ​ของ​เดือน​ที่ 1 พวก​เขาก็ได้​ถือ​เทศ​กาล​ปัส​กา
และ​ถือ​เทศ​กาล​กิน​ขนม​ปัง​ไร้​เชื้อ​ 7 ​วัน​ด้วย​ความ​ชื่น​บาน
เพราะ​ว่า​พระเจ้า​ได้​ทรง​ทำ​ให้พวก​เขา​ชื่น​บาน

1. เมื่อเศรุบบาเบลและพวกทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ตอนแรกดูเหมือนมีอันตรายถึงชีวิต จากผู้ว่าราชการมณฑลและพรรคพวกที่เขียนจดหมายไปฟ้องกษัตริย์
แต่สุดท้ายแล้ว การฟ้องนั้นกลับทำให้กษัตริย์สืบค้นความจริง
จนพบหนังสือม้วนหนึ่ง แค่ม้วนเดียวเท่านั้นแต่หาเจอพอดี
แล้วทำให้พวกที่ฟ้องเศรุบบาเบล กลับต้องมาช่วยเศรุบบาเบล ในการสร้างพระวิหารอย่างเต็มที่
ไม่เช่นนั้นจะถูกประหารชีวิต

เมื่อเราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
แล้วพระเจ้าอนุญาตให้บางอย่างที่ดูเหมือนอันตรายเกิดขึ้น
ถ้าเรายังคงสัตย์ซื่อที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าต่อไป
ในที่สุดสิ่งที่ดูเหมือนอันตรายเหล่านั้น จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า
และจะนำพระพรยิ่งใหญ่มาสู่ชีวิตของเขา

2. ก่อนที่จะเริ่มสร้างพระวิหารหลังใหม่นี้ คนยิวเริ่มต้นด้วยการทำตามบัญญัติของพระเจ้า(บทที่ 3)
และเมื่อวิหารสร้างเสร็จแล้ว พวกเขาก็ได้ถือเทศกาลต่างๆตามบัญญัติของพระเจ้า
พระเจ้าทรงอวยพระพรพวกเขาให้เต็มไปด้วยความชื่นบาน

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า คือการทำตามพระวจนะของพระเจ้า
เราไม่สามารถรับใช้พระเจ้า โดยไม่สนใจที่จะทำตามพระวจนะของพระเจ้าได้

คำคม

“ ภยันตรายที่เราพบ เมื่อเราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า จะกลายเป็นพระพรยิ่งใหญ่ ”

สรุป เอสรา 7

ภาพรวม

  • เอสราได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์ ให้กลับมายังเยรูซาเล็มเพื่อสอนพระบัญญัติของพระเจ้าแก่ผู้คนที่นั่น

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 7 เมื่อกษัตริย์ดาริอัส มีคำสั่งให้คนที่ฟ้องร้องคนยิวที่กำลังสร้างพระวิหารนั้น ให้พวกเขาสนับสนุนคนยิวในการสร้างพระวิหารอย่างเต็มที่ แล้วพระวิหารก็ถูกสร้างจนสำเร็จ

ต่อ​มา​ใน​รัช​กาล​ของ​อาร​ทา​เซอร์​ซีส กษัตริย์​แห่ง​เปอร์​เซีย
เอส​รา​บุตร​เส​ไร​อาห์ ผู้​เป็นเชื้อสายของอา​โรน​ ได้​มา​จาก​บา​บิ​โลน
เขา​เป็น​ธรร​มา​จารย์​ชำ​นาญ​ใน​เรื่อง​ธรรม​บัญ​ญัติ​ของ​โม​เสส
และ​กษัตริย์​ประ​ทาน​ทุก​อย่าง​ที่​เขาทูล​ขอ
เพราะ​ว่า​พระเจ้าทรงอยู่​กับ​ท่าน

ในเดือนที่ 1 ​ปี​ที่​ 7 ​แห่ง​รัช​กาล​กษัตริย์​อาร​ทา​เซอร์​ซีส
เอสราและคนอิสราเอลบางคน ได้เดินทางออกจากบาโบโลน
และ​มา​ถึง​เย​รู​ซา​เล็ม​ใน​เดือน​ที่ 5 ในปีนั้น

