ภาพรวม
- อาสาได้รื้อทำลายรูปเคารพต่างๆให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินยูดาห์ และนำประชาชนแสวงหาพระเจ้าอย่างสุดใจ พระเจ้าจึงประทานความสงบสุขรอบด้านแก่พวกเขา
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
2 พงศาวดาร บทที่ 15 เมื่ออาสาขึ้นครองราชย์ แทนอาบียาห์ผู้เป็นบิดา พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องต่อพระเจ้า ดังนั้นเมื่อมีศัตรูมากมายจากคูชบุกมาโจมตี พระเจ้าจึงทรงช่วยพระองค์ให้มีชัยชนะ
พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมาสถิตกับอาซาริยาห์ ผู้เผยพระวจนะ
เขาจึงทูลอาสา ว่า
พระเจ้าทรงสถิตกับอาสาและอาณาจักรยูดาห์ ต่อเมื่อพวกเขาอยู่กับพระองค์
ถ้าพวกเขาแสวงหาพระองค์ พวกเขาก็จะพบพระองค์
แต่ถ้าพวกเขาละทิ้งพระองค์ พระองค์จะทรงละทิ้งพวกเขา
เนื่องจากอิสราเอลอยู่อย่างปราศจากพระเจ้าเที่ยงแท้เป็นเวลานาน
และไม่มีปุโรหิตผู้สั่งสอน และไม่มีธรรมบัญญัติ
แต่เมื่อพวกเขาทุกข์ยาก พวกเขาหันมาแสวงหาพระเจ้า พวกเขาก็พบพระองค์
แม้ว่าในบัดนี้ แผ่นดินเต็มไปด้วยความวุ่นวายมากมาย เกิดแตกแยกกันเป็นเสี่ยงๆ ผู้คนเต็มไปด้วยความทุกข์ยากทุกอย่าง
แต่อาสาและคนยูดาห์ จงกล้าหาญ ทำสิ่งที่ดีต่อไป
เพราะว่าพวกเขาจะได้รับบำเหน็จในกิจการที่พวกเขาทำ
เมื่ออาสาได้ฟังแล้ว ก็มีพระทัยกล้าหาญขึ้น
พระองค์ทรงขจัดสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหมด จากแผ่นดินยูดาห์และเบนยามิน และจากเมืองต่างๆ ที่พระองค์ทรงยึดมา
และพระองค์ทรงซ่อมแซมแท่นบูชาของพระเจ้า
คนเป็นอันมากจากเอฟราอิม มนัสเสห์ และสิเมโอน ได้หนีมาหาอาสา
เพราะเห็นว่าพระเจ้าทรงสถิตกับอาสา
ในเดือนที่ 3 ของปีที่ 15 ในรัชกาลของอาสา
ประชาชนได้ถวายสัตวบูชาแด่พระเจ้า และทำพันธสัญญาที่จะแสวงหาพระเจ้า ด้วยสุดจิตสุดใจของพวกเขา
และสาบานอย่างสุดใจของพวกเขา ต่อพระเจ้า ว่า
หากใครไม่แสวงหาพระเจ้าจะมีโทษถึงตาย
เมื่อพวกเขาแสวงหาพระองค์ด้วยสุดความปรารถนาของเขา พวกเขาก็พบพระองค์
และพระเจ้าประทานการหยุดพักให้พวกเขาในทุกด้าน
พระทัยของอาสาก็ซื่อตรงตลอดรัชสมัยของพระองค์
และพระองค์ทรงนำของถวาย ได้แก่เงิน ทองคำ และเครื่องใช้เข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้า
และไม่มีสงครามอีกจนถึงปีที่ 35 ในรัชกาลของอาสา
1. พระเจ้าทรงสัญญาว่า
ถ้าอาสาและประชาชนแสวงหาพระเจ้าอย่างสุดใจ พวกเขาจะได้พบกับพระองค์
ดังนั้นเมื่อพวกเขาทำเช่นนั้น เขาจึงพบพระเจ้าจริงๆ
และเมื่อพวกเขาพบพระเจ้า
พระเจ้าประทานการหยุดพักให้พวกเขาในทุกด้าน
หากเราแสวงหาพระเจ้าด้วยสุดใจ อย่างจริงใจ
เราจะรู้จักพระเจ้ามากขึ้น และพบกับพระพรในพระเจ้ามากยิ่งขึ้นเสมอ
2. พระเจ้าตรัสว่า “อิสราเอลอยู่อย่างปราศจากพระเจ้าเที่ยงแท้เป็นเวลานาน”
ทั้งที่ในสมัยของอาบียาห์(พ่อของอาสา)และเรโหโบอัม(ปู่ของอาสา) ก็ยังมีพระวิหาร
และมีการทำพิธีกรรมในพระวิหาร (2พศด.13:10)
แสดงให้เห็นว่า แม้จะมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของอิสราเอลในพระวิหาร
แต่สำหรับพระเจ้าแล้ว พวกเขายังคงอยู่อย่างปราศจากพระเจ้าเที่ยงแท้
การอยู่โดยมีพระเจ้าเที่ยงแท้
คือ การให้พระเจ้า เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเขา
การต้อนรับพระเจ้าเข้ามาในชีวิต ต้องต้อนรับให้พระองค์เป็นเจ้านายในชีวิต
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นประชากรของพระเจ้า แต่ดำเนินชีวิตมีตนเองเป็นเจ้านายในชีวิต
อาจจะเรียกได้ว่า เขาเป็นคนที่อยู่อย่างปราศจากพระเจ้าเที่ยงแท้ในชีวิตของเขา
เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตกับเรา พระองค์จะไม่ทอดทิ้งเรา
แม้เราจะเพิกเฉย ละเลยพระองค์
แต่การทำเช่นนั้น เรากำลังถอยห่างจากชีวิตที่ได้รับพระพรที่มีพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย
เป็นเหมือน ผู้ที่มีพระเจ้าแต่ดำเนินชีวิตโดยปราศจากพระเจ้า
3. ท่ามกลางแผ่นดินที่กำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวาย และความทุกข์ยาก
พระเจ้าสั่งให้อาสาและประชาชน ยังคงทำสิ่งดีต่อไป
พวกเขาก็เชื่อฟัง
ปรากฏว่า สิ่งที่พวกเขาพบเจอ ท่ามกลางแผ่นดินที่วุ่นวายก็คือ
ความสงบสุขรอบด้าน
ท่ามกลางเหตุการณ์ที่วุ่นวายรอบตัวของเราในวันนี้
สิ่งที่เราสมควรทำที่สุดก็คือ
แสวงหาพระเจ้า และดำเนินตามพระองค์อย่างสัตย์ซื่อต่อไป
เพราะนั่นจะทำให้เราพบสันติสุขท่ามกลางความวุ่นวายนี้
คำคม
“ แสวงหาพระเจ้าอย่างสุดใจ เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในทุกสถานการณ์ ”