ภาพรวม
- โยสิยาห์จัดให้มีการถือปัสกาอย่างยิ่งใหญ่ในเยรูซาเล็ม ต่อมาโยสิยาห์ไปขัดขวางกองทัพเนโค ที่เคลื่อนทัพตามคำสั่งของพระเจ้า เขาจึงถูกธนูยิงจนเสียชีวิต
# สรุป
@ สื่งที่เรียนรู้
2 พงศาวดาร บทที่ 35 เมื่อโยสิยาห์ขึ้นครองราชย์ก็ดำเนินอย่างถูกต้องต่อพระเจ้า และได้นำปฏิรูปฝ่ายวิญญาณให้เกิดขึ้นในอิสราเอล
โยสิยาห์จัดให้ถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็ม
ในวันที่ 14 เดือนที่ 1 ปีที่ 18 ของรัชกาลโยสิยาห์
พระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตให้ประจำหน้าที่ และทรงสนับสนุนพวกเขา
และทรงให้คนเลวี สอนอิสราเอล ว่า
อย่าหามหีบพันธสัญญาไปไว้ที่อื่นอีก แต่ให้วางในพระนิเวศของพระเจ้า
[ในสมัยของอาโมน บิดาของโยสิยาห์ น่าจะมีการย้ายหีบพันธสัญญาออกไปจากพระวิหาร]
โยสิยาห์ ให้คนเลวีฆ่าแกะปัสกา ชำระตัวให้บริสุทธิ์ และตระเตรียมไว้ให้แก่ประชาชน
แล้วโยสิยาห์มอบเครื่องปัสกาบูชาแก่ประชาชน คือแกะและลูกแพะจำนวน 30,000 ตัว และวัวผู้ 3,000 ตัว
และบรรดาเจ้านายก็ร่วมบริจาคแกะแพะและวัว เป็นเครื่องปัสกาบูชา ด้วยความเต็มใจ
คนเลวีก็ฆ่าและปิ้งแกะปัสกาด้วยไฟ และต้มในหม้อ และในกระทะ แล้วรีบนำไปให้ประชาชนทั้งหมด
หลังจากนั้นพวกเขาจึงเตรียมสำหรับตนเองและบรรดาปุโรหิต
เพราะว่าปุโรหิตยุ่งอยู่กับการถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว
บรรดานักร้องก็อยู่ประจำที่ของตน และพวกคนเฝ้าประตูก็อยู่ประจำทุกประตู
พวกเขาไม่จำเป็นต้องละงานของตน
เพราะคนเลวีเตรียมไว้ให้พวกเขา
และประชาชนอิสราเอลผู้อยู่ที่นั่นก็ถือปัสกาในเวลานั้น
และถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ 7 วัน
ตั้งแต่สมัยของซามูเอลผู้เผยพระวจนะ เป็นต้นมา ไม่มีการถือปัสกาเหมือนอย่างนี้ในอิสราเอลเลย
ไม่มีพระราชาองค์ใดในอิสราเอลซึ่งถือปัสกาเหมือนอย่างที่โยสิยาห์ทำ
ภายหลังสิ่งเหล่านี้เมื่อโยสิยาห์ทรงจัดพระวิหารเสร็จแล้ว
เนโคพระราชาแห่งอียิปต์ กำลังจะไปสู้รบกับอัสซีเรีย (2พกษ. 23:29) ที่แม่น้ำยูเฟรติส
แต่โยสิยาห์ขวางเพื่อสู้รบกับเนโค
เนโคส่งทูตมาบอกโยสิยาห์ว่า อย่ามาขวาง เพราะพระเจ้าทรงบัญชาเนโครีบไปรบในครั้งนี้
แต่โยสิยาห์ไม่ยอมฟัง
โยสิยาห์ได้ทรงปลอมตัวเข้าไป ณ ที่ราบเมกิดโด
ในการรบโยสิยาห์ได้ถูกยิงด้วยธนู บาดเจ็บสาหัส
แล้วกลับมาเสียชีวิตที่กรุงเยรูซาเล็ม
คนยูดาห์และเยรูซาเล็มทั้งหมดก็ไว้ทุกข์ให้โยสิยาห์
เยเรมีย์ก็กล่าวคำคร่ำครวญถวายโยสิยาห์ด้วย
1. โยสิยาห์ไม่เพียงแต่ทำพันธสัญญาว่าจะแสวงหาพระเจ้าอย่างสุดใจ(บทที่ 34) เท่านั้น
แต่เขาลงมือทำสิ่งที่สอดคล้องกับคำสัญญาด้วย