เอส​รา​ได้​ตั้ง​ใจที่​จะ​ศึก​ษา​ธรรม​บัญ​ญัติ​ของพระเจ้า
และ​ทำ​ตาม​
และ​สอน​กฎ​เกณฑ์​และ​กฎ​หมาย​ของพระเจ้า ใน​อิส​รา​เอล

​กษัตริย์​อาร​ทา​เซอร์​ซีส​ ได้มอบจดหมายแก่​เอส​รา ใจความว่า
กษัตริย์อาร​ทา​เซอร์​ซีส​ ได้ออก​กฤษ​ฎีกา​
ให้คน​อิส​รา​เอล​คน​ใด​ ที่​สมัคร​ใจ​ไป​ยัง​เย​รู​ซา​เล็ม​ก็​ให้​ไป​กับเอสราได้
และ​ให้​เอสรานำ​เงิน​ ​ทอง​คำ และของถวายต่างๆ​ จาก​กษัตริย์​และผู้อื่น
ที่​ถวาย​แด่​พระ​เจ้า ​ไปยังเย​รู​ซา​เล็ม

ให้นำเงินเหล่านี้ซื้อของ​ถวาย แด่พระเจ้า
ส่วน​เงิน​และ​ทอง​คำ​ที่​เหลือ​​นั้น​ เอสราและ​พี่​น้อง​​จะ​ทำ​อย่างไร​ก็​ให้​ทำ​เถิด
และ​สิ่ง​ใดๆ ซึ่ง​ยัง​ต้อง​การ​สำ​หรับ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า ให้จัด​หา​ให้​จาก​พระ​คลัง​ของ​กษัตริย์

สิ่ง​ใดๆ ที่​เอส​รา ต้อง​การ​​ให้นาย​คลัง​ใน​มณฑล​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวัน​ตก​
จัดหาให้เอสรา​ด้วย​ความ​ขยัน​ขัน​แข็ง
ให้​ทำอย่าง​เต็ม​ที่​สำ​หรับ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​
เพื่อไม่ให้พระเจ้าพิโรธ​ต่อ​ดิน​แดน​ของ​กษัตริย์ และ​บรรดา​พระโอรส​

และห้ามเก็บค่าบรร​ณา​การ​ หรือ​ภาษี​จาก ​บรรดา​ปุ​โร​หิต คน​เลวี และ บ่าว​ไพร่​ประ​จำ​พระ​วิหาร หรือ​ผู้​รับ​ใช้​อื่นๆ ของ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า​นี้

และให้เอส​รา ​แต่ง​ตั้ง​พนัก​งาน​ผู้​ปก​ครอง และ​ผู้​พิ​พาก​ษา​ ​ใน​มณฑล​ฟาก​แม่​น้ำ​ข้าง​ตะวัน​ตก
คือ​ทุก​คน​ที่​รู้​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​เจ้า​
และ​คน​ที่​ไม่​รู้ เอสรา​จะ​ต้อง​สอนพวกเขาให้รู้
และใคร​ที่​ไม่​เชื่อ​ฟัง​พระ​บัญ​ญัติ​ และ​กฎ​หมาย​ของ​กษัตริย์ ​ก็​ให้​พิ​พาก​ษา​ลง​โทษ​เขา​อย่าง​เคร่ง​ครัด

เอสราจึง สาธุ​การ​แด่พระเจ้า ผู้​ดล​พระ​ทัย​ของ​กษัตริย์​ให้​เสริม​ความ​งาม​แก่​พระ​นิเวศ​ของพระองค์
และ​ผู้ทรงทำให้เอสรา เป็นที่​ชอบ​ต่อ​พระ​พักตร์​กษัตริย์ และ​ต่อหน้าคนทั้งหลาย
ดังนั้นเอสราจึง​มี​ใจ​กล้า​ขึ้น ​ได้​รวบ​รวม​คน​อิส​รา​เอล​ไป​กับเขา

1. ลักษณะสำคัญของเอสรา คือ
เอส​รา​ได้​ตั้ง​ใจที่​จะ​ศึก​ษา​พระคำ และ​ทำ​ตาม​ และ​สอน​คนอื่น

