ภาพรวม
- กษัตริย์เบนฮาดัดแห่งซีเรีย ยกทัพมาบุกอิสราเอล พระเจ้าทรงช่วยอิสราเอลให้มีชัยเหนือทหารซีเรีย แต่อาหับกลับปล่อยเบนฮาดัดกลับไป
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 20 หลังจากที่เอลียาห์หนีการตามล่าของเยเซเบล มาถึงภูเขาโฮเรบ และได้พบกับพระเจ้าที่นั่น แล้วเขาก็กลับมาเพื่อทำภารกิจสุดท้ายให้สำเร็จ
ต่อมา เบนฮาดัด กษัตริย์ซีเรีย ได้ยกกองทัพ มาล้อมกรุงสะมาเรีย
และได้ส่งผู้สื่อสารไปบอกอาหับ ว่า
ต้องการยึดเงินและทองทั้งหมดของอาหับ รวมทั้ง บรรดาภรรยาและบุตรที่ดีที่สุดของอาหับ
อาหับ ก็ตอบตกลง
แล้วผู้สื่อสารได้กลับมาอีก กล่าวว่า
นอกจากของเหล่านั้นแล้ว จะส่งคนมา ค้นวัง และบ้านข้าราชการ เพื่อจะยึดสิ่งที่ถูกใจไปทั้งหมด
แล้วบรรดาผู้ใหญ่และประชาชนทั้งสิ้นก็ทูลอาหับ ว่า
“อย่าทรงฟัง อย่าทรงยอม พ่ะย่ะค่ะ”
(พวกนี้ ตอนศัตรูจะยึดลูกแม่และเงินทองของอาหับ ไม่คัดค้านสักคำ)
อาหับจึงตอบปฏิเสธ เบนฮาดัด
เบนฮาดัด จึงขู่ว่า เขาจะทำลายสะมาเรียให้สิ้นซาก
อาหับ ตรัสตอบว่า
ตอนนี้เบนฮาดัดยังสวมเกราะเพราะกลัวอาวุธของอิสราเอลอยู่เลย อย่ามาอวดอ้างราวกับว่า ได้ชัยชนะแล้วเลย
เบนฮาดัดโกรธ จึงสั่งทหารเข้าประจำที่เตรียมโจมตีเมืองสะมาเรีย
ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่ง มาทูล อาหับ ว่า
วันนี้ พระเจ้าจะประทานชัยชนะแก่อาหับ
อาหับจึงตรัสถามว่า “ทรงใช้ใครทำ?”
เขาทูลว่า
มหาดเล็กของเจ้านายประจำจังหวัดทั้งหลาย โดยให้อาหับเป็นผู้เริ่มรบ
อาหับก็ทำตามยกทัพออกไปในเวลาเที่ยงวัน
ส่วนเบนฮาดัด กำลังดื่มจนเมา
เมื่อทราบข่าวการรบ จึงสั่งให้ จับเป็นทหารอิสราเอล โดยไม่ฆ่าพวกเขา
ในการรบคนอิสราเอลเป็นฝ่ายชนะ ประหารคนซีเรียเสียมากมาย
ส่วนเบนฮาดัด ก็ขี่ม้าหนีไป
ผู้เผยพระวจนะคนนั้น จึงบอกอาหับ ว่า
ในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า กษัตริย์แห่งซีเรียจะยกกองทัพมาอีก
ข้าราชการของเบนฮาดัด ทูลพระองค์ ว่า
พระของอิสราเอล เก่งแต่บนภูเขา ถ้ามาสู้รบในที่ราบ ซีเรียจะต้องชนะแน่
เมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ เบนฮาดัด ก็ยกทัพมาอีก ถึงเมืองอาเฟก
คนอิสราเอลตั้งค่ายตรงหน้าพวกเขา เหมือนแพะสองฝูงเล็กๆ แต่คนซีเรียเต็มท้องทุ่งไปหมด
คนของพระเจ้า ทูลอาหับ ว่า
พระเจ้าจะประทานชัยชนะแก่อาหับ
เมื่อรบกัน คนอิสราเอล ได้ฆ่าคนซีเรีย 100,000 คนในวันเดียว
พวกที่เหลือก็หนีเข้าเมืองอาเฟก และกำแพงเมืองล้มทับพวกเขา 27,000 คน
เบนฮาดัดก็หนีเข้าไปในห้องชั้นใน
เบนฮาดัดได้ส่งข้าราชการของตน มาทูลขอชีวิตจากอาหับ
