แนวคิด
:
– เนื่องจากชายที่พระเยซูรักษาให้หายตาบอด กล่าวชื่นชมพระเยซู
พวกฟาริสีจึงเยาะเย้ยเขา ว่า พระเยซูเป็นแค่คนไร้ชื่อเสียง(กระจอก) ไม่คู่ควรที่จะอาจารย์ของพวกเขา
เพราะพวกเขาเป็นศิษย์ของโมเสส
– พวกเขากล่าวว่า พวกเขารู้ว่าพระเจ้าให้ความสำคัญกับโมเสส พระองค์ตรัสกับโมเสส (ทรงเรียกโมเสส โดยตรัสจากพุ่มไม้ไฟ และตรัสอีกหลายครั้ง) แต่พระเยซูนั้นพวกเขาไม่รู้ว่ามาจากไหน
– ซึ่งอ่านแล้วก็งงกับพวกเขาเหมือนกัน 555 ใน ยน. 7:27 ประชาชนพูดกันว่า “แต่เรารู้แล้วว่าคนนี้มาจากไหน เพราะเมื่อพระคริสต์เสด็จมา จะไม่มีใครรู้เลยว่าพระองค์มาจากไหน” ก็คือ ว่าไปแล้วจริงๆแล้วพวกเขารู้ว่าพระเยซูมาจากไหน
– ในอีกมุมหนึ่งคือ ถ้าพวกเขาไม่รู้ว่าพระเยซูมาจากไหนจริงๆ พวกเขายิ่งต้องให้ความใส่ใจมากเป็นพิเศษ เพราะว่า “เมื่อพระคริสต์เสด็จมา จะไม่มีใครรู้เลยว่าพระองค์มาจากไหน” (ยน.7:27)
– แต่อย่างไรก็ตาม ความจริงแล้ว ในเรื่องฝ่ายวิญญาณ พวกเขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าพระเยซูมาจากไหน ใน ยน. 8:14พระเยซูตรัสตอบว่า “…พวกท่านไม่รู้ว่าเรามาจากไหนและจะไปที่ไหน”
– ดังนั้น คำพูดของพวกเขาที่ปฏิเสธพระเยซู “ไม่รู้ว่ามาจากไหน” กลับเป็นการยืนยันว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์
การประยุกต์ใช้
:
– เหตุผลที่พวกฟาริสียกขึ้นมาเพื่อปฏิเสธพระเยซู ดูตลกมาก
พวกเขาปฏิเสธเพราะไม่รู้ว่าพระเยซูมาจากไหน
– เหมือนกับว่า “ทั้งที่เห็นใบไม้ไหว แต่ไม่เชื่อว่าลมมีจริง เพราะไม่รู้ว่าลมมาจากไหน”
– ช่างเป็นมุมมองที่เอาตนเองเป็นศูนย์กลาง
– ระวังเชื้อของพวกฟาริสี คือ ต้องเข้าใจทุกอย่างที่ต้องการรู้ก่อน แล้วจึงจะยอมเชื่อ
– วันนี้เราอาจจะไม่เข้าใจอีกหลายอย่าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราที่ผ่านมา นั่นก็น่าจะมากพอแล้วที่จะทำให้เราเชื่อว่า “พระเจ้ามีจริง” “พระเยซูทรงรักเรา” “พระองค์พร้อมให้โอกาสเราเริ่มต้นใหม่” “พระองค์จะรักษาสัญญาของพระองค์อย่างแน่นอน”
– อย่ารอให้ถึงวันที่รู้และเข้าใจทั้งหมดก่อนแล้วค่อยเชื่อ เพราะบางทีวันนั้นอาจจะไม่มาถึงเราเลย ขณะที่เราอยู่ในโลกนี้