เอสราไม่เพียงแค่สนใจพระคำเท่านั้น แต่นำไปใช้จริงๆในการดำเนินชีวิตด้วย
และน่าสังเกตว่า เขานำไปใช้ก่อน แล้วค่อยนำไปสอนคนอื่น

คนของพระเจ้า จะใส่ใจในการศึกษาพระคำของพระเจ้า
และจะปฏิบัติตามพระคำของพระเจ้า ก่อนที่จะนำไปสอนคนอื่น

2. เพราะพระเจ้าทรงสถิตกับเอสรา เชลยอย่างเขาจึงเป็นที่ถูกใจของกษัตริย์และเหล่าที่ปรึกษากษัตริย์
จนได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ในการกลับมา
สอนพระคำของพระเจ้าและสนับสนุนการปรนนิบัติพระเจ้าในพระวิหารที่เยรูซาเล็ม

คนที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย ผู้ตั้งใจจะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า
ย่อมได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากพระเจ้า

วันนี้ พระเจ้าทรงสถิตกับเรา และเราทราบน้ำพระทัยของพระเจ้าแล้วว่า
พระองค์ประสงค์ให้เรานำคนทั้งหลายให้มาได้รับความรอดในพระองค์
ดังนั้น หากเราเริ่มต้นทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า ด้วยการเป็นพยาน การประกาศข่าวประเสริฐ หรือการแจกใบปลิว การแชร์พระคำของพระเจ้าออกไป
พระเจ้าเองจะเป็นผู้สนับสนุนเราในการทำตามน้ำพระทัยของพระองค์นี้อย่างแน่นอน

คำคม

“ จงศึกษาพระคำ นำไปใช้ แล้วค่อยไปสอนคนอื่น ”

สรุป เอสรา 8

ภาพรวม

  • เอสราและคนอิสราเอลจำนวนหนึ่ง ได้มายังเยรูซาเล็มอย่างปลอดภัย แล้ว มอบเงินทองและของถวาย ให้แก่ปุโรหิตผู้ดูแลพระนิเวศของพระเจ้า

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 8 เมื่อเอสราได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์ ให้กลับมายังเยรูซาเล็มเพื่อสอนพระบัญญัติของพระเจ้าแก่ผู้คนที่นั่น เขาจึงกลับมาพร้อมกับคนอิสราเอลจำนวนหนึ่ง

เอสรา​ได้​รวบ​รวมคนที่จะไปด้วยมาตั้ง​ค่าย​อยู่ 3 วัน บริเวณ​แม่​น้ำ​ที่​ไหล​สู่​อา​หะ​วา
เอสรา​พบ​ว่า ไม่มีคนในพงศ์​พันธุ์​ของ​เลวี​ที่​นั่น​เลย
เอสราจึง​ส่งคนไป​หา ​อิด​โด ผู้เป็นหัว​หน้า​ใน​สถาน​ที่​ ชื่อ​คา​สิ​เฟีย
ซึ่งมีพงศ์พันธุ์ของ​บ่าว​ไพร่​ประ​จำ​พระ​วิหาร​ที่นั่น
เพื่อขอให้พวกเขาส่งคนเลวีไปกับเอสราด้วย

โดย​พระ​คุณ​ของ​พระ​เจ้า พวก​เขา​ได้​นำ​คน​ที่​มี​ความ​สุขุม​มา​ให้ เป็นคนเลวี 80 ​คน
และ​บ่าว​ไพร่​ประ​จำ​พระ​วิหาร 220 คน

ดังนั้นคนอิสราเอลที่กลับมาพร้อมเอสรา จากพงศ์พันธุ์ต่างๆจึงมีทั้งสิ้น 1,758 คน


แล้ว​เอสราก็​ประ​กาศ​ให้​ถือ​อด​อา​หาร​ ​ที่​แม่​น้ำ​อา​หะ​วา
เพื่อ​ถ่อม​ตัว​ลง​ต่อ​พระ​เจ้า เพื่อ​จะ​ทูล​ขอ​หน​ทาง​ที่​ถูก​ต้อง​จาก​พระ​องค์​
เนื่องจากเอสรา ไม่ต้องการ​ที่​จะ​ทูล​ขอ​กอง​ทหาร​และ​พล​ม้า​จาก​กษัตริย์
​เพื่อ​ช่วยพวกเขาสู้​ศัตรู​ตาม​ทาง
เพราะว่าเอสราได้บอก​กษัตริย์​ ​ว่า
พระ​เจ้าจะช่วยผู้ที่แสวงหาพระองค์ให้​เกิด​ผล​ดี
และพระเจ้าจะต่อ​สู้​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ละ​ทิ้ง​พระ​องค์

