ภาพรวม
- อาหับชวนเยโฮซาฟัท ไปร่วมรบกับซีเรีย แต่ทั้งสองฝ่ายแพ้ จนอาหับเสียชีวิต แล้วอาหัสยาห์ก็ขึ้นครองราชย์แทนอาหับ
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
1 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 22 หลังจากอาหับและเยเซเบล ได้ฆ่านาโบทเพื่อแย่งชิงสวนองุ่นของเขา แล้วพระเจ้าจึงทรงใช้เอลียาห์มาประกาศการลงโทษของราชวงศ์ของอาหับ
ซีเรียกับอิสราเอลไม่มีสงครามกันอยู่ 3 ปี
ต่อมาเมื่อเยโฮชาฟัท พระราชาแห่งยูดาห์ เสด็จลงไปเฝ้า อาหับ พระราชาแห่งอิสราเอล
อาหับจึงคิดจะยกทัพไป ชิงเมืองราโมทกิเลอาด กลับมาจากซีเรีย
อาหับจึงชวนเยโฮซาฟัท ไปร่วมรบด้วย
เยโฮชาฟัท ก็ยินดี แต่ขอทูลถามพระเจ้าก่อน
อาหับจึงเรียกประชุมผู้เผยพระวจนะ 400 คน
(1พกษ. 18:19 “…ผู้เผยพระวจนะของพระอาเช-ราห์ 400 คน ผู้รับประทานที่โต๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล”) เพื่อถามว่า
ควรที่เราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือไม่?
พวกเขาตอบว่า
ควรไป พระเจ้าจะประทานชัยชนะให้
เยโฮชาฟัทจึงถามอาหับว่า
มีผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า บ้างไหม?
อาหับบอก มี 1 คน คือ มีคายาห์ แต่เขาพยากรณ์แต่เรื่องร้ายเกี่ยวกับอาหับ
อาหับจึงใช้คนไปพา มีคายาห์ มา
อาหับและเยโฮชาฟัท ประทับบนพระที่นั่ง ทรงฉลองพระองค์เยี่ยงกษัตริย์ ณ ลานนวดข้าว
และผู้เผยพระวจนะทั้งหมดก็กำลังพยากรณ์ว่า จะชนะแน่นอน
พระราชาถาม มีคายาห์ ว่า
ควรที่พวกเราจะไปตีราโมทกิเลอาดหรือไม่?
มึคายาห์ตอบว่า
ขอเชิญเสด็จขึ้นไป และมีชัยชนะ
เมื่อพระราชาสังเกตว่า เขาไม่ได้พูดในนามของพระเจ้า
จึงขอให้เขาพูดใหม่
เขาจึงทูลว่า
คนอิสราเอลทั้งหมดกระจัดกระจายอยู่บนภูเขา เหมือนแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง
และพระเจ้าตรัสว่า ‘คนเหล่านี้ไม่มีนาย ให้พวกเขาต่างกลับบ้าน โดยสวัสดิภาพเถิด’
มีคายาห์ ทูลว่า
พระเจ้าทรงอนุญาตให้วิญญาณมุสาอยู่ในปากของพวกผู้เผยพระวจนะของอาหับ
เพื่อชักนำให้อาหับไปรบ
แล้วเศเดคียาห์ บุตรเคนาอะนาห์ ก็ตบแก้มมีคายาห์
มีคายาห์จึงตอบว่า
“นี่แน่ะ เจ้าจะเห็นในวันนั้น เมื่อเจ้าเข้าไปซ่อนตัวในห้องชั้นใน”
อาหับจึงให้จับมีคายาห์ ไปขังคุกและ ให้อาหารกับน้ำอย่างจำกัด รอจนกว่าอาหับจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ
แต่มีคายาห์ทูลว่า
ถ้าอาหับกลับมาโดยสวัสดิภาพได้จริงๆ ก็แสดงว่าพระเจ้าไม่ได้ตรัสผ่านเขา
อาหับและเยโฮชาฟัท จึงขึ้นไปรบที่ ราโมทกิเลอาด
อาหับได้ปลอมตัวเข้าทำศึก
พระราชาแห่งซีเรียทรงสั่งแม่ทัพ ทั้ง 32 คน ว่า
ไม่ต้องสนใจคนอื่น ให้โจมตีอาหับคนเดียว
ตอนแรกบรรดาแม่ทัพ เห็นเยโฮชาฟัท คิดว่าเป็นอาหับ จึงไล่โจมตี
แต่ต่อมารู้ว่าไม่ใช่ จึงเลิกไล่ตาม
มีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงสุ่มไปถูกอาหับเข้าพอดี
