ภาพรวม
- เอสราทราบข่าวว่า คนอิสราเอลละเมิดพระบัญยัติ โดยการไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ เจาโศกเศร้าเสียใจมาก และเข้ามาอธิษฐานสารภาพบาปผิดของชนชาติของเขา ต่อพระเจ้า
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
เอสรา บทที่ 9 เมื่อเอสราและคนอิสราเอลจำนวนหนึ่ง ได้มายังเยรูซาเล็มอย่างปลอดภัย แล้ว มอบเงินทองและของถวาย ให้แก่ปุโรหิตผู้ดูแลพระนิเวศของพระเจ้า
หลังจากนั้น พวกหัวหน้าของประชาชน ได้มาแจ้งเอสรา ว่า
คนอิสราเอลและปุโรหิตกับคนเลวี ได้รับหญิงต่างชาติมาเป็นภรรยา
แม้แต่พวกหัวหน้าและผู้ครองเมืองเป็นแม่แบบในความผิดนี้ด้วย
เมื่อเอสราได้ยินอย่างนี้ ก็ฉีกเสื้อทั้งเสื้อคลุมของเขา และทึ้งผมออกจากศีรษะ
และทึ้งหนวดเครา และนั่งลงตะลึงอยู่
แล้วบรรดาคนที่สั่นสะท้านเพราะความผิดของพวกเขา
ได้มาประชุมต่อหน้าเอสรา ขณะที่เอสรานั่งตะลึงอยู่จนถึงเวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็น
แล้วเอสราก็คุกเข่าลงและชูมือขึ้นต่อพระเจ้า และทูลว่า
เขาอับอายอดสูที่จะเงยหน้าหาพระองค์
เพราะว่าความบาปชั่วของพวกเขามากมายเหลือเกิน
พวกเขาผิดยิ่งใหญ่ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ จนถึงทุกวันนี้
และเพราะความบาปชั่วนั้น พวกเขาจึงพบกับดาบ การเป็นเชลย การปล้น และการอดสูอย่างที่สุด
แต่บัดนี้พระเจ้าทรงสำแดงพระกรุณา ชั่วครู่หนึ่งสั้นๆ
พระองค์ไม่ได้ทรงละทิ้งพวกเขาในความเป็นทาส
จนสามารถตั้งพระนิเวศของพระเจ้าขึ้นมาใหม่
แต่บัดนี้ เอสราก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
เพราะพวกเขากลับได้ละทิ้งพระบัญญัติของพระองค์อีก
พระเจ้าทรงดีต่อพวกเขาถึงเพียงนี้
พวกเขายังละเมิดพระบัญญัติของพระองค์อีก
แล้วด้วยเหตุนี้ พระองค์คงจะกริ้วต่อพวกเขา จนผลาญพวกเขาเสีย จนไม่มีใครเหลือรอดได้เลยเป็นแน่
บัดนี้ จึงไม่มีสักคนเดียว รวมทั้งเอสราด้วย ที่จะยืนต่อพระพักตร์พระเจ้าได้
1. เมื่อเอสรารับรู้ถึงความผิดบาปของประชาชน สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การเริ่มต้นตำหนิประชาชนเหล่านั้น
แต่เป็นการโศกเศร้าเสียใจอย่างที่สุด ที่ประชาชนทำเช่นนี้ต่อพระเจ้าได้อย่างไร
เมื่อพบคนทำผิด ไปแต่งงานกับหญิงต่างชาติ
เอสรา ดึงผมตนเอง
แต่เนหะมีย์ ดึงผมคนเหล่านั้น (นหม. 13:25)
สะท้อนให้เห็นบุคคลิกที่แตกต่างกันของผู้นำทั้งสอง
แต่ท่าทีที่เหมือนกันของผู้นำทั้งสองคือ
หลังจากนั้นพวกเขาเข้ามาหาพระเจ้า ร้องทูลต่อพระองค์
เมื่อเราพบว่าตัวเรา หรือคนรอบข้างทำผิดบาป สิ่งที่สมควรทำอย่างที่สุดก็คือ
จงรีบเข้ามาหาพระเจ้า นำเรื่องราวนั้นมาร้องทูลต่อพระองค์
แล้วเราจะพบพระเมตตาของพระเจ้า
2. เมื่อคิดถึงพระเมตตาของพระเจ้า และคำนึงถึงความบาปผิดของชนชาติของตน
เอสรารู้ตัวว่า พวกเขาไม่มีหน้าจะคาดหวังการอวยพรจากพระเจ้าได้เลย
สิ่งที่พวกเขาสมควรจะพบ คือ พิโรธของพระเจ้า
ตัวเอสราเอง ก็ไม่มีหน้าที่จะมาทูลอะไรต่อพระเจ้าได้อีก
นอกจากทูลขอพระเมตตาจากพระองค์
ท่าทีที่ถูกต้อง เมื่อเราพบกับสิ่งร้ายในชีวิต คือ
เริ่มต้นด้วยการสำรวจดูตนเอง
แล้วเข้ามาหาพระเจ้า ขอพระเมตตาจากพระองค์ อย่างถ่อมใจ
สิ่งที่ใครๆเขาก็ทำกัน
คริสเตียนคนไหนๆที่เรารู้จัก เขาก็ทำกัน
คริสตจักรทั้งหลายที่เราเห็น เขาก็ทำกัน
อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามพระวจนะของพระเจ้าเสมอไป
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์เปิดเผยพระทัยของพระบิดาให้เรารับรู้และเข้าใจ
ว่ามีสิ่งใดบ้างที่พวกเราทั้งหลายกำลังทำผิดต่อพระองค์ กำลังไม่เชื่อฟังพระองค์
เมื่อเรารับรู้สิ่งนั้นแล้ว จงนำมันเข้ามาหาพระเจ้าขอพระเมตตาจากพระองค์เถิด
คำคม
“ ไม่น่าแปลกใจเลย เมื่อไร้พระพร หากเรากำลังกระทำสิ่งที่ขัดกับพระคำของพระเจ้า ”