โดยการจัดถือปัสกาอย่างจริงจัง
เขาไม่ทำพลาดเหมือนอุสซียาห์ (บทที่ 26)ที่พยายามถวายเครื่องบูชาด้วยตนเอง
แต่เขามอบให้ปุโรหิตและเลวีเป็นผู้ทำ แล้วเขาเองสนับสนุนอย่างเต็มที่
พระคัมภีร์กล่าวถึงการถือปัสกานี้ ไม่เคยมีมาก่อนตั้งแต่สมัยของซามูเอล และไม่มีกษัตริย์องค์ใดในอิสราเอลซึ่งถือปัสกาได้เหมือนอย่างที่โยสิยาห์ทำ
นั่นคือ แม้แต่ซาโลมอนที่ถวายเครื่องบูชามหาศาล ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่โยสิยาห์ทำ
ไม่ใช่เพราะโยสิยาห์ทำปริมาณมากกว่า
แต่เพราะโยสิยาห์ทำอย่างถูกต้องตามที่พระเจ้าได้ทรงบัญชาไว้
เนื่องจากโยสิยาห์เพิ่งค้นพบธรรมบัญญัติของพระเจ้าที่หายไปนาน(บทที่ 34)
ในการทำสิ่งต่างๆถวายแด่พระเจ้า ความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่ทำนั้นไม่สำคัญเลย
แต่การทำถูกต้องตรงกับน้ำพระทัยของพระเจ้าต่างหาก ที่สำคัญที่สุด
ชีวิตของเราไม่ว่าจะประสบความสำเร็จในการงาน ในการรับใช้ หรือในอะไรยิ่งใหญ่แค่ไหน ไม่สำคัญเท่ากับ
เราได้เอาใจใส่กับพระคำของพระเจ้า และนำมายึดถือปฏิบัติในชีวิตมากน้อยเพียงใด
2. การถือปัสกาครั้งนี้สำเร็จอย่างงดงาม ดูเหมือนบุคคลที่สำคัญมากๆ น่าจะไม่ใช่ปุโรหิตผู้สูงส่ง
แต่เป็นพวกคนเลวีที่มีหน้าที่คอยรับใช้ปุโรหิต และเตรียมสิ่งต่างๆให้แก่ปุโรหิตและเพื่อเลวีด้วยกัน
ขณะที่คนเหล่านั้นกำลังทำหน้าที่ปรนนิบัติพระเจ้าอยู่
แม้เรามีบทบาทไม่ได้โดดเด่นอะไรในการรับใช้พระเจ้า
แต่ถ้าเราสัตย์ซื่อและทำอย่างสุดหัวใจในงานที่เรามีโอกาสได้ทำเพื่อพระเจ้า
เราจะเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ทำให้งานของพระเจ้าออกมา อย่างถวายเกียรติแด่พระเจ้า
3. โยสิยาห์ไม่เชื่อว่า การที่เนโคจะยกทัพผ่านอิสราเอลนั้นเป็นคำสั่งของพระเจ้า
ดูเหมือนครั้งนี้โยสิยาห์จะพลาด ที่ไม่ถามพระเจ้าว่า นั่นเป็นคำสั่งของพระองค์จริงๆหรือไม่
แต่น่าจะเป็นเพราะว่า เขาคงคิดว่า
เป็นไปได้อย่างที่พระเจ้าจะตรัสกับคนอื่น ผู้ไม่ได้ยำเกรงพระเจ้าเท่ากับเขา โดยไม่ได้ตรัสกับเขาก่อน
เมื่อเราไม่แน่ใจว่า สิ่งที่กำลังทำนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าหรือไม่
เราควรอธิษฐานขอการเปิดเผยจากพระเจ้า และค้นหาคำตอบจากพระคำของพระองค์
บ่อยครั้งที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึง
เพื่อให้ผลที่ออกมา ทำให้แผนการแห่งน้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จ
คำคม
“ การทำสิ่งที่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า สำคัญมากกว่าการทำสิ่งที่มนุษย์เห็นว่ายิ่งใหญ่ ”