การรบก็ดุเดือดขึ้น จนไม่สามารถพาอาหับกลับออกมาได้
พอถึงเวลาเย็นอาหับก็สิ้นพระชนม์
เมื่อคนอิสราเอลทราบ ทุกคนก็กลับไปเมืองของตน
ทหารได้นำศพอาหับมาฝังในกรุงสะมาเรีย
และนำรถรบไปล้างที่สระน้ำแห่งสะมาเรีย แล้วพวกสุนัขก็เลียโลหิตของพระองค์
แล้วอาหัสยาห์ โอรสของอาหับก็ขึ้นครองราชย์แทน
ส่วนเยโฮชาฟัท โอรสของอาสา นั้น ทรงครองยูดาห์ ตั้งแต่ปีที่ 4 แห่งรัชกาลอาหับ
เริ่มครองเมื่อ อายุ 35 ปี และครองราชย์อยู่ 25 ปี
พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า
แต่ปูชนียสถานสูงต่างๆ นั้นยังไม่ได้รื้อลง
ประชาชนยังคงถวายเครื่องบูชา บนปูชนียสถานสูงต่างๆ นั้น
ส่วนเทวทาสที่เหลืออยู่ พระองค์ก็ทรงกำจัดเสียจากแผ่นดิน
เยโฮชาฟัททรงทำไมตรีกับพระราชาแห่งอิสราเอลด้วย
เยโฮชาฟัททรงต่อเรือทารชิชหลายลำ เพื่อไปขนทองคำจากโอฟีร์
แต่ไปไม่ถึง เพราะเรือแตกเสีย
เยโฮชาฟัททรงล่วงหลับไป และเยโฮรัมพระโอรสก็ขึ้นครองราชย์แทน
ส่วนอาหัสยาห์ โอรสของอาหับ ทรงเริ่มครองอิสราเอล ในปีที่ 17 แห่งรัชกาลเยโฮชาฟัท
และทรงครองอยู่ 2 ปี
พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า
โดยทำตามทุกอย่างที่อาหับ พระบิดาของพระองค์ทรงกระทำแล้วนั้น
1. เมื่อจะไปออกรบ อาหับก็ถามพระเจ้าด้วย แต่ถามจากผู้เผยพระวจนะเท็จ
เพื่อให้ได้คำตอบเฉพาะที่เขาถูกใจเท่านั้น
ซึ่งผลลัพท์ของคือ เขาต้องพ่ายแพ้และตายสงครามนั้น
ในการรับการสอนจากพระคำของพระเจ้า
อย่าให้เราเลือกรับ เฉพาะที่ถูกใจเราเท่านั้น
บ่อยครั้งเมื่อคำสอนในพระคำของพระเจ้า ไม่ตรงกับใจของเรา
จงเลือกเชื่อฟังพระคำของพระเจ้า แล้วชีวิตของเราจะเต็มไปด้วยพระพร
2. อาหับพยายามทุกวิถีทาง เพื่อไม่ให้คำพยากรณ์จากพระเจ้าเป็นความจริง
แต่สุดท้ายแล้ว แม้เขาจะปลอมตัว ก็ยังถูกยิงตายโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่ดี
ไม่ว่าเราจะพยายามจะขัดขวางหรือป้องกันมากเพียงไร
แผนการแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้า ที่กำหนดไว้ก็ยังจะสำเร็จอยู่ดี
จึงเป็นการฉลาดอย่างยิ่ง ที่จะดำเนินชีวิตตามคำแนะนำในพระคำของพระเจ้า
เพราะว่าทุกอย่างที่บอกไว้ในพระคำของพระเจ้า จะเกิดขึ้นเป็นจริง
3. เยโฮซาฟัท ดำเนินชีวิตถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า
แต่การไปร่วมมือกับคนชั่วร้าย อย่างกษัตริย์อิสราเอล
จึงทำให้ต้องพ่ายแพ้ในสงคราม (สมัยอาหับ)
และ เรือขนทองแตก (ในสมัยอาหัสยาห์) ซึ่ง 2พศด. 20:37 อธิบายชัดเจนว่า “เพราะพระองค์ทรงร่วมงานกับอาหัสยาห์ พระยาห์เวห์จะทรงทำลายสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างไว้”
การร่วมมือกับคนชั่วร้าย จะทำให้เราขาดพระพร
เราควรรังเกียจสิ่งที่พระเจ้าเกลียด และรักสิ่งที่พระเจ้าทรงรัก
คำคม
“ คำเตือนจากพระเจ้า เป็นประโยชน์แก่เราเสมอ แต่อาจไม่ถูกใจเราเสมอไป ”