พวกเขา​จึง​อด​อา​หาร​และ​วิง​วอน​พระ​เจ้า​ เพื่อ​เรื่อง​นี้
และ​พระ​องค์​ทรง​ฟัง​เสียง​ร้อง​ทูล​ของ​พวกเขา

เอสราได้​ชั่ง​เงิน​และ​ทอง​คำ​และ​เครื่อง​ใช้​กับ​เครื่อง​ถวายต่างๆ สำ​หรับ​พระ​นิเวศ​
มอบ​ให้บรรดา​ปุ​โร​หิต​และ​คน​เลวีเป็นผู้ดูแล ​เป็น​เงิน 22 ตัน และ​​ทอง​คำ 3,400 กิ​โล​กรัม และเครื่อง​ใช้อื่นๆอีกหลายอย่าง

แล้วเอสรากับพวกก็​ออก​จาก​แม่​น้ำ​อา​หะ​วา​ใน​วัน​ที่​ 12 ของ​เดือน​ที่ 1
และ​พระเจ้าทรง​อยู่​กับ​พวกเขา และ​พระ​องค์​ทรง​ช่วย​กู้​พวกเขา​ให้​พ้น​จาก​มือ​ของ​ศัตรู​และ​จาก​พวกโจร
พวกเขาจึงมา​ถึง​เย​รู​ซา​เล็มอย่างปลอดภัย
​และ​พัก​อยู่​ที่​นั่น 3 ​วัน
ใน​วัน​ที่​ 4 พวกเขาก็​ได้ชั่ง​ทอง​คำ และ​เครื่อง​ใช้​ ​และ​บันทึก​น้ำ​หนัก​ของ​ทุก​สิ่ง​ไว้
แล้วสิ่งเหล่านั้นมอบแก่​ปุ​โร​หิตผู้ดูแลพระนิเวศ

ใน​วัน​นั้น​คนอิสราเอลได้​ร่วมกันถวาย​เครื่อง​บูชา​แด่​พระ​เจ้า​
และพวกเขา​ได้​มอบกฤษ​ฎีกา​แก่​พวก​ข้า​หลวง​ของ​กษัตริย์
และ​แก่​พวก​ผู้​ว่า​ราช​การ​มณฑล​ฟาก​ตะวัน​ตก​ของ​แม่​น้ำ​ยูเฟร​ติส
และ​พวกเขา​เหล่า​นี้​จึงได้​ช่วย​เหลือ​ประ​ชา​ชน​และ​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า

1. ตอนแรกคนที่จะกลับไปเยรูซาเล็มพร้อมกับเอสรานั้นไม่มีเลวีเลย มีแต่ปุโรหิต
ความจริงแล้วเอสราได้รับหน้าที่กลับไปสั่งสอนพระธรรมของพระเจ้า
ดังนั้นไม่ว่าจะมีคนเลวีไปด้วยหรือไม่ ก็ไม่สำคัญสำหรับภารกิจของเขานัก

แต่เอสรารู้ดีว่า คนเลวีจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการปรนนิบัติในพระนิเวศของพระเจ้า
เขาจึงใช้คนไปเรียกคนเลวีมาร่วมเดินทางไปด้วย

เมื่อเรารับใช้พระเจ้า สิ่งที่เราควรคำนึงถึงไม่ใช่เพียงว่าทำอย่างไรงานของเราจึงจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีเท่านั้น
แต่ควรคำนึงด้วยว่า ทำอย่างจึงจะเป็นประโยชน์ต่องานของพระเจ้าโดยรวมมากที่สุด

รับใช้พระเจ้า ไม่ใช่สนใจแค่งานของตนเอง โดยไม่ใส่ใจสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานของตน

2. เอสราได้บอกกษัตริย์ว่า พระเจ้ายิ่งใหญ่จะช่วยพวกเขาได้
แล้วเอสราก็ทำตามที่เขาพูดนั้น คือ
เดินทางพร้อมทองคำ 3,400 กิโลกรัม และสมบัติอีกมากมาย
เดินทางราว 1,500 กิโลเมตร เป็นเวลา 4 เดือน
โดยปราศจากทหารคุ้มกัน

เมื่อเอสราพึ่งพาพระเจ้า ไม่พึ่งพากษัตริย์
พระเจ้าไม่ทรงทำให้เขาผิดหวัง
เขารอดพ้นเงื้อมมือศัตรูและพวกที่ดักปล้น
มาถึงเยรูซาเล็มอย่างปลอดภัย

สังเกตได้ว่าการเดินทางนี้ทำให้พวกเขาเหน็ดเหนื่อยมาก
จนต้องพัก 3 วัน ก่อนที่จะเริ่มทำอะไรต่อไป
แม้จะเหนื่อย แต่ก็ปลอดภัย

เมื่อเรากล้าไว้วางใจในพระเจ้า
เราจะไม่มีวันผิดหวัง
ถึงแม้ว่าหนทาง ระหว่างทาง อาจพบอุปสรรค ความยากลำบากบ้าง
แต่ในที่สุดแล้วเราจะถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย และถวายเกียรติแด่พระเจ้า

3. เมื่อเอสรานำทองคำ เงิน และเครื่องใช้มากมายมาถึงพระนิเวศแล้ว
เขาไม่ได้ยึดเอาไว้ดูแลเอง แต่มอบทั้งหมดให้แก่ปุโรหิตผู้ดูแลพระนิเวศเป็นผู้ดูแลต่อไป
แล้วเขาเองก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทรัพย์สมบัตินั้นอีก

สิ่งที่พระเจ้ามอบหมายให้เรา นำมาถวายแด่พระเจ้านั้น
เมื่อมอบแด่พระเจ้า เราไม่ควรจะอวดอ้างความดีของตน หรือยึดอำนาจการใช้สิ่งเหล่านั้นไว้ในมือของเราด้วยการถือว่า เพราะตัวเรา ของถวายนี้จึงมาถึงคริสตจักรของพระเจ้า

แต่เราควรมอบให้แก่ผู้ดูแลตามหน้าที่ของเขา
แล้วก็ไม่ต้องไปแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นอีก
เราเป็นเพียงแค่ผู้ขนสิ่งที่พระเจ้า ปรารถนาจะประทานแก่คริสตจักรของพระองค์ มามอบยังคริสตจักรเท่านั้น

คำคม

“ คนที่พึ่งพาพระเจ้าสุดหัวใจ จะปลอดภัยในทุกสถานการณ์ ”

สรุป เอสรา 9

ภาพรวม

  • เอสราทราบข่าวว่า คนอิสราเอลละเมิดพระบัญยัติ โดยการไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ เจาโศกเศร้าเสียใจมาก และเข้ามาอธิษฐานสารภาพบาปผิดของชนชาติของเขา ต่อพระเจ้า

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 9 เมื่อเอสราและคนอิสราเอลจำนวนหนึ่ง ได้มายังเยรูซาเล็มอย่างปลอดภัย แล้ว มอบเงินทองและของถวาย ให้แก่ปุโรหิตผู้ดูแลพระนิเวศของพระเจ้า

หลังจากนั้น พวก​หัว​หน้าของประชาชน ได้มาแจ้งเอสรา ​ว่า
คน​อิส​รา​เอล​และ​ปุ​โร​หิต​กับ​คน​เลวี ได้​รับ​หญิงต่างชาติมา​เป็น​ภรรยา
แม้แต่​พวก​หัว​หน้า​และ​ผู้​ครอง​เมือง​เป็น​แม่​แบบ​ใน​ความ​ผิด​นี้ด้วย

เมื่อเอสรา​ได้​ยิน​อย่าง​นี้ ​ก็​ฉีก​เสื้อ​ทั้ง​เสื้อ​คลุม​ของเขา และ​ทึ้ง​ผม​ออก​จาก​ศีรษะ
​และ​ทึ้ง​หนวด​เครา​ และ​นั่ง​ลง​ตะลึง​อยู่

