ภาพรวม
- เยโฮซาฟัทรอดตายกลับมาจากการรบที่ราโมทกิเลอาด ทรงนำคนในแผ่นดินยูดาห์ให้กลับมาหาพระเจ้า และตั้งผู้พิพากษาในเมืองต่างๆ ให้ตัดสินประชาชนตามกฏเกณฑ์ในพระบัญญัติของพระเจ้า
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
2 พงศาวดาร บทที่ 19 เมื่อเยโฮซาฟัท ไปช่วยอาหับรบที่ราโมทกิเลอาด โดยทั้งสองไม่ยอมฟังคำเตือนของมีคายาห์ผู้เผยพระวจนะ ในที่สุดอาหับก็ถูกธนูยิงจนเสียชีวิต
ส่วนเยโฮชาฟัท ก็กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มโดยสวัสดิภาพ
เยฮู บุตรฮานานี ผู้ทำนาย ได้มาทูลว่า
เยโฮชาฟัท ไม่ควรจะไปช่วยคนอธรรม ผู้ที่เกลียดชังพระเจ้า ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พระเจ้าพิโรธ
แต่เพราะพระเจ้าทรงพบความดีในเยโฮชาฟัทบ้าง
ที่ เยโฮชาฟัทได้ทำลายบรรดาอาเช-ราห์เสียจากแผ่นดิน และได้มุ่งแสวงหาพระเจ้า
เยโฮชาฟัท จึงรอดตายกลับมาได้
เยโฮชาฟัท ได้ออกไปหาประชาชนทั่งแผ่นดิน และนำเขาทั้งหลายกลับมาหาพระเจ้า
ทรงตั้งผู้วินิจฉัย ในหัวเมืองที่มีป้อมทั้งสิ้น ให้เป็นผู้พิพากษาเพื่อพระเจ้า ให้ตัดสินอย่างยุติธรรม ไม่ลำเอียง และไม่รับสินบน
ในเยรูซาเล็ม ทรงตั้งคนเลวี ปุโรหิต และหัวหน้าตระกูลแห่งอิสราเอล บางคน ให้เป็นผู้พิพากษา
คอยตัดสินคดี ด้วยความยำเกรงพระเจ้า และความสัตย์ซื่อ ตามกฎเกณฑ์แห่งพระบัญญัติของพระเจ้า
ทรงให้ อามาริยาห์ มหาปุโรหิต ดูแลพวกเขาเรื่องที่เกี่ยวกับพระเจ้า
เศบาดิยาห์ ดูแลพวกเขาเรื่องที่เกี่ยวกับพระราชา
คนเลวี เป็นเจ้าหน้าที่คอยปรนนิบัติพวกเขา
1. เยฮู บุตรฮานานี มาตำหนิเยโฮซาฟัท ช่างเป็นการกระทำที่กล้าหาญ เพราะ
– การมากล่าวตำหนิซ้ำเติมกษัตริย์ที่พึ่งแพ้สงครามมา เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
– ฮานานี พ่อของเยฮู เคยมาตำหนิอาสา พ่อของเยโฮซาฟัท แล้วผลที่ได้รับก็คือถูกจับไปติดคุก (2พศด. 16:7-10)
โดยการกระทำที่กล้าหาญของ เยฮู บุตรฮานานี ในครั้งนี้ จึงนำให้เกิดการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณครั้งใหญ่โดยเยโฮซาฟัท
การกระทำที่เชื่อฟังของเรา จะนำการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่ เมื่อเวลาของพระเจ้ามาถึง
ตัวอย่างของฮานานี กับลูกชายของเขาเป็นตัวอย่างที่ดีมาก
ทั้งคู่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างกล้าหาญ
คนหนึ่งถูกจับติดคุก และอีกคนหนึ่งนำการฟื้นฟูยิ่งใหญ่มาสู่แผ่นดิน
เมื่อเราทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเกิดผลดีกับเราหรือกับสิ่งที่เราทำเสมอไป
แต่การกระทำนั้นจะทำให้แผนการอันดีเลิศแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จ
2. เยโฮชาฟัทได้ทำลายบรรดาอาเช-ราห์เสียจากแผ่นดิน และได้มุ่งแสวงหาพระเจ้า
ซึ่งดูเหมือนเป็นสิ่งที่น่าจะเรียกว่า ยิ่งใหญ่มาก และดีเยี่ยมมาก
แต่ พระเจ้าใช้คำว่า “ทรงพบความดีในเยโฮซาฟัทบ้าง”
สำหรับเราอาจจะดูเหมือนการกระทำที่เชื่อฟังพระเจ้า เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
แต่ความจริงเป็นเพียงการกระทำในสิ่งที่เราพึงกระทำเท่านั้นเอง
เช่นไม่อาจอวดได้ว่า ผมไม่ขับรถฝ่าไฟแดงเชียวนะ หรือ ผมข้ามถนนตรงทางม้าลายทีเดียวเชียวแหละ
สิ่งเหล่านั้น เป็นเพียงสิ่งที่พึงกระทำเท่านั้น ไม่ใช่คุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย
แต่สิ่งที่ชั่วร้ายที่เรากระทำต่างหากที่ใหญ่โต
เพราะทั้งที่รู้ว่าพระเจ้าไม่ชอบ ไม่พอพระทัย แต่เราก็ยังจงใจทำมัน
เป็นการลบหลู่พระเจ้าอย่างชัดเจน
แล้วแบบนี้ คุณงามความดีจิ๊บจ๊อย ที่เราคิดว่าเราได้ทำ จะไปเทียบอะไรกับสิ่งชั่วใหญ่โต ที่เราได้ทำลงไป ได้เล่า?
ด้วยเหตุนี้ การที่วันนี้พระเจ้ายังคงอวยพระพรเรา ไม่ใช่เพราะสิ่งดีที่เราทำเลย
แต่เป็นพระคุณของพระเจ้า ทรงเมตตาเรา อวยพระพรเราอย่างเหลือล้น ถึงแม้เวลาเราได้ทำเพียงเศษความดีเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง
3. เยโฮซาฟัทได้นำให้เกิดการฟื้นฟูด้านฝ่ายวิญญาณทั่วแผ่นดินยูดาห์
การฟื้นฟูที่พูดถึงนี้ ไม่ใช่การทำการอัศจรร์ยิ่งใหญ่ เหมือนสมัยของเอลียาห์ หรือเอลีชา
เพราะสมัยนั้นแม้มีการอัศจรรย์มากมาย ก็ไม่ถือว่ามีการฟื้นฟูในด้านจิตวิญญาณของประชาชนเกิดขึ้น
การฟื้นฟูนี้ คือ การที่ทำให้ประชาชนรู้พระบัญญัติของพระเจ้า และให้ใช้พระบัญญัติของพระเจ้าไปใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องต่างๆในชีวิต
การฟื้นฟูที่แท้จริงในชีวิตของเรา ไม่ใช่เมื่อเราพบการอัศจรรย์ยิ่งใหญ่
แต่เมื่อเรารู้จักพระคำของพระเจ้า และนำพระคำของพระเจ้าไปในการตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิต
คำคม
“จิตวิญญาณของเราจะเกิดการฟื้นฟูอย่างแท้จริง เมื่อเรารู้และนำพระคำของพระเจ้าไปใช้ในชีวิตมากขึ้น”