ภาพรวม
- เอลีฮูตำหนิโยบว่า พูดอย่างไม่ยุติธรรม เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้เป็นหนี้อะไรโยบเลย เมื่อเขาทำสิ่งดี ดังนั้นพระองค์จึงมีสิทธิจะอวยพระพรโยบหรือไม่ก็ได้แล้วแต่พระองค์
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
โยบ บทที่ 35 เมื่อเอลีฮูตำหนิว่าโยบพูดไม่ถูกต้องที่หาว่า พระเจ้าทรงเอาความยุติธรรมของโยบไปเสีย
เอลีฮูก็พูดต่อไปว่า
โยบพูดแบบไม่ยุติธรรม ที่กล่าวว่า
เขาชอบธรรมต่อพระเจ้า
เขาไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรเลย จากการไม่ทำบาป
เอลีฮูกล่าวว่า
จงมองดูท้องฟ้าและเมฆซึ่งอยู่สูงกว่าโยบ
ถ้าโยบทำบาป ก็ไม่กระทบกระเทือนพระเจ้า หรือไม่ได้ทำให้เกิดอะไรขึ้นกับพระองค์
ถ้าโยบเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าก็ไม่ได้รับอะไรจากการกระทำของโยบ
ความอธรรมของโยบ เป็นอันตรายแก่โยบเอง
ความชอบธรรมของโยบ ก็เป็นประโยชน์แก่มนุษย์
เพราะคนที่ข่มเหงผู้อื่น หากคนเหล่านั้นร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
คนอธรรมจะเดือดร้อนแน่ๆ
แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ถูกข่มเหงสักคน ที่ถ่อมใจลงร้องทูลต่อพระเจ้า
ดังนั้นเมื่อพวกเขาร้องทุกข์ พระองค์จึงมิได้ทรงตอบ
คำร้องของคนที่ไม่ถ่อมใจลง เป็นเสียงลมๆ แล้งๆ และพระเจ้าก็มิได้ใส่พระทัยเสียงนั้น
แล้วการที่โยบกล่าวว่า
เขาคอยพระองค์อยู่ ไม่เห็นพระองค์เลย
จะยิ่งเป็นเสียงลมๆแล้งๆสักเท่าใด
และบัดนี้พระเจ้าทรงเมตตา โยบจึงมิได้ถูกลงโทษ
เพราะพูดคำลมๆ แล้งๆ ของเขา
1. บางคนพูดว่า “ฉันอุตส่าห์ไม่ทำชั่วเหมือนคนอื่น แล้วทำไมพระเจ้าไม่อวยพรฉัน?”
เอลีฮูบอกว่า นั่นเป็นคำพูดที่ไม่ยุติธรรม
เพราะว่า ไม่ว่ามนุษย์จะทำสิ่งดี หรือ ทำสิ่งชั่ว มนุษย์ก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้แก่พระเจ้าเลย
ถ้ามนุษย์ ทำชั่ว เป็นอันตรายแก่ตัวเขาเอง
ถ้ามนุษย์ ทำดี ก็เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์
พระเจ้าไม่จำเป็นต้องอวยพรมนุษย์ เมื่อเขาทำสิ่งชอบธรรม
ดังนั้นการที่พระเจ้าอวยพระพรเรานั้น เป็นพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อเรา
เมื่อเราทำดี เราไม่ได้มีบุญคุณอะไรต่อพระเจ้าเลย
แต่เมื่อพระเจ้าอวยพระพรเรา นั่นต่างหากที่เป็นพระคุณสำหรับเรา
2. คนที่กระทำชั่ว กำลังตกอยู่ในอันตราย
เพราะว่าถ้าคนที่เขาทำร้าย เกิดถ่อมตัวลงอธิษฐานร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า
พระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา จะทรงช่วยพวกเขาแน่
และเมื่อนั้นคนทำชั่วจะเดือดร้อนอย่างยิ่ง
หากวันนี้เราทำชั่ว จงรีบกลับใจ
หากวันนี้ เราถูกรังแก จงถ่อมใจลง แล้วร้องทูลต่อพระเจ้า
คำคม
“ พระเจ้าไม่จำเป็นต้องอวยพรเรา เมื่อเราทำดี และถ้าเราทำชั่ว เราก็กำลังทำร้ายตนเอง ”