แล้ว​บรรดา​คน​ที่​สั่น​สะท้าน​เพราะ​​ความ​ผิด​ของ​พวก​เขา
ได้​มา​ประ​ชุม​ต่อ​หน้า​เอสรา ​ขณะ​ที่​เอสรานั่ง​ตะลึง​อยู่​จน​ถึง​เวลา​ถวาย​เครื่อง​บูชา​ตอน​เย็น

แล้วเอสรา​ก็​คุก​เข่า​ลง​และ​ชู​มือ​ขึ้น​ต่อ​พระเจ้า และ​ทูล​ว่า

เขา​อับ​อาย​อดสู​ที่​จะ​เงย​หน้า​หา​พระ​องค์​
เพราะ​ว่า​ความ​บาป​ชั่ว​ของ​พวก​เขา​มากมายเหลือเกิน
พวกเขา​ผิด​ยิ่ง​ใหญ่​ตั้ง​แต่​สมัย​บรรพ​บุรุษ​ จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้
และ​เพราะ​ความ​บาป​ชั่ว​นั้น พวกเขาจึงพบกับ​ดาบ การ​เป็น​เชลย การ​ปล้น และ​​การ​อดสู​อย่าง​ที่​สุด

แต่​บัด​นี้​พระเจ้าทรง​สำ​แดง​พระ​กรุ​ณา ชั่ว​ครู่​หนึ่ง​สั้นๆ ​
พระ​องค์​ไม่​ได้​ทรง​ละ​ทิ้ง​พวกเขาใน​ความ​เป็น​ทาส
จนสามารถตั้ง​พระ​นิเวศ​ของ​พระเจ้าขึ้นมาใหม่

แต่บัด​นี้ เอสราก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เพราะ​พวก​เขากลับได้​ละ​ทิ้ง​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์อีก
พระเจ้าทรงดีต่อพวกเขาถึงเพียงนี้
พวกเขายัง​ละเมิด​พระ​บัญ​ญัติ​ของ​พระ​องค์​อีก
แล้วด้วยเหตุนี้ พระ​องค์​คงจะ​​กริ้ว​ต่อ​พวกเขา จน​​ผลาญ​พวกเขา​เสีย จน​ไม่​มีใครเหลือรอด​ได้​เลย​เป็นแน่
บัดนี้ ​จึง​ไม่​มี​สัก​คน​เดียว รวมทั้งเอสราด้วย ​ที่​จะ​ยืน​ต่อ​พระ​พักตร์​พระเจ้า​ได้

1. เมื่อเอสรารับรู้ถึงความผิดบาปของประชาชน สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การเริ่มต้นตำหนิประชาชนเหล่านั้น
แต่เป็นการโศกเศร้าเสียใจอย่างที่สุด ที่ประชาชนทำเช่นนี้ต่อพระเจ้าได้อย่างไร

เมื่อพบคนทำผิด ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ
เอสรา ดึงผมตนเอง
แต่เนหะมีย์ ดึงผมคนเหล่านั้น (นหม. 13:25)
สะท้อนให้เห็นบุคคลิกที่แตกต่างกันของผู้นำทั้งสอง

แต่ท่าทีที่เหมือนกันของผู้นำทั้งสองคือ
หลังจากนั้นพวกเขาเข้ามาหาพระเจ้า ร้องทูลต่อพระองค์

เมื่อเราพบว่าตัวเรา หรือคนรอบข้างทำผิดบาป สิ่งที่สมควรทำอย่างที่สุดก็คือ
จงรีบเข้ามาหาพระเจ้า นำเรื่องราวนั้นมาร้องทูลต่อพระองค์
แล้วเราจะพบพระเมตตาของพระเจ้า

2. เมื่อคิดถึงพระเมตตาของพระเจ้า และคำนึงถึงความบาปผิดของชนชาติของตน
เอสรารู้ตัวว่า พวกเขาไม่มีหน้าจะคาดหวังการอวยพรจากพระเจ้าได้เลย
สิ่งที่พวกเขาสมควรจะพบ คือ พิโรธของพระเจ้า
ตัวเอสราเอง ก็ไม่มีหน้าที่จะมาทูลอะไรต่อพระเจ้าได้อีก
นอกจากทูลขอพระเมตตาจากพระองค์