โดยจะคืนเมืองต่างๆ ที่ซีเรียได้ยึดไป และอนุญาตให้อิสราเอลสร้างย่านการค้าในเมืองดามัสกัส ได้
อาหับก็ยอมปล่อยเบนฮาดัดไป
ผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งพูดกับเพื่อนของตน ว่า
พระเจ้าให้เพื่อนช่วยตี เขาหน่อย
แต่เพื่อนคนนั้นปฏิเสธ ไม่ยอมตี
ต่อมาเพื่อนคนนั้น จึงถูกสิงโตสังหารเสีย
แล้วคนนั้นไปพบชายอีกคนหนึ่ง จึงขอช่วยตีเขาหน่อย
ชายคนนั้นก็ทำให้เขาบาดเจ็บ
ผู้เผยพระวจนะนั้นจึงปลอมตัวไปพบอาหับ บอกว่า
เขาเป็นทหาร รับหน้าที่เฝ้าเชลย แต่ปล่อยให้เชลยหนีไป
อาหับจึงบอกว่า เขาต้องรับโทษแทนเชลยนั้น
ผู้เผยพระวจนะคนนั้นก็แสดงตัว แล้วทูลว่า
เพราะอาหับได้ปล่อยเบนฮาดัดไป ทั้งที่พระเจ้าได้กำหนดให้ทำลายเสีย ดังนั้นอาหับจะต้องรับโทษแทนเบนฮาดัด
แล้วอาหับก็เข้าไปในพระราชวัง ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวและกลัดกลุ้มยิ่งนัก
1. เบนฮาดัดพ่ายแพ้เพราะความยโสของเขา เขาคิดว่า เนื่องจากมีกำลังที่มากกว่าดังนั้นต้องชนะแน่นอน
โดยลืมปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ผลของการรบขึ้นอยู่กับพระเจ้าไม่ใช่กำลังของเขา
ความยโสของเขาสะท้อนมาเป็น การเมาเหล้ายามเที่ยงขณะที่กำลังอยู่ในสงคราม
และการออกคำสั่งให้จับเป็นทหารอิสราเอล หรือการบอกให้ทหารของตนออกไปรบโดยไม่ต้องฆ่าทหารศัตรู
ความเย่อหยิ่งยโส นำหน้าการล้มเหลว และพ่ายแพ้
ชัยชนะไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำลังที่มี แต่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
2. พระเจ้าทรงช่วยอาหับ ให้รบชนะศัตรูที่กำลังมากกว่า ถึง 2 ครั้ง
เพื่อเขาจะรู้ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเที่ยงแท้
ถึงกระนั้น เขาก็ไม่กลับใจใหม่ หันกลับมาหาพระองค์
การอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับใครก็ตาม ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า เขาจะกลับใจใหม่ และกันมาติดตามพระเจ้าอย่างจริงใจ เสมอไป
3. เพื่อนของผู้เผยพระวจนะ ไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า จึงถูกสิงโตฆ่าตาย
อาหับเอง ก็เห็นชอบว่า คนที่ปล่อยให้เชลยศึกหนีไป สมควรถูกประหาร
ดังนั้น การที่อาหับไม่เชื่อฟังพระเจ้า ปล่อยเบนฮาดัดไป จึงนำการทำลายมาสู่อาหับ
อาหับทำสิ่งชั่วร้ายหลายอย่าง แต่สิ่งที่ผิดพลาดมากที่สุดอย่างหนึ่งของเขา คือ
การไม่เชื่อฟังพระเจ้า
เราจริงจังมากเพียงใด ในการดำเนินชีวิตด้วยการเชื่อฟังพระเจ้า?
คำคม
“ พระเจ้าทรงอวยพระพรเรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้น ”