ท่าทีที่ถูกต้อง เมื่อเราพบกับสิ่งร้ายในชีวิต คือ
เริ่มต้นด้วยการสำรวจดูตนเอง
แล้วเข้ามาหาพระเจ้า ขอพระเมตตาจากพระองค์ อย่างถ่อมใจ

สิ่งที่ใครๆเขาก็ทำกัน
คริสเตียนคนไหนๆที่เรารู้จัก เขาก็ทำกัน
คริสตจักรทั้งหลายที่เราเห็น เขาก็ทำกัน
อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามพระวจนะของพระเจ้าเสมอไป
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยพระทัยของพระบิดาให้เรารับรู้และเข้าใจ
ว่ามีสิ่งใดบ้างที่พวกเราทั้งหลายกำลังทำผิดต่อพระองค์ กำลังไม่เชื่อฟังพระองค์
เมื่อเรารับรู้สิ่งนั้นแล้ว จงนำมันเข้ามาหาพระเจ้าขอพระเมตตาจากพระองค์เถิด

คำคม

“ ไม่น่าแปลกใจเลย เมื่อไร้พระพร หากเรากำลังกระทำสิ่งที่ขัดกับพระคำของพระเจ้า ”

สรุป เอสรา 10

ภาพรวม

  • คนอิสราเอลได้มาหาเอสรา ปรารถนาที่จะกลับใจใหม่ เอสราจึงให้พวกเขาหย่าภรรยาต่างชาติของพวกเขาเสีย พวกเขาก็ทำตาม

# สรุป

@ สื่งที่เรียนรู้

เอสรา บทที่ 10 เมื่อเอสราทราบข่าวว่า คนอิสราเอลละเมิดพระบัญญัติ โดยการไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ เขาโศกเศร้าเสียใจมาก และเข้ามาอธิษฐานสารภาพบาปผิดของชนชาติของเขา ต่อพระเจ้า

ขณะที่​เอส​รา​กำลังอธิษ​ฐาน​และ​สาร​ภาพ​ ร้อง​ไห้​ ​ต่อ​หน้า​พระ​นิเวศ​ของ​พระ​เจ้า
มี​ ​อิส​รา​เอล​ จำนวนมาก​ทั้ง​ชาย​หญิง​และ​เด็ก มาหาเอสรา
และ​ประ​ชา​ชน​ร้อง​ไห้​อย่าง​ขม​ขื่น

​เช​คา​นิ​ยาห์ ผู้เป็นผู้นำคนหนึ่ง​กล่าว​กับ​เอส​รา​ว่า
พวกเขา​ได้​ทำ​ผิด​ต่อ​พระ​เจ้า​แล้ว ได้​แต่ง​งาน​กับ​หญิง​ต่าง​ชาติ​
แต่พวกเขาก็​ยัง​มี​ความ​หวังอยู่
ดังนั้นขอให้พวกเขา​ทำ​พันธ​สัญ​ญา​กับ​พระ​เจ้า​
ที่​จะ​ทิ้ง​ภรรยา​เหล่า​นี้​และ​ลูกๆ ซึ่ง​เกิด​มา​จาก​พวก​นาง​เสีย
ขอเอสรา​ลุก​ขึ้น ทำ​หน้า​ที่​เถิด พวกเขาจะ​สนับ​สนุน​เอสราเอง

แล้ว​เอส​รา​ก็ลุก​ขึ้น​ และให้​พวก​ปุ​โร​หิต​ เลวี และ​อิส​รา​เอล​ทั้ง​หมด​ ทำ​สัตย์​สา​บาน​ว่า
พวกเขา​จะ​ทำ​ตาม​ที่​ได้​พูด​แล้ว พวก​เขา​จึง​ทำ​สัตย์​สา​บาน

แล้ว​เอส​รา​ก็​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​ของมหาปุโรหิต และงดอาหารและน้ำ
เพราะเอสรากำลัง​โศก​เศร้า​ด้วย​เรื่อง​การ​ละเมิด​ของ​คนอิสราเอล

และ​พวก​เขา​ก็​ป่าว​ร้อง​ทั่ว​ยู​ดาห์​และ​เย​รู​ซา​เล็ม
ให้​​ผู้​ชาย​ทุก​คน​มา​ชุม​นุม​กัน​ที่​เย​รู​ซา​เล็ม ใน​ วัน​ที่ 20 เดือน​ที่​ 9
แล้วประ​ชา​ชนก็ตัว​สั่น​สะท้าน​ด้วย​เรื่อง​นี้ และ​เพราะ​ฝน​ตก​หนัก

​เอส​รา​​พูด​กับ​พวก​เขา​ว่า
พวก​เขาได้​ละเมิด​และ​ได้​แต่ง​งาน​กับ​หญิง​ต่าง​ชาติ
จึง​ได้​ทวี​ความ​ผิด​ของ​อิส​รา​เอล
ดังนั้นจง​สาร​ภาพ​ต่อ​พระเจ้า และ​ทำ​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​ของ​พระ​องค์
จง​แยก​ตัว​ท่าน​ออก​เสีย​จาก​ชน​ชาติ​ต่างๆ ​และ​จาก​ภรรยา​ต่าง​ชาติ

แล้วพวกเขาก็ตอบ​ว่า

ถูก​แล้ว พวกเขาต้อง​ทำ​ตาม​ที่​เอสรา​พูด
แต่เนื่องจาก​มี​ประ​ชา​ชน​มาก​ คนที่ละเมิดก็มีมาก และ​ฝนก็​ตก​หนัก
ถ้าให้พวกเขาทั้งชุมชน ร่วมกันสืบสวน และให้คนที่ทำผิด หย่าภรรยา​
คงทำไม่​เสร็จ​ภาย​ในวัน​สอง​วัน​
ดังนั้นขอ​ให้​เจ้า​หน้า​ที่ ทำ​การ​แทน​ชุม​นุม​ชน​ทั้ง​สิ้น
และ​ให้คนที่ละเมิด ทยอยกัน​มา​ตาม​เวลา​กำ​หนด
จน​กว่า​จะจัดการได้ทั้งหมด

ชุมนุมชนจึงตกลงทำตามนั้น
แต่มีบางคน​ที่​คัด​ค้าน​เรื่อง​นี้​

เอส​รา​ได้​เลือก​ชาย​บาง​คน​ที่​เป็น​หัว​หน้า​ของ​ตระ​กูล
ใน​วัน​ที่​ 1 ​ของ​เดือน​ที่​ 10 เขาก็​นั่ง​ประ​ชุม​กัน​พิจาร​ณา​เรื่อง​นี้
พอ​ถึง​วัน​ที่​ 1 ​ของ​เดือน​ที่​ 1 พวก​เขา​ก็​เสร็จ​สิ้น​เรื่อง​ชาย​ทุก​คน​ที่​ได้​แต่ง​งาน​กับ​หญิง​ต่าง​ชาติ

1. เมื่อเอสราพบว่าประชาชนทำสิ่งที่ผิด เขาเข้าหาพระเจ้าอย่างถ่อมใจ ร้องไห้ต่อพระองค์
แล้วการฟื้นฟูก็เกิดขึ้นท่ามกลางประชาชน

การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือ กาารเข้าหาพระเจ้าอย่างถ่อมใจ ร้องทูลความทุกข์ใจของเราต่อพระองค์
แล้วเมื่อพระองค์ทรงจัดการกับปัญหาของเรา ผลที่ออกมาจะดีเกินกว่าที่เราจะคิดได้

2. ​เอส​ราบอกกับอิสราเอลว่า หากจะกลับใจ
พวกเขาต้อง​สาร​ภาพ​ต่อ​พระเจ้า และ​หันกลับมาทำ​ตาม​ชอบ​พระ​ทัย​ของพระเจ้า
และแก้ไขสิ่งที่ทำผิดนั้นเสีย

การกลับใจที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค้คำพูดหรือจินตนาการ
แต่เป็นการสารภาพบาปต่อพระเจ้าอย่างจริงใจ
และหันกลับจากการทำตามใจปรารถนาของตนเองมาทำสิ่งที่ถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเจ้า

คำคม

“ การกลับใจแท้ จะมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